Friday, May 30, 2014

Review: Tragic


Tragic
Tragic by J.A. Huss

My rating: 3 of 5 stars



เราไม่ได้คิดจะอ่านเล่มนี้เลยนะคะ ในโหมดอารมณ์ที่เบื่อหน่ายเรื่องแนวไตรภาคที่เล่าเรื่องราวของคาแร็คเตอร์คู่เดิม เบื่อเรื่องที่จบอย่างค้างคา และจากที่เราอ่านเรื่อง Taut ซึ่งไม่ใช่เรื่องของคาแร็คเตอร์หลักคู่นี้ แต่มีการกล่าวถึง และการกล่าวถึงนั้นก็ไม่ได้ทำให้เราประทับใจเกิดความอยากอ่านขึ้นมาสักนิดเดียว

แต่เรื่องชุดนี้ส่งผลแปลก ๆ กับเราค่ะ เพราะหลังจากอ่านเรื่อง Taut ไปได้พักนึง เราไปหยิบอีกเล่มในชุด (ซึ่งเป็นอีกคาแร็คเตอร์นึง) มาอ่าน ก็ดันชอบมากจนรู้สึกว่า ต้องอ่านต่อแล้วล่ะ ปัญหาคือเล่มที่เราอยากอ่าน (และอยู่ในชุดนี้) ยังไม่ออกขาย สถานการณ์ที่เหลือทนมาก เราไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบเอาเล่มนี้ล่ะมาอ่านคั่นเวลา ไม่ได้คาดหวังนะคะ เพราะอย่างที่บอก เท่าที่เราได้เจอกับพระนางของเล่มนี้ (ในเล่มอื่นที่อ่านไปก่อนหน้า) เราไม่รู้สึกว่า พวกเขาน่าสนใจอะไรเลย

แล้วก็ต้องแปลกใจค่ะ เพราะเรื่องนี้สนุกกว่าที่คิดเยอะมาก ที่สำคัญแสดงให้เราเห็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับนักเขียนคนนี้ นั่นก็คือ ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่ตาเห็น นั่นคือ เราคิดว่า เรารู้สึกคาแร็คเตอร์พระนางของเล่มนี้แล้วจากการอ่านเล่มก่อนหน้า แต่เทคนิคการเล่าเรื่องของเธอคือ ผ่านมุมมองของตัวละครใดตัวละครนึง (นั่นคือใช้คำว่า "ฉัน" ในการเล่าเรื่อง) และทั้งรุกและโรนินไม่เคยเล่าเรื่องของเขา (ในเล่มที่เราอ่าน) เราจึงไม่ได้รู้จักทั้งคู่อย่างแท้จริง เราเพียงแค่ "เห็น" พวกเขาผ่านสายตาของคาแร็คเตอร์อื่น (ที่เป็นคนเล่าเรื่อง) และนั่นเป็นคนละเรื่องกันเลย

นี่ไม่ใช่สิ่งแรกที่เราได้เรียนรู้จากการอ่านงานของนักเขียนคนนี้นะคะ แต่มันเกิดขึ้นในเล่มต่อไป (ซึ่งเราจะเขียนถึงต่อไป)

พล็อตของเรื่องนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ และดูไม่สมจริงเท่าไหร รุก เด็กสาววัยสิบเก้าปีที่ไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง เธอหนีมาจากความสัมพันธ์อันเลวร้าย (ที่ไม่ได้เล่าละเอียด แค่มันจบลงไม่สวย และเธอน่าจะเป็นเหยื่อถูกซ้อม) เพิ่งถูกไล่ออกจากงานหลังจากถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ไม่มีที่พัก และอาศัยในบ้านพักคนจรจัด เงินเหรียญสุดท้ายที่มีก็ถูกเธอตัดสินใจใช้ซื้อกาแฟสตาร์บัคกิน เพราะมันสุดทางแล้ว จะให้ทำอะไรล่ะ แต่ในร้านสตาร์บัคอย่างบังเอิญ (เหลือเชื่อ) รุกได้นามบัตรของช่างภาพแห่งสตูดิโอที่อยู่ใกล้ ๆ นามบัตรที่เขียนด้านหลังว่า ถ้าภาพถ่ายของเธอเข้าตา เธอจะได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน

มันดีกว่าไม่ทำอะไร และเรื่องก็พาฝันเหลือจริง เพราะแน่นอนว่า เมื่อรุกไปที่สตูดิโอแห่งนั้น เธอคือ "คนที่ใช่" นางแบบที่ตามหามานาน และชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

เราอ่านพล็อตที่คำโปรยเรื่อง และบอกตามตรงว่า ไม่รู้สึกว่า เรื่องน่าสนใจ ยิ่งรู้ว่า พระเอกของเรื่องเป็นนายแบบ เราก็ยิ่งออกอาการยี้เล็ก ๆ แต่คงต้องสารภาพว่า ประสบการณ์ขณะที่อ่าน เราอินไปกับเนื้อเรื่องนะคะ แม้จะรู้สึกว่า มันช่างพาฝันเหลือเกิน แต่คาแร็คเตอร์ของนางเอกค่อนข้างติดดิน เราชอบที่เธอเข้าใจความเป็นไปของโลก รู้ว่า นี่เป็นโอกาสที่อาจจะไม่กลับมาอีก เธอไม่ได้ปล่อยมันไป แต่ในขณะเดียวกันก็มองหาช่องทางเอาชีวิตรอด ปกติเราไม่ชอบนางเอกวัยกระเตาะ เพราะเด็กอเมริกันน่ารำคาญ แต่เราชอบตัวตนของรุกมาก คิดว่าลงตัวในแง่ของความใสซื่อ และกร้านโลก

นอกจากนี้เราชอบความไม่ซับซ้อนของเนื้อเรื่อง ความพาฝันเล็ก ๆ (มันอาจจะขัดกับสิ่งที่เราเขียนไปแล้วนะคะ คือเราไม่ชอบพล็อตเรื่องพาฝัน แต่กับเล่มนี้เราว่า มันลงตัว แม้จะดูไม่น่าเชื่อ แต่เราเชื่อ) เราชอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างรุกและโรนิน (กระทั่งชื่อของพระเอกที่เรารู้สึกว่า ปัญญาอ่อนมาก ยังรู้สึกว่า ให้อภัยได้)

อันที่จริงตอนอ่านแค่เล่มนี้เล่มเดียวเรายังไม่ชอบมากเท่านี้นะคะ แต่เมื่อเราอ่านเล่มสองและสามในชุด (ที่รุกและโรนินเป็นตัวเอก) เรายิ่งรู้สึกว่า เล่มนี้เขียนได้ดี เพราะมีอะไรมากมายเกิดขึ้นในเล่มต่อ ๆ ไป แต่การอ่านเล่มนี้ไม่สร้างคำถาม (เราหมายความในแง่ที่ดีนะคะ) คืออ่านแล้วจบลงตัว ไม่ค้างคา ที่สำคัญประเด็นที่เปิดตามมาในเล่มหลัง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนแต่งมาเพิ่มเติมเอง แต่เป็นเบาะแสที่ทิ้งไว้ในเล่มนี้ แต่การเขียนที่ลงตัวไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า มันเป็นประเด็นใหญ่โตอะไร

ในบรรดาหนังสือในชุดนี้ที่เราอ่านไปทั้งหมด เล่มนี้หวานและเป็นโรแมนซ์มากที่สุด



View all my reviews

No comments: