Thursday, June 27, 2013

Review: Mine to Possess


Mine to Possess
Mine to Possess by Nalini Singh

My rating: 3 of 5 stars



นี่เป็นการเขียนรีวิวซ้ำ หลังจากกลับมาอ่านเล่มนี้อีกครั้ง จึงมีรีวิวสองอันนะคะ

อันแรกคือสิ่งที่เราคิด และเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เราอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก



Mine to Possess ที่เป็นเล่มแรกที่จับคู่ระหว่างชาร์เลนจิ้งและมนุษย์ธรรมดาสามัญ (ซึ่งไม่สามัญเท่าไหรหรอกนะ) เรื่องของเคลย์และหญิงสาวที่รักมาตลอดชีวิต

ครั้งแรกที่เทลลี่พบกับเคลย์ (แบบเผชิญหน้ากัน) เธออายุสามขวบ ส่วนเขาเก้าขวบ เคลย์ขาหัก เทลลี่ซึ่งเป็นเด็กที่หวาดกลัวโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล และจับมือเขาให้กำลังใจขณะรอ นับจากนั้นเคลย์เป็นผู้พิทักษ์ของเทลลี่ แต่เขาก็ไม่สามารถคุ้มครองเธอจากความโหดร้ายของพ่อบุญธรรมของเธอได้ โดยที่เคลย์ไม่รู้เทลลี่โดยทารุณกรรมสารพัดรูปแบบจากพ่อและแม่บุญธรรม และเมื่อเขารู้ ด้วยวัยสิบสี่ปี เคลย์หักห้ามความโกรธไม่ได้ และฆ่าคนเป็นครั้งแรก

นั่นทำให้มิตรภาพหยุดลง

แม็กซ์ไม่ได้บอกว่าชอบเทลลี่เพราะความเข้มแข็งของเธอ แต่แม็กซ์รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจการกระทำของเธอนะ เทลลี่อายุเพียงแค่แปดปีตอนที่ทุกอย่างในชีวิตของเธอจบสิ้นลง เธอสูญเสียความมั่นคงในชีวิต เสียเคลย์ให้กับกฎหมาย และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธออาจไม่ใช่นางเอกที่เข้มแข็งที่สุด แต่แม็กซ์เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเทลลี่ถึงหลอกเคลย์ว่าตัวเองตายแล้ว เพื่อเริ่มต้นชีวิตโดยที่ไม่มีเขา ไม่ใช่ว่าแม็กซ์ชอบ แต่แม็กซ์เข้าใจ เธอเป็นเพียงแค่เด็กที่มีความคิดอ่านแบบเด็ก และเมื่อเวลาผ่านไป มันก็สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตแล้ว

ยี่สิบปีผ่านไปเทลลี่เดินกลับเข้ามาในชีวิตของเคลย์อีกครั้ง คราวนี้เธอต้องการให้เขาช่วยเหลือในการตามหาเด็กในความดูแลของเธอที่หายตัวไป แต่สำหรับเคลย์แล้วการได้รู้ว่าเทลลี่ยังมีชีวิตอยู่ และเลือกที่จะหลอกลวงเขาว่าเธอตายไปแล้ว เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทนได้

เล่มนี้แม็กซ์ว่ามีพล็อตที่น่าติดตามอ่านมากที่สุดค่ะ แม้ว่าตัวละครจะไม่ถูกใจ (แต่ก็ยากจะหาใครที่เทียบจัดด์ได้นะ) นัก เทลลี่มีประสบการณ์เลวร้ายในอดีตซึ่งติดตามเธอมาในปัจจุบันมากเกินไป ส่วนเคลย์ก็เป็นตัวละครที่แม็กซ์รู้สึกเหมือนไม่รู้จักดี (ฉากที่เขาออกในเล่มก่อนหน้า ก็ไม่ได้ทำให้แม็กซ์สนใจอะไร) นอกจากว่าเขารักเทลลี่ยิ่งกว่าอื่นใด (และนั่นถือเป็นข้อดีนะ)

พล็อตหลักของเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ถูกลืม หรือชาวไซที่ปฏิเสธการบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์ ชาวไซเหล่านี้ปะปนอยู่กะมนุษย์ จนกลายเป็นคนธรรมดาสามัญที่อาจจะมีความสามารถพิเศษนิดหน่อย และพวกเขากำลังถูกล่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทดลอง

ชอบเรื่องนี้นะคะ โดยเฉพาะที่พล็อตที่น่าติดตามอ่านมาก คะแนนที่ 73



และนี่คือสิ่งที่เราคิดหลังจากอ่านจบอีกครั้ง

เรามีปัญหากับนางเอกอย่างมากในช่วงต้นเรื่อง มากเสียจนเราทบทวนความรู้สึกตัวเอง เพราะแม้เล่มนี้จะไม่ใช่เล่มที่เราชอบมากที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เล่มที่เราจดจำได้ว่า เป็นเล่มที่มีปัญหา ความไม่ชอบนางเอกอย่างรุนแรงในตอนช่วงต้นเรื่อง ทำให้เราคิดไปถึงขนาดว่า เธอช่างไม่คู่ควรกับเคลย์เอาเสียเลย

