Big Bad Beast by
Shelly Laurenston My rating:
5 of 5 stars เล่มนี้กลายเป็นหนังสือที่เราเรียกว่า Comfort Read ของเราไปแล้วค่ะ นั่นคือมองซ้ายมองขวา นึกไม่ออกว่าจะอ่านเรื่องอะไรดี ก็หยิบเล่มนี้มาอ่านซะอย่างงั้น เรื่องนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่เราอ่านซ้ำเยอะที่สุดในช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา (คิดว่าน่าจะอ่านซ้ำเกินสิบครั้งไปแล้ว)
แล้วยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบเล่มนี้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ สำหรับเราแล้ว องค์ประกอบทุกอย่างในเล่มนี้โดนใจเราไปเสียหมด เริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกนางเอกที่ดูจะไม่เท่าเทียมกันนัก พระเอกที่หลงรักนางเอกมาตั้งแต่ต้น โดยที่เธอไม่รู้ว่า เขามีตัวตนด้วยซ้ำ แต่ด้วยลูกตื้น มารยาสาไถหลายอย่าง ทำให้นางเอกใจอ่อนลงเรื่อย ๆ ประกอบกับอารมณ์ขันของคนแต่งที่เราชอบ (เราไม่แน่ใจว่า อารมณ์ขันของแชลลี ลอเรนสตันจะถูกโรคไปกับทุกคนนะคะ แต่กับเรา ถูกใจค่ะ) ทำให้เรื่องนี้อ่านได้สนุกแบบไร้สาระ แต่มีความสุขมากที่สุด
ไม่อยากเขียนอะไรมากนะคะ เพราะเคยเขียนรีวิวไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน นอกจากจะบอกว่า กลับมาอ่านใหม่รอบนี้ ก็ยังสนุกน่ารักเหมือนเดิม
นี่เป็นรีวิวเก่าที่เคยเขียนเอาไว้ค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่หกในชุด Pride ที่ไม่ได้เล่าเรื่องของสิงโตหรอกนะคะ ทั้งพระเอกและนางเอกในเล่มนี้เป็นหมาป่า ว่าไปแล้วชุดนี้เราเรื่องเหล่ามนุษย์แปลงร่างในเมืองนิวยอร์ค เชื่อมเรื่องราวทุกเล่มเอาไว้ด้วยมิตรภาพอันเหนียวแน่นของคาแร็คเตอร์ในชุด ที่เน้นแฟ้น และเพี้ยนอย่างที่คุ้นเคย
ในที่สุดหลังจากรอคอยมาหลายเล่ม เล่มนี้ก็เล่าเรื่องกุ๊กกิ๊กระหว่างดีแอน สมิท และอัลริค แวน โฮลซ์ ชายและหญิงสองคนที่แตกต่างกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
คนที่ติดตามอ่านเรื่องชุดนี้มาตลอดคงจะพอนึกออกว่า ครั้งแรกที่ริคเห็นดีแอน (เหตุการณ์ในเรื่อง The Mane Squeeze) เขาก็ตกหลุมรักอย่างจัง หญิงแกร่ง โหด และน่ากลัวมากคนนี้พิชิตใจของหมาป่าหนุ่มที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ทั้งคู่ไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค ริคพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับดีแอนทุกวิถีทาง แต่สาวเจ้าก็ยังไม่สนใจ
ในเล่มนี้คนอ่านได้ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน และได้พบว่า การพบกันครั้งแรกระหว่างริคและดีแอน ย้อนกลับไปนานกว่านั้น เขาอายุหกขวบ เด็กชายคงแก่เรียนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ริคติดตามนีล ผู้เป็นลุงไปในทริปการเดินทางที่นีลต้องการติดต่อกับนักฆ่าฝีมือดีที่สุดในหน่วยรบพิเศษ มาทำงานให้กับองค์กรของเขา การเจรจาระหว่างนีลและเอ็กกี สมิธเป็นไปด้วยดี (เท่าที่จะเป็นได้) จนกระทั่งริคได้พบกับหญิงในฝัน
ดีแอน สมิทคือลูกสาวของเอ็กกี สมิธ และเธอคือลูกของพ่อ ดีแอนมีนิสัยเหมือนพ่อผู้รักสันโดด และแทบจะไม่มีด้านอ่อนโยนให้เห็นมากนัก แม้ในวัยเพียงสิบปี ดีแอนก็เริ่มขอเงินพ่อเพื่อมาซื้อมีดเล่มใหญ่ที่สาวเจ้าโฆษณาสรรพคุณให้ฟังว่า น่าจะแทงทะลุอกคนได้ง่าย ๆ แต่กระนั้นเมื่อเด็กชายวัยหกขวบยื่นห่อช็อคโกแลตมาให้ ดีแอนก็รับมาไว้แบบงง ๆ พร้อมกับคำเตือนจากพ่อว่า อย่าไว้ใจพวกแวน โฮลซ์ เพราะคนพวกนี้ไม่เหมือนสมิธ พวกนี้มีวัฒนธรรมมากเกินไป ดูดีเกินไป
เรื่องตัดกลับมาในตอนปัจจุบัน ริคซึ่งเป็นหัวหน้าโดยตรงของดีแอนในองค์กรที่นีล (ลุงของริค) เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มที่มีชื่อง่ายมากว่า The Group ที่ทำหน้าที่ปกป้องเหล่ามนุษย์แปลงร่างจากอันตราย ซึ่งตอนนี้กำลังมีภารกิจสำคัญในการตามล่ากลุ่มคนที่จับเอาเหล่าลูกครึ่ง (ของสายพันธุ์ต่าง ๆ ของมนุษย์แปลงร่าง) มาต่อสู้ในสังเวียนเถื่อน ซึ่งพล็อตนี้ดำเนินต่อเนื่องมาจากเล่มสี่ในชุดแล้วล่ะค่ะ
ทั้งริคและดีแอนจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือ ริคปิ๊งดีแอนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ และสาวเจ้าก็เมินเฉยเขาเหลือเกิน แต่การเมินเฉยของดีแอนก็มีอะไรบางอย่างแปลก ๆ รวมอยู่
หญิงสาวชอบสะเดาะกุญแจแอบเข้าไปในบ้านของริค จนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มทนไม่ได้ต้องหาเรื่องทำอาหารให้เธอกินเป็นประจำ ในฐานะหัวหน้าเชฟแห่งภัตตาคารหรู ริคโมโหทุกครั้งที่ดีแอนบอกว่า เขาใช้บลูเบอรีจากกระป๋อง นั่นเป็นยิ่งกว่าการดูถูก
และเมื่อริคจับทางของดีแอนถูก เขาเข้าใจตัวตนของเธอ ภารกิจพิชิตใจหมาป่าสาวหัวดื้อก็เริ่มต้นขึ้น และนั่นทำให้หนังสือเรื่องนี้สนุกมาก ๆ
เราชอบริคมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาออกมามีบทใน The Mane Squeeze แล้วค่ะ ใครล่ะจะไม่ชอบเขา ริคเป็นเพื่อนที่ดี เป็นชายหนุ่มชนิดสาว ๆ ต้องฝันหวาน เขาเป็นหัวหน้าเชฟในภัตตาคารของเผ่า เป็นเจ้าของทีมฮ็อคกี้ที่ตัวเองเล่นให้ด้วย ริคคือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ (และเราหมายความแบบนั้นจริง ๆ ) ปกติเราไม่ชอบคาแร็คเตอร์ที่ดีไปทุกอย่างแบบนี้นะคะ แต่มีอะไรบางอย่างในตัวริคที่ทำให้เราใจละลายได้ง่าย ๆ และนั่นสำคัญมาก เพราะถ้าเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ก็คงจะไม่มีวันเข้าถึงหัวใจของดีแอน
เพราะดีแอนไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป หนังสือหลายเรื่องเขียนคาแร็คเตอร์นางเอกเป็นหญิงแกร่ง แต่เล่มนี้คงต้องบอกว่า โคตรแกร่ง ดีแอนเหมือนทหารผ่านสงครามที่เจออะไรมาหลายอย่าง ทำอะไรมาหลายอย่าง และเธอไม่ได้เสียใจไปกับมันแม้แต่น้อย (ในแง่นึงเรารู้สึกว่า เธอน่าจะเหมือนกับพ่อของเหล่าหนุ่ม ๆ ตระกูลแม็คคราวด์ของแชนนอน แม็คเคนนา) บ่อยครั้งที่ความสุขของเธอก็คือ การอยู่คนเดียว ในความเงียบ ไม่ต้องมีใครมายุ่ง
ในเล่มก่อนหน้ามีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่า ทนดีแอนต่อไปไม่ได้แล้ว การกระทำหลายอย่างของเธอข้ามเส้นที่เราขีดไว้ให้กับคาแร็คเตอร์ที่เป็นนางเอกเกินไป แต่พอมาในเล่มนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นหายไปหมดเลยนะคะ ซึ่งไม่ใช่เพราะดีแอนเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ดีขึ้น
แต่เป็นเพราะในเล่มนี้ คนอ่านได้เห็นดีแอนผ่านสายตาของริค ผู้ชายคนที่เข้าใจเธอดีกว่าตัวเธอเองเสียอีก
เรารู้สึกว่า การจับคู่ชายและหญิงสองคนที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ได้ผล เพราะคนแต่งเข้าใจในคาแร็คเตอร์ ข้อดี ข้อด้อยของพวกเขาอย่างชัดเจน ทั้งสองเติมเต็มให้กันและกัน
หนังสือมีชื่อเรื่องว่า Big Bad Beast ซึ่งเราบอกได้เลยว่า ไม่ได้หมายความถึงริคที่เป็นพระเอก ไม่ใช่เพราะริคอ่อนแอ แต่ริคมีจุดแข็งอย่างอื่นที่โดดเด่นมากกว่า เขาสามารถป้องกันตัวเอง และคนที่รักได้ถ้าจำเป็น แต่สถานการณ์ในเรื่องนี้ ริคไม่ค่อยจำเป็นต้องทำเท่าไหร (มีบ้างเล็กน้อย) เขาคือคนที่เข้าใจดีแอน และรู้จุดแข็งของเธอ เขารักเธอมากพอ ไว้ใจเธอมากพอที่จะให้ดีแอนเป็นตัวเอง พระเอกในเรื่องนี้ไม่ได้ปกป้องนางเอกโดยการหุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนที่ปกป้อง แต่เขาอยู่รอเธอกลับมาจากภารกิจ โอบกอดเธอ และดูแลเธอ
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของมารยาชาย ที่ริคควักมาใช้หลายเล่มเกวียนเพื่อเอาชนะใจดีแอน ทั้งจัดการจนทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์กันอย่างที่ดีแอนไม่ทันตั้งตัว หรือว่าจะเป็นการเล่นตัว (จนดีแอนต้องไล่จับไปทั่วอพาท์เมนต์) เพื่อให้สาวเจ้ายอมค้างคืน ไม่หนีหายไปกลางดึก
เอกลักษณ์ในการเขียนของเชลลีก็ยังมีอยู่ครบค่ะ แต่เล่มนี้เราว่าติดดินมากกว่าเล่มอื่น ๆ (ในแง่ที่พฤติกรรมตัวละครไม่ประหลาดผู้คนเกินเหตุ) และนั่นทำให้เรายิ่งชอบเรื่องนี้มากขึ้นไปอีกนะคะ เพราะไม่ต้องอาศัยมุขตลกหลุดโลก แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน
เรารักทุกวินาทีที่นั่งอ่านเล่มนี้เลยค่ะ เป็นหนังสือที่ให้ความสุขเราในขณะที่อ่านมาก ๆ
คะแนนที่ 97
View all my reviews