Thursday, June 27, 2013

Review: Branded by Fire


Branded by Fire
Branded by Fire by Nalini Singh

My rating: 4 of 5 stars



เราเคยเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้มาก่อนนะคะ เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก แต่เนื่องจากเราหยิบหนังสือชุดนี้มาอ่านใหม่อีกรอบ ทำให้มีสองรีวิวในเวลาเดียวกัน

เริ่มต้นจากรีวิวเก่าที่เราเคยเขียนเอาไว้


หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่หกในชุดไซ/ชาเลนจิ้งค์ เรื่องราวของโลกในอนาคตที่โลกของเราถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ชาวไซผู้มีพลังจิต ชาเลนจิ้งค์ผู้มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ และมนุษย์ธรรมดา จุดเด่นมาก ๆ ของหนังสือเรื่องนี้ก็คือ เทคนิคการเขียนของคนแต่งที่ไม่ทำให้เกิด Information Overload โดยให้ข้อมูลมากจนเกินไป ในแต่ละเล่มความลับและค่อย ๆ เผยออกอย่างชาญฉลาด และยิ่งทำให้เล่มต่อไปดูน่าติดตามมาก ๆ ส่วนตัวแล้วแม็กซ์คิดว่า ชุดนี้เขียนได้ลงตัว และมีการวางแผนอย่างรัดกุมมากที่สุด

แต่แน่นอนว่า การที่จะเริ่มต้นอ่านที่เล่มนี้เลยทันที ก็จะเป็นการสปอยล์เหตุการณ์ที่เกิดในเล่มก่อนหน้า ดังนั้นจึงไม่ต้องเตือนนะคะว่า รีวิวของแม็กซ์จะมีการสปอยล์หลายอย่างที่เป็นปริศนาในเล่มก่อนหน้า

เมอร์ซี่เป็นหนึ่งในเซนติเนลของเผ่าดาร์คริเวอร์ ซึ่งเป็นเผ่ามนุษย์เสือที่ครอบครองดินแดนในแถบคาลิฟอร์เนียตอนใต้ เผ่าดาร์คริเวอร์เป็นตัวละครสำคัญในหนังสือชุดนี้ เรื่องราวในชุดเกือบทุกเล่มจะโฟกัสไปที่คนในเผ่านี้ และเมอร์ซี่เป็นเซนติเนล (หรือเทียบก็คือกลุ่มคนที่เป็นมือขวาของหัวหน้าเผ่า) คนสุดท้ายที่เป็นโสด

เพราะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว แถมยังมีลักษณะของความเป็นผู้นำมากกว่าชายทั่วไป ทำให้โอกาสของเมอร์ซี่ในการพบคู่ของเธอเป็นเรื่องยากมาก แต่กระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะปิ๊งกับไรลี่ย์ ลูเทนเน้นท์จากเผ่าสโนว์แดนเซอร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเผ่าดาร์คริเวอร์ และเป็นกลุ่มมนุษย์หมาป่า

รักข้ามสายพันธุ์ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่เท่ากับลักษณะเด่นของทั้งเมอร์ซี่ และไรลี่ย์ ทั้งคู่มีความเป็นผู้นำ และตัวตนของสัตว์ที่อยู่ในกายของทั้งคู่ต่างเรียกร้องหลายอย่างที่อีกฝ่าย ไม่อาจจะยอมได้ ประเด็นในเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงอยู่ตรงนี้ เพราะไรลี่ย์เป็นหมาป่า เป็นมือขวาของหัวหน้าเผ่า เขาต้องการอย่างยิ่งที่จะปกป้องเมอร์ซี่จากอันตรายทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกันเมอร์ซี่ไม่ใช่สาวน้อยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เธอคือเซนติเนลผู้แข็งแกร่ง เธอไม่อาจทนกับความพยายามปกป้องจากไรลี่ย์ได้มากนัก

หนังสือเล่มนี้จึงเหมือนการเต้นรำของทั้งคู่ ความพยายามที่จะมาพบกันครึ่งทาง เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว เพราะในบางครั้งแค่ความรักมันก็อาจจะไม่เพียงพอ หากนั่นหมายถึงพวกเขาต้องเปลียนแปลงตัวเองไปเป็นอีกคนนึง

แม็กซ์ชอบความสัมพันธ์ระหว่างไรลี่ย์และเมอร์ซี่มาก ๆ นะคะ อาจจะเรียกได้ว่ามากพอ ๆ กับที่ชอบคู่เบรนน่าและจัดด์ (จาก Caressed by Ice) เลยด้วยซ้ำ ทั้งคู่เป็นตัวละครที่มีคาแร็คเตอร์ชัดเจน และรู้ว่าต้องการอะไร และพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อให้ได้มา แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกอย่างจะเป็นไปสวยหรู ไรลี่ย์ไม่อาจเอาชนะสัญชาตญาณที่ต้องการปกป้องเมอร์ซี่ ในขณะเดียวกันเสือดาวในกายของเธอก็ไม่อาจยอมรับชายที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ ได้เช่นกัน

ตามความเห็นของเราเล่มนี้เป็นเรื่องที่มีฉากเซ็กส์ที่ร้อนแรงมากที่สุดเล่ม นึงในชุด แต่ก็ด้วยความสามารถของคนแต่งอีกเช่นกันค่ะ ที่เรารู้สึกว่า เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ด้วยบุคลิคของทั้งไรลีย์และเมอร์ซี่ที่มีความเป็นอิสระสูง และสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ที่แฝงในกายของทั้งคู่ มันจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมมาก ๆ

ถ้าเรื่องนี้จะมีข้อเสีย (แม็กซ์ไม่แน่ใจว่าใช้คำนี้ถูกไหมนะคะ) ก็คงเป็นที่ พล็อตไม่ค่อยจะมีความเกี่ยวข้องกับตัวละครเอก ในเรื่องมีการกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจที่สาม กลุ่มสหพันธ์มนุษย์ (Human Alliance) ที่พยายามโชว์อำนาจของตัวเองด้วยการวางแผนการบางอย่าง และหนึ่งในนั้นเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวสมาชิกจากเผ่าดาร์คริเวอร์ไป ในฐานะที่เป็นเซนติเนลจึงเป็นหน้าที่ของเมอร์ซี่ และไรลี่ย์ซึ่งเป็นพันธมิตรของดาร์คริเวอร์ในการสืบหาความจริง และทำให้ทั้งสองได้ล่วงรู้แผนการที่ร้ายแรงยิ่งกว่า กระนั้นทั้งหมดนี่ก็ยังไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวไรลี่ย์หรือเมอร์ซี่เลย นั่นทำให้เดิมพันของตัวละครไม่สูงเพียงพอ เพราะมันเป็นเรื่องของคนอื่น

ในอีกทางนึง พล็อตแนวนี้ทำให้คนอ่านได้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของชุดนี้มากขึ้น เราได้รู้เห็นความเป็นไปของกลุ่มสหพันธ์มนุษย์ ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาผู้ปกครองชาวไซ และได้มีโอกาสเห็นชีวิตความเป็นของตัวละครในเล่มก่อนหน้าว่าหลังจากแฮ็ปปี้ เอ็นดิ้งส์ในเล่มของตัวเอง พวกเขามีชีวิตต่อมาอย่างไร

แม็กซ์จึงอยากสรุปสาระของเล่มนี้ว่า เป็นเล่มหยุดพักเพื่อรอสงครามใหญ่

นั่นไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่สนุกนะคะ เพราะมันสนุกตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย และพล็อตที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับตัวละครหลักก็ไม่ได้เบี่ยงเบนความน่าสนใจ ของพวกเขา และนี่คือคำชม เพราะเราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนังสือชุด BDB ของเจอาร์ วาร์ด ที่คนแต่งสร้างโลกใหญ่เกินความน่าสนใจของตัวละครเอก และมันเป็นการทำลายตัวละครเอกไปหมดสิ้น (นั่นคือหนังสือสนุกนะคะ แต่ตัวละครเอกน่าเบื่อหน่าย) แต่นลินีรอดพ้นจากกับดักอันนั้น

ต่อไปเป็นความเห็นของแม็กซ์เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ หลังจากอ่านเล่มนี้จบนะคะ (ต้องขอโทษเพื่อนหลายคนด้วยที่เราอ่านช้า เลยไม่ได้คุยกันในเวลาที่ควรจะเป็น) และแน่นอนว่า มันเป็นสปอยล์สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านมาจนถึงเล่มนี้นะคะ