แต่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกนี้ค่อย ๆ ลดลงนะคะ เลยทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ว่า ตอนที่อ่านเมื่อหลายปีก่อนก็คงจะคิดแบบนี้เหมือนกัน นั่นก็คือ เมื่อเราได้รู้จักตัวละครดีขึ้น และเข้าใจเหตุผล โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า ทำไมทัลลีถึงได้ทิ้งเคลย์ไป ทั้งที่เขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ ก็ทำให้เรายอมรับเธอได้ในที่สุด มันอาจจะไม่มากพอที่จะทำให้เธอเป็นนางเอกคนโปรดของเรา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้เธอเป็นส่วนเสียหายของเนื้อเรื่อง

เล่มนี้เปิดโลกในชุดให้กว้างมากขึ้น หลังจากรับรู้แล้ว่า โลกของเราประกอบด้วยสามเผ่าพันธุ์ ไซ, เชนจิงค์, และมนุษย์ คำถามก็เกิดขึ้น เมื่อชาวไซประกาศใช้นโยบายไซเลนซ์ บังคับชาวไซทุกคนให้ตัดขาดจากความรู้สึก และเข้าสู่ความเงียบ แล้วสำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยล่ะ หรือคนที่เป็นลูกครึ่งชาวไซ คนที่แต่งงานเข้าไปกับมนุษย์ และเชนจิงค์ล่ะ พวกเขาทำอย่างไร คำตอบอยู่ในเล่มนี้ และยังเป็นการแนะนำกลุ่มอำนาจอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่า The Forgotten ผู้ที่ถูกลืม (หรือผู้ที่สภาชาวไซต้องการให้ลืม)

และเนื่องจากพระนางของเล่มนี้ไม่ได้โดนใจเรามากพอ การกลับมาอ่านใหม่ เราพบว่าตัวเองไม่ค่อยสนใจพวกเขามากนัก เรื่องราวความรักของทั้งคู่ก็ยังถือว่า สนุกนะคะ ความรักความผูกพันที่เคลย์และทัลลีมีให้กันตั้งแต่ตอนเด็ก หลังจากหลายปีมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง ความรักนั้นก็ยังคงอยู่ครบ เล่มนี้เป็นอีกครั้งที่เราพล็อต ความรักอาจจะไม่เพียงพอมาใช้ เมื่อเริ่มต้นเรื่องด้วยการบอกว่า ทัลลีป่วยเป็นโรคประหลาดที่อาจจะคร่าชีวิตของเธอได้ แต่เราอ่านออกตั้งแต่ตอนต้น และเดาถูกเกี่ยวกับสาเหตุอาการป่วยของเธอ ทำให้เวลาอ่าน อารมณ์ไม่ค่อยร่วมไปกับความซาบซึ้งเท่าไหรนัก ประเด็นเรียกน้ำตานี้ ก็เลยบีบน้ำตาเราไม่ออก (แต่เรื่องชุดนี้ขอบอกว่า อ่านแล้วร้องไห้เยอะมาก ซึ้งและอินกับเรื่องน่ะค่ะ)

อย่างไรก็ตามเล่มนี้ให้เบาะแสสำคัญหลายอย่าง รวมทั้งเปิดตัวละครหลายตัวที่จะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของชุดนี้ในเวลาต่อมา

เดฟ (เทวราช) กลายเป็นหัวหน้าของกลุ่ม The Forgotten ก็ในเล่มนี้ อ่านใหม่ครั้งนี้เราแปลกใจในความรับรู้ของตัวเองค่ะ คือเรารู้สึกตอนที่อ่าน Blaze of Memory ครั้งแรกว่า คาแร็คเตอร์ของเดฟในเล่มนั้น ไม่เหมือนกับตัวตนของเขาที่เราจำได้ตอนอ่านเล่มนี้ (ครั้งแรก) เลย แต่ปรากฎว่า อ่านใหม่คราวนี้ เขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่เราเจอใน Blaze of Memory เลยนะคะ ซึ่งนั่นแสดงว่า ความทรงจำที่เรามีเกี่ยวกับเล่มนี้ตอนอ่านครั้งก่อนผิดพลาดร้ายแรง

แม็กซ์ นายตำรวจชาวมนุษย์ก็ปรากฎตัวในเล่มนี้ครั้งแรก ยอมรับค่ะว่า จำเรื่องราวของเขาในเล่มนี้แทบไม่ได้เลย

และนี่ก็เป็นเล่มแรกที่วาสิกออกมามีบทบาท แม้เราจะต้องยอมรับว่า จำเขาไม่ได้เลยสักนิดเดียวตอนที่อ่านครั้งแรก แต่เนื่องจากอ่านเล่นด้วยสายตาแบบจ้องจับผิด (คือเก็บรายละเอียดทุกอย่าง) ก็เลยเจอ แปลกใจเล็ก ๆ ว่า เขามีบทเร็วตั้งแต่เล่มนี้เลยเชียวเหรอ

เล่มนี้ไม่ค่อยมีฉากเกี่ยวกับโกสต์มากนัก เพราะเรื่องมีโฟกัสอยู่ที่กลุ่มผู้ถูกลืม และเชนจิ้งค์มากกว่า แต่เหตุการณ์สำคัญก็ได้เกิดขึ้นในเล่มนี้ เมื่อโกสต์ได้ลอบสังหารมาร์แชล สมาชิกสภาชาวไซ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่า ความตายของเขาจะกลายเป็นประโยชน์ให้กับเคเลบในการขึ้นสู่อำนาจเพื่อควบคุมสภา

คะแนนเล่มนี้ 73 (เท่าเดิมค่ะ)



View all my reviews

No comments: