Thursday, June 27, 2013

Review: Slave to Sensation


Slave to Sensation
Slave to Sensation by Nalini Singh

My rating: 4 of 5 stars



ตัดสินใจหยิบหนังสือชุดนี้มาอ่านใหม่อีกรอบทั้งชุดค่ะ เพราะแม้จะเป็นชุดที่เราชอบมากที่สุด และจดจำรายละเอียดได้ค่อนข้างมาก แต่ก็มีความรู้สึกว่า เพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ที่เรื่อง Heart of Obsidian ออกขาย (เรายังไม่รู้พล็อตหรือเรื่องราวในเล่มนั้นนะคะ แต่พอเข้าใจได้จากที่ได้ยินมาว่า เป็นเล่มที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชุด) ก็เลยอ่านใหม่อีกรอบทั้งชุดเพื่อย้ำเตือนความทรงจำ

แต่เพราะนี่เป็นการอ่านเพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับชุดโดยรวม เราไม่ได้เน้นไปที่คาแร็คเตอร์ของพระนางเท่าไหรนัก หากแต่มุ่งความสนใจไปที่พล็อตรวมของชุด นั่นก็คือประเด็นความล้มเหลวของ Silence ที่มีผลต่อชาวไซทั้งปวง

ก่อนอื่นนี่เป็นรีวิวที่เราเขียนไว้เมื่อราวหกปีก่อน ตอนที่เราอ่านเล่มนี้เป็นครั้งแรก (ความเห็นของเราหลังจากกลับมาอ่านอีกรอบอยู่ตอนท้ายค่ะ)



ในโลกของชุดนี้ โลกมนุษย์ของเราถูกแบ่งออกเป็นสามชนเผ่า ชาวไซที่มีพลังจิต และสามารถติดต่อสื่อสารกันผ่านไซเน็ต คอนเซ็ปต์คล้ายกับอินเตอร์เน็ตนี่แหละ แต่เป็นการเชื่อมต่อกันทางจิต ว่ากันว่าไซที่ตัดขาดออกจากไซเน็ตก็จะต้องตาย เพราะไม่ได้รับสัญญาณตอบสนองกลับจากจิตคนอื่น นอกจากไซแล้ว ยังมีพวกมนุษย์กลายร่าง ซึ่งก็คล้ายกับมนุษย์หมาป่า เพียงแต่มีมากชนิดกว่า กลุ่มนี้จะแยกกันอยู่เป็นกลุ่มเผ่า ดูเหมือนว่าจะแยกออกจากกัน ทำให้พวกไซมองว่าพวกนี้ป่าเถื่อน ไม่น่ากลัว แล้วกลุ่มสุดท้ายก็คือมนุษย์ธรรมดา ซึ่งอ่านถึงเล่มสามแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่ามีบทบาทอะไร แต่คงจะเปลี่ยนไปเพราะนางเอกเล่มสี่คือมนุษย์

ในเล่มนี้นางเอกซาซ่า ดันแคนเป็นไซที่มีพลังในระดับคาร์ดินัล หรือพลังสูงสุดในหมู่ไซด้วยกัน ปัญหาก็คือ เธอกลับไม่แสดงออกว่ามีความถนัดในด้านใดเป็นพิเศษ ทำให้เธอไม่มีวันที่ก้าวสู่จุดสูงสุดของการเป็นสภาผู้ปกครองชาวไซ ดั่งเช่นที่แม่เธอเป็นได้

ซาซ่าได้รับภารกิจจากแม่ของเธอให้ติดต่อธุรกิจกับลูคัส หัวหน้าเผ่าเสือดาวในโครงการร่วมสร้างบ้านเพื่อขายให้กับชาวกลายร่าง แต่ที่ลูคัสต้องการไม่ใช่ผลกำไร หากแต่เป็นการสืบข่าวจากเธอเพื่อหาความจริงที่เกิดขึ้นในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหญิงสาวชาวกลายร่าง เขาสงสัยว่าคนร้ายจะต้องเป็นหนึ่งในสภาผู้ปกครองไซ

ในขณะเดียวกันซาซ่าก็กำลังถึงทางตัน เพราะเธอเป็นไซที่บกพร่อง เธอมีความรู้สึกซึ่งเป็นของต้องห้ามในโลกของเธอ และการได้พบกับลูคัส เธอก็รู้ว่าเวลาของเธอกำลังจะหมดลง

แม็กซ์ชอบจินตนาการของคนแต่งค่ะ เธอสร้างโลกได้มีความชัดเจน เห็นภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยัดเยียดข้อมูลให้มากจนเกินไป ในแต่ละเล่มที่อ่าน คุณจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกในเรื่องมากขึ้น แม็กซ์ชอบที่เธอไม่ทำให้แม็กซ์หงุดหงิดประเภทเอาความลับมาล่อ แล้วก็เก็บไว้ไม่อธิบายจนกระทั่งเล่มที่สิบห้า ในหนังสือชุดนี้ทุกอย่างค่อย ๆ เปิดเผยโดยไม่ขัดกับเนื้อเรื่อง

ชาวไซทุกคนจะถูกส่งบำบัดตั้งแต่เด็กเพื่อไม่ให้มีความรู้สึกเนื่องจากเมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน มีการวิจัยออกมาพบว่า วิธีนี้เป็นทางเดียวที่จะช่วยหยุดยั้งความรุนแรงในหมู่ไซได้ เพราะชาวไซเป็นกลุ่มที่มีฆาตกรโรคจิต และต่อเนื่องมากที่สุดในมนุษยชาติ แต่การบำบัดกลับทำให้ชาวไซสูญเสียความสามารถทางด้านศิลปะไป พวกเขาไม่รู้รับถึงความงดงาม ไร้ความรู้สึก และเย็นชา

แต่ในเล่มนี้เราได้รับการเปิดเผยว่า โลกของไซไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคาดคิด สภาของชาวไซเองปกปิดความลับไว้มากมาย รวมทั้งฆาตกรต่อเนื่องชาวไซ ที่ทุกคนคิดว่าสูญพันธุ์ไปหมดแล้วจากการบำบัด ในเล่มนี้เราเริ่มรับรู้ถึงความบกพร่องของวิธีการบำบัด

และเราได้รับรู้ว่าซาซ่าไม่ได้บกพร่อง หากแต่เธอกลับเป็นไซที่มีความสามารถที่ไม่เป็นที่ต้องการในสังคมไซภายหลังการบำบัด

และสุดท้ายเราก็ได้รับรู้ว่า การตัดขาดจากไซเน็ตเป็นสิ่งที่ทำได้

คะแนนที่ 70



และนี่คือความคิดของเราหลังจากกลับมาอ่านอีกรอบ

เรารู้สึกเสมือนมาว่า เล่มนี้คือหนึ่งในเล่มที่เราชอบน้อยที่สุดในชุด ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ หรือไม่สนุกนะคะ แต่เมื่อเทียบกับความชอบอย่างใหญ่หลวงที่เรามีให้กับหนังสือของนลินี ซิงห์แล้ว เล่มนี้แทบจะไม่เคยถูกเราพูดถึง นอกจากนี้เรายังบอกกับทุกคนเสมอมาว่า เล่มที่ทำให้เรากลายเป็นสาวกของชุดนี้ได้ก็คือเล่มสามในชุด Caressed by Ice นั่นก็พอจะบอกความรู้สึกของเราต่อชุดนี้ได้

แต่การกลับมาอ่านอีกครั้ง คราวนี้พร้อมกับความรู้เกี่ยวกับโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่ เรากลับพบว่า เรื่องนี้สนุกกว่าที่จำได้ และด้วยความรู้ที่เรามี (เพราะได้อ่านเล่มหลังจากเล่มนี้ไปแล้ว) ทำให้เรามีมุมมองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเล่มนี้แตกต่างไปจากเดิม

โดยเฉพาะในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างซาซ่าและนิกิต้า (สปอยล์สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มหลัง ๆ) เรามองความสัมพันธ์นั้นด้วยสายตาใหม่หมด จากที่เคยคิดว่า นิกิต้าเป็นหนึ่งใน "แม่ของนางเอก" ที่ร้ายกาจ แม้เราจะไม่ได้คิดว่า เธอจะร้ายอย่างที่เล่มนี้บรรยาย เรานึกเสมอว่า มีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ แต่หลังจากอ่านเรื่อง Bonds of Justice จบไปแล้ว ความคิดที่เรามีต่อนิกิต้าก็เปลี่ยนใหม่หมด และทำให้เราอ่านเล่มนี้ด้วยสายตาที่อ่อนโยนต่อเธอมากขึ้น เราคิดว่า ตัวเองเข้าใจแล้วว่า อะไรผลักดันให้นิกิต้าเข้มงวดกับซาซ่าอย่างยิ่งในการรักษาความเย็นชาของตัวเองเอาไว้

นอกจากนี้เราคิดว่า ลูคัสเท่ห์กว่าที่จำได้ และทำให้เรายอมรับความเป็นผู้นำที่เขามีต่อเผ่าดาร์คริเวอร์มากขึ้น ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่า การที่คนในเผ่ายอมรับเขา เพราะเขาเป็นจ่าฝูง แต่พออ่านเล่มนี้อีกครั้ง เหมือนมันตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของเขา ที่พิสูจน์ตัวเองด้วยเลือด ถึงความเป็นผู้นำ และทำไมทุกคนจึงยกย่องเขา

เราสรุปความรู้สึกของตัวเองนะคะ เราคิดว่า ที่ตอนอ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับชุดนี้ (คือคิดว่า เป็นชุดที่สนุกน่าสนใจ แต่ยังไม่โดนใจเต็มที่) เพราะเล่มนี้คือเล่มแรกในชุด พล็อตเรื่อง แนวคิดเบื้องหลังรวมไปถึงโลกที่ถูกสร้างขึ้นในเล่มนี้เป็นสิ่งใหม่ต่อคนอ่านทั้งหมด และเราตั้งใจเวลาในการทำความเข้าใจ ในการเข้าถึง การกลับมาอ่านใหม่ เป็นการอ่านผ่านสายตาของนักอ่านที่รู้จักองค์ประกอบในเล่มนี้ดีอยู่แล้ว (และที่มากกว่านั้น เรารู้มากกว่าที่ตัวละครในเล่มนี้ ณ เวลาในเล่มนี้ รู้เสียอีก ทำให้เราจับจุดได้ว่าควรจะให้ความสนใจกับองค์ประกอบอะไรในเรื่องบ้าง)

ดังนั้นแม้เล่มนี้จะไม่มีเคเล็บ ไม่มีโกสต์ ก็เป็นเล่มที่อ่านซ้ำแล้วสนุกมาก และทำให้เรามองเห็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในชุด และคิดว่า คนแต่งวางแผนล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี

คