Tuesday, August 19, 2014

Review: The Curious Case of Lady Latimer's Shoes


The Curious Case of Lady Latimer's Shoes
The Curious Case of Lady Latimer's Shoes by Stephanie Laurens

My rating: 2 of 5 stars



เรื่องนี้เป็นเล่มแรกที่เรารู้สึกว่า ส่วนสืบสวนในเรื่องเริ่มจะเวิร์ค (นั่นคือ น่าสนใจขึ้นมาหน่อย) แต่ส่วนโรแมนซ์ก็อ่อนด้อยอยู่เหมือน คู่รักที่ลงเอยในเรื่องเป็นเหมือนพร็อปประกอบฉาก เรื่องเน้นไปที่อแดร์ และเพเนโลเป้อีก ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่สองคนนี้โคตรจะสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรในค้นหา ให้น่าสนใจในเรื่องความรักของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว (คือมันจบไปแล้วตั้งแต่ใน Where the heart Leads ซึ่งเล่าเรื่องราวความรักของพวกเขาแบบเต็ม)

เรามีความรู้สึกว่า ถ้าคนแต่งโฟกัสเรื่องลงไปที่คนในสองตระกูลที่ขัดแย้งกัน เรื่องอาจจะน่าสนใจ (และดรามา) มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนสเตฟานี ลอว์เรนส์ยังหลงติดอยู่กับการเล่าเรื่องราว (ที่ไม่น่าสนใจ) เอาเสียเลยของอแดร์ และพรรคพวก ก็เลยทำให้เรื่องดูราบเรียบ

อย่างที่บอกไป ส่วนสืบสวนน่าสนใจมากขึ้นมาหน่อย ถือว่า ทำให้เราอยากติดตามอ่านต่อไปได้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเข้าขั้นนักเขียนแนวสืบสวนเก่ง ๆ หรอกนะคะ



View all my reviews

Review: The Peculiar Case of Lord Finsbury's Diamonds: A Casebook of Barnaby Adair Short Novel


The Peculiar Case of Lord Finsbury's Diamonds: A Casebook of Barnaby Adair Short Novel
The Peculiar Case of Lord Finsbury's Diamonds: A Casebook of Barnaby Adair Short Novel by Stephanie Laurens

My rating: 1 of 5 stars



เล่มนี้เป็นงาน Self Pub ของเธอ ซึ่งในแง่คุณภาพ (การ edit) เราไม่รู้สึกว่า ด้อยไปกว่างานที่เธอออกขายกับเอวอนนะคะ (แต่ก็ไม่ได้หมายความในแง่ดีเท่าไหร) เรื่องเป็นแนวสืบสวนที่มีโรแมนซ์สอดแทรกแบบเล็กน้อยมาก นั่นคือ มีคู่ที่สมหวังความรักในเล่ม แต่เรื่องไม่ได้โฟกัสที่พวกเขา (หรือความรักของพวกเขา) เลย ในแง่ความสัมพันธ์ของตัวละคร เรื่องไปมุ่งที่คู่ของอแดร์กับเพเนโลเป้มากกว่า จนทำให้เราคิดว่า คนแต่งต้องการเขียนเรื่องของคู่อแดร์กับเพเนโลเป้ต่อ ปัญหาเรื่องเรื่องราวของสองคนนี้จบไปแล้ว ไม่มีอะไรให้น่าค้นหาในส่วนของโรแมนซ์อีก มันเหมือนบอกรักกันไป บอกรักกันมา เข้ากันได้อย่างดีมาก ซึ่งก็ดีสำหรับความรักของคนทั้งสอง แต่ไม่น่าสนใจสำหรับคนอ่านอย่างเรา

ทำให้อ่านไปแบบขาด ๆ เกิน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดบ่อยมากกับการอ่านงานของสเตฟานีช่วงนี้ เพราะส่วนสืบสวนก็ไม่ได้จับใจ น่าสนใจมากพอ ส่วนโรแมนซ์ก็ดูไร้ราคา (คือไม่ได้น่าสนใจเอาเสียเลย)




View all my reviews

Review: The Masterful Mr. Montague


The Masterful Mr. Montague
The Masterful Mr. Montague by Stephanie Laurens

My rating: 1 of 5 stars



เราอยากให้เปลี่ยนชื่อเรื่องมาก เพราะไม่มีอะไรที่ Masterful เกี่ยวกับคุณมอนเตกิวสักนิดเดียว (ซึ่งไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนะคะ เราอ่านพระเอกแนวเบต้าได้ แต่การตั้งชื่อแบบนี้มันชวนให้เข้าใจผิด) เรื่องนี้ในแง่โรแมนซ์แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนงานแนว Traditional Regency ที่สำคัญเป็นเรื่องของคนธรรมดา พระเอกเป็นผู้จัดการทางการเงินของบรรดาขุนนาง (ที่เป็นพระเอกในเล่มก่อนหน้า) นางเอกเป็น Lady Companion เรื่องราวคนสามัญทั่วไป ซึ่งเราคิดว่า น่าอ่านมาก แต่ปัญหาของเราก็คือ ทำไมเรื่องคนธรรมดาจึงต้องดูธรรมดา และไม่น่าสนใจด้วย (อันที่โทษเป็นความผิดคนแต่งค่ะ) เพราะเรื่องนี้ไม่น่าสนใจเลย ตัวละครดูราบเรียบ และความรักก็เหมือนเกิดขึ้นแบบซะงั้น

เช่นเดียวกับเล่มอื่น ๆ ในชุดที่ส่วนสืบสวนแย่งพยายามเป็นตัวเอกในพล็อตเรื่อง แต่ไปไม่ถึง เพราะไม่น่าสนใจมากพอ และเช่นเดียวกันอีกที่เรื่องโฟกัสที่อแดร์และเพเนโลเป้ (แล้วยังเติมฉากเซ็กส์ที่ขาดหายไปจากคู่ของมอนเตกิวและไวโอเล็ต ด้วยฉากหวือหวาของคู่นี้)



View all my reviews

Review: Six of Hearts


Six of Hearts
Six of Hearts by L.H. Cosway

My rating: 4 of 5 stars



ต้องเริ่มต้นบอกก่อนเลยว่า เราเป็นแฟนงานเขียนของแอลเฮช คอสเวย์อย่างมาก หลังจากอ่านหนังสือของเธอไปสองเล่ม (Painted Faces และ The Nature of Cruelty) แล้วชอบมาก ๆ ทั้งคู่ ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้ออกขาย เราจึงซื้อ และเริ่มต้นอ่านอย่างเร็วไว (งานเรื่องอื่น ๆ ของเธอเป็นแนวพารานอมอล ซึ่งเราไม่ได้อ่านเท่าไหร)

ก่อนรีวิวเราขอบอกก่อนนะคะว่า ถ้าใครยังไม่ได้อ่านคำโปรยของหนังสือเล่มนี้ เราแนะนำว่า อย่าอ่านนะคะ เพราะจุดอ่อนด้อย(ที่มากสุด)ที่เรารู้สึกกับเรื่องนี้เกิดจากเพราะเราอ่านคำโปรย เนื่องจากเราคิดว่า คำโปรยของเรื่องนี้ค่อนข้างทำให้เรามีความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหรนัก

คนที่เคยอ่านงานเขียนของนักเขียนคนนี้มาก่อน (และชอบ) เราคิดว่า ไม่น่าผิดหวังกับเรื่องนี้นะคะ เพราะสไตล์การดำเนินเรื่องมีความคล้ายคลึงกับสองเล่มก่อนหน้า เราไม่ได้หมายความถึงพล็อตนะคะ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและนางเอก นั่นคือไม่ได้เป็นรักแรกพบ (หมายถึงความรู้สึกที่คนอ่านได้จากการอ่าน) แต่เป็นพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป ความเป็นเพื่อนเกิดขึ้นก่อน จากนั้นก็กลายเป็นความรัก

เจย์ ฟิลด์เป็นนักมายากล และตอนนี้เขากำลังมีปัญหากับข่าวในทางเสียหายที่ถูกตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ชื่อดัง นั่นทำให้รายการโชว์ที่เขาเตรียมเพื่อออกอากาศถูกระงับ และเขามาที่สำนักงานทนายความที่บิดาของมาธิลดาเป็นทนายความอยู่ก็เพื่อขอให้รับทำคดี แต่คดีนี้ดูจะใหญ่เกินกว่ากำลังของทนายความเล็ก ๆ บิดาของเธอจึงปฏิเสธ แต่เมื่อรู้ว่า เจย์กำลังมองหาที่อยู่ ก็เสนอบ้านของตัวเองที่เพิ่งจัดสรรทำเป็นห้องว่างให้เช่า และนั่นทำให้มาธิลดาได้เพื่อนร่วมบ้านคนใหม่

ผู้ชายที่ไม่เหมือนใคร และแตกต่างไปจากทุกคนที่มาธิลดาเคยรู้จัก เขาคือความน่าตื่นเต้นที่ขาดหายไปจากชีวิตของเธอ แต่เจย์ไม่ได้เป็นอย่างที่ตาเห็น เขามีความลับ ความลับที่เขาไม่อาจบอกเธอได้ และยังเป็นความลับที่เขาเชื่อว่า ถ้าเธอรู้ก็จะไม่อาจยอมรับได้

เราชอบเรื่องนี้มาก ๆ นะคะ ระหว่างที่อ่านเราตามติดชนิดที่วางไม่ลง เจย์เปลี่ยนความคิดที่เรามีต่ออาชีพนักมายากลได้ และมองอาชีพนี้ด้วยสายตาใหม่ เราชอบตอนที่คนแต่งบรรยายเจย์ระหว่างที่เขาแสดงกล มันช่างน่าสนใจ และน่าติดตามจนทำให้เราคิดที่จะไปดูการแสดงมายากลเลยล่ะ (แต่ไม่ใช่ในสไตล์ของเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ที่ใส่สูทแสดงนะคะ แต่เป็นแนวสตรีทเมจิกมากกว่า)

โดยรวมแล้วชอบเล่มนี้มาก ๆ ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเราชอบสไตล์การเขียนของคนแต่งอยู่แล้ว เราชอบความสัมพันธ์ของตัวเอก เรารู้สึกถึงความผูกพันที่ก่อตัว เป็นโรแมนซ์แบบที่เราอยากอ่าน

จุดเดียวที่ผิดหวังเกิดจากเพราะเราดันไปอ่านโปรยเรื่องย่อ เพราะมันค่อนข้างให้ความรู้สึกว่า เรื่องจะไม่ได้ออกมาอย่างที่เป็น ทำให้คิดว่า เรื่องน่าจะมีอะไรมากกว่าเรื่องโรแมนซ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป (ที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอ)

สำหรับคนที่อ่านคำโปรยแล้ว ปัญหาของเราก็คือ คำโปรยถูกเขียนจากมุมมองของเจย์ แต่เรื่องนี้ทั้งเรื่องถูกเล่าโดยมาธิลดา แถมมันยังเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ซะด้วย จึงทำให้ตอนท้ายเรื่องรู้สึกเหมือนว่าเป็นสิ่งที่คาดอยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มันควรจะเป็นจุดที่ "ว้าว" ได้ เราพลาดในจุดนี้ไป และเราเสียดายมาก ๆ (จึงแนะนำว่า ไม่ควรอ่านคำโปรยก่อน)

อีกจุดนึงที่เราว่าด้อยกว่าส่วนอื่น (แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ เราชอบเรื่องนี้มากๆ) ก็คือการใช้พล็อตเดียวกับคดีของ News of the World (คนที่ไม่รู้เรื่องคดีนี้ ไม่ต้องไปหาอ่านนะคะ จะสปอยล์เรื่องทำให้เสียอรรถรสไป) เราเลยไม่รู้สึกเซอร์ไพร์สเท่าไหร

อย่างไรก็ตามการที่เรื่องนี้ออกมาเป็นแบบนี้ เราชอบนะคะ ตอนแรกขอบอกว่ากลัวมากว่า คนแต่งจะเขียนตามกระแสเรื่องแนวอีโมฯตามแบบ New Adult



View all my reviews

Review: Loving Rose: The Redemption of Malcolm Sinclair


Loving Rose: The Redemption of Malcolm Sinclair
Loving Rose: The Redemption of Malcolm Sinclair by Stephanie Laurens

My rating: 3 of 5 stars



เล่มนี้เป็นหนังสือที่มีสองชื่อ นั่นก็คือ Loving Rose: The Redemption of Malcolm Sinclair เราคิดว่า ที่ต้องมีสองชื่อ ก็เพื่อต้องการเรียกแฟนหนังสือที่ติดตามอ่านงานของสเตฟานีมาเป็นเวลานาน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันความสับสน Loving Rose เป็นชื่ออย่างเป็นทางการ เป็นชื่อที่พอเข้าใจได้ง่าย นางเอกชื่อโรส เรื่องเป็นแนวโรแมนซ์ ชื่อนี้ก็ไม่ได้เลวร้าย

ปัญหาอยู่ที่เกือบตลอดทั้งเรื่อง พระเอกไม่ได้ใช้ชื่อมัลคอล์ม ซินแคลร์ นั่นเป็นชื่อที่เขาเคยใช้ในอดีต (ในหนังสือเล่มอื่นก่อนหน้า) และเกือบครึ่งเรื่อง คนอ่านไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่า เขาเป็นใคร

เราจึงไม่ได้แนะนำเรื่องนี้ เพราะความหลังที่เยอะเกิน เราคิดว่า คนที่จะชื่นชอบ หรือสนใจเรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่อ่านงานเขียนของเธอมานาน (และเยอะ) และต้องเป็นคนที่ชอบตัวละครที่มีสีเทาด้วย นั่นเป็นปัจจัยที่เยอะเกินไป

และว่าตามตรง ถ้าเราไม่ได้ "กรี๊ด" มัลคอล์ม ซินแคลร์มาจากเล่มก่อนหน้า ด้วยเนื้อเรื่องของเล่มนี้เอง ก็ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น

มัลคอล์ม ซินแคลร์เป็นตัวละครที่ที่ออกมาในหนังสือหลายเล่มของสเตฟานี ลอว์เรนส์ เขาไม่ใช่พลพรรคของพระเอก แต่เป็นคู่ต่อกรที่คู่ควร ในเป็นตัวกึ่งร้าย นั่นคือเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายคนร้าย แต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติเอง

รู้สึกคุ้น ๆ บ้างไหม

เราคิดว่า คนแต่งน่าจะวางคาแร็คเตอร์ของเขาในแนวทางของ "เอ็ม" จากเรื่องเชอร์ล็อค โฮล์ม (แม้จะต้องยอมรับว่า มัลคอล์มไม่ได้น่าประทับใจขนาดเอ็มตัวจริง)

ในทุกเล่มที่เขามีบท มัลคอล์มเดินอยู่บนเส้นบาง ๆ แต่คนแต่งก็ไม่ได้ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า เขาข้ามเส้นไป ดังนั้นเมื่อถึงตอนจบของ The Taste of Innocence เราจึงมีความหวังเล็ก ๆ ว่า สักวันเธอเขียนเรื่องของเขา

และก็มาถึงเล่มนี้

ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นตอนสนองความโหยหาของเรามากกว่า ด้วยตัวเรื่องของมันเอง เราไม่อาจจะแนะนำให้ใครอ่านได้ เราคิดว่า ต้องเป็นคนที่มีความหลังกับคาแร็คเตอร์กันมาพอควร จึงจะสามารถเข้าใจ และพอใจกับเรื่องนี้ได้

หลังจากเหตุการณ์ในตอนท้ายของเรื่อง The Taste of Innocence (ซึ่งในเรื่องก็ไม่ได้เล่าอย่างละเอียด จนเราคิดว่า คนที่ไม่ได้อ่านเล่มนั้น น่าจะงง) มัลคอล์มรอดตายอย่างปาฎิหารณ์ และได้รับโอกาสที่สองในการมีชีวิต เพื่อบางอย่าง... สิ่งที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คืออะไร

เจ็ดปีต่อมา มัลคอล์มซึ่งใช้ชื่อว่าโธมัส ก็ได้พบกับมัน เธอคือหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง

โรสใช้ชีวิตหลบซ่อน และเก็บงำความลับเพื่อปกป้องเด็กสองคนจากคนร้าย เธอคิดว่า คงจะต้องหนีไปตลอดชีวิตจนกระทั่งได้เจอกับโธมัส คนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ

เรื่องนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในชุดคดีของบาร์นาบี อแดร์ นั่นหมายถึงจะต้องมีนักสืบสมัครเล่นอย่างบาร์นาบี ภรรยา และเพื่อนพ้องของเขาเข้ามาสืบคดี

เราว่าเล่มนี้ทำได้ดีกว่าเล่มอื่น ๆ ในชุดเดียวกัน (หมายถึงคดีของอแดร์นะคะ) เพราะสมดุลระหว่างเรื่องโรแมนซ์และสืบสวนถือว่า ใช้ได้ ในขณะที่เล่มอื่นโรแมนซ์แย่มาก ๆ เล่มนี้ครึ่งเล่มแรกใช้เวลาไปกับโธมัส และโรส ก่อนที่จะเข้าถึงส่วนของคดี เลยทำให้เรื่องสอบผ่านสำหรับเรา

โดยรวมไม่แนะนำ แต่ถ้าเป็นแฟนของมัลคอล์ม ซินแคลร์กันมาในอดีต ก็ควรจะหามาอ่านนะคะ



View all my reviews