แม็กซ์เป็นคนแปลกกว่าคนอื่นค่ะ นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงไม่คลั่งไคล้ในตัวฮอร์ค ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าสโนว์แดนเซอร์ เราไม่มีความอยากอ่านเรื่องของเขาแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะเมื่อหลายอย่างบ่งชี้ว่า เซียนน่าจะเป็นนางเอกของเขา แต่ในเล่มนี้เริ่มทำให้เรามีความหวัง เพราะมีความเป็นไปได้ที่เธอจะไม่ใช่นางเอกของเขา และแม็กซ์ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น เพราะเราคิดว่า เซียนน่าเป็นตัวละครที่มีความน่าสนใจ (ซึ่งเราเพิ่งรู้สึกในเล่มนี้) แต่ความน่าสนใจของเธอจะไร้ค่ามาก ๆ ถ้าเอาเธอมาประกบคู่กับฮอร์ค

ตัวละครอื่นที่เราอยากให้นลินีเขียนถึงมากที่สุดคือ คาเล็บ สมาชิคสภาผู้ปกครองชาวไซ และนี่คือความกลัวสูงสุดของเรา ถ้าหากคาเล็บกลายเป็นตัวร้าย แล้วไม่มีเล่มเป็นของตัวเอง แม็กซ์บอกตามตรงนะคะว่า เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกยังไงถ้ามันออกมาเป็นเช่นนั้น เพราะบอกตามตรงว่า ตอนนี้ฉากไหนที่คาเล็บออก ใจแม็กซ์ละลายแล้วละลายอีก เลยไม่รู้ว่าจะทำใจได้แค่ไหนน่ะค่ะ หากเขาไม่ได้เป็นพระเอก (บอกตามตรงว่า แม็กซ์ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนดีไหม แต่เราคิดว่าเขาคือโกสต์ ซึ่งในเรื่องก็บอกเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า จะทำทุกอย่างเพื่อชาวไซ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีกับเผ่าพันธุ์อื่นก็ได้)

ในเรื่องนี้ฉากที่เขาคิดหลังจากสู้กับกลุ่มสหพันธ์มนุษย์ทำเอาเราใจหายไปมาก ๆ เลย โดยเฉพาะเมื่อเขาเอ่ยชื่อตัวร้ายในเล่มแรก (แต่ยังมองโลกในแง่ดีว่า คนแต่งจะทำให้คนอ่านสับสน)

อยากรู้ว่า มีใครเกิดความรู้สึกนี้กับคาเล็บอย่างที่แม็กซ์เป็นบ้างไหมคะ

สำหรับเล่มนี้ คะแนนที่ 83



และนี่คือสิ่งที่เราคิดหลังจากอ่านจบรอบใหม่

เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นอีกด้านนึงของคนแต่งในการเขียนส่วนของโรแมนซ์ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเมอร์ซี และไรลีย์แตกต่างจากพระนางในเล่มก่อนหน้า การจับคู่ในเล่มก่อนหน้าเป็นการจับคู่ต่างเผ่าพันธุ์กัน และมักจะมีฝ่ายหนึ่งเสมอที่เย็นชา หรือมีปมในใจทำให้ไม่อาจเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางกายได้ แต่มาในเล่มนี้เป็นเรื่องราวความรักของชาวเชนจิ้งค์ทั้งสองคน เผ่าพันธุ์ที่เปิดเผยเกี่ยวกับความรู้สึก ความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่เมอร์ซี และไรลีย์จะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ทางกายก่อนทุกอย่าง

เล่มนี้เป็นเหมือนเรื่องที่ส่งผ่านจากเผ่าดาร์คริเวอร์ไปยังสโนว์แดนเซอร์ เพราะแม้จะมีการกล่าวถึงเผ่าสโนว์แดนเซอร์มาแล้วบ้างในเรื่อง Caressed by Ice แต่เพราะจัดด์เป็นคนนอก และเบรนนาก็บอบช้ำไม่น้อย คนอ่านจึงไม่เห็นความเป็นไปภายในเผ่านั้นเท่าไหร ทว่าเล่มนี้เหมือนก็โยงใยเอาเรื่องต่าง ๆ ในเล่มก่อนหน้า ใช้คาแร็คเตอร์ที่คนอ่านรู้จักกันดีอยู่แล้วอย่างเผ่าดาร์คริเวอร์ ตัวละครเดียวที่ยังไร้คู่อย่างเมอร์ซี การจับคู่เธอกับไรลีย์ ซึ่งเปรียบเสมือนมือขวาของฮอร์ค หัวหน้าเผ่าสโนว์แดนเซอร์ เป็นการแนะนำตัวละครใหม่ ๆ และความเป็นไปในเผ่าสโนว์แดนเซอร์อย่างลงตัว

ประเด็นในเรื่องความรักไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันมาก เพราะไม่ได้มีอุปสรรคอะไรใหญ่หลวง นอกจากความรับผิดชอบของทั้งคู่ เมอร์ซีที่มีต่อเผ่าดาร์คริเวอร์ และไรลีย์ต่อเผ่าสโนว์แดนเซอร์ ทั้งคู่ไม่แน่ใจว่า หากทั้งสองตัดสินใจผูกพันใช้ชีวิตร่วมกัน นั่นจะหมายถึง คนใดคนหนึ่งจะต้องละทิ้งเผ่าของตัวเองหรือไม่ ไม่มีใครรู้คำตอบนั้น เพราะยังไม่เคยมีการผูกพันกันระหว่างสองเผ่า โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่มีความเข้มแข็งเท่าเทียมกัน และครอบครองตำแหน่งสำคัญเหมือนกันในเผ่าของตัวเอง แต่นี่คือหนังสือโรแมนซ์ เราพอจะนึกถึงทางออกหลายอย่างได้ นั่นจึงทำให้เวลาอ่านไม่ต้องลุ้นอะไรมากมายเท่าไหรนัก

เล่มนี้พล็อตต่อเนื่องกับเล่มก่อนหน้า ที่ตัวกองกำลังติดอาวุธของมนุษย์ ที่รวมตัวกันเพื่อลุกขึ้นสู้กับความไม่ยุติธรรม มนุษย์ที่ถูกมองว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง ถูกควบคุมได้ด้วยชาวไซ และอ่อนแอกว่าเหล่าเชนจิ้งค์ มาในเล่มนี้พวกเขาเป็นฝ่ายรุก ถึงขนาดวางแผนลอบสังหารสมาชิกสภาชาวไซ รวมทั้งวางแผนก่อการร้ายใหญ่โต

ส่วนที่เราชอบในเล่มนี้ก็คือ ความจริงที่เปิดเผยในที่สุดว่า ตัวร้ายแท้จริงก็คือชาวไซนั่นแหละ และกลายเป็นการเปิดโปงโฉมหน้าของทาเทียนา ริกา-สมิธไปด้วย

ก่อนหน้าเล่มนี้ เรารู้สึกเหมือนว่า เธออาจจะกลายเป็นฝ่ายดี (คำว่าดี ในแง่ที่ว่า เธออาจจะกลายมาเป็นตัวเอกในอนาคต ไม่ใช่ดีแบบเป็นคนดี) ได้ แต่หลังจากเล่มนี้ คนอ่านได้รู้ธาตุแท้ของเธอในที่สุด และได้รุ้ถึงความน่ากลัวของเธอด้วยในที่สุด

เล่มนี้ความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์คและเซียนนาค่อนข้างเป็นโฟกัสของเรื่อง เราพูดความรู้สึกของเราโดยรวมต่อสองคนนี้รวมมาถึงเล่มนี้เลยนะคะ เราค่อนข้างเชื่อว่าฮอร์คน่าจะคู่กับเซียนนา (และก็พิสูจน์ว่าจริงใน Kiss of Snow) แต่เรา (แม้กระทั่งตอนที่อ่านใหม่) มาจนถึงเล่มนี้กลับไม่รู้สึกตื่นเต้น ตามลุ้นไปกับสองคนนี้เท่าไหรนัก ตอนอ่านครั้งแรกก็คิดไม่ออกนะคะว่า เพราะอะไร แต่อ่านครั้งใหม่นี่เห็นชัดเจนเลย เรารู้สึกว่า คนแต่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์ค และเซียนนาไปในทางคู่กัดกันมากเกินไป ด้วยอายุที่มากกว่า และสถานะที่สูงกว่าของฮอร์ค ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเรื่องของทั้งคู่ออกมา คงจะเป็นแนวสลักจิต (ถ้าใครเกิดทันได้อ่านนะ) และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการสำหรับสองคนนั้น และนั่นก็พิสูจน์ว่า เราไม่ได้เรื่องเลย ประมาทฝีมือการเขียนของนลินี ซิงห์มากเกินไป เพราะ Kiss of Snow เวิร์คมาก ๆ ต่อไป เธอจะจับคู่ใครกับใคร เราไม่มีเสียงวิจารณ์อีกแล้วค่ะ

สำหรับเล่มนี้คะแนนเท่าเดิมอีกเช่นเคย



View all my reviews

No comments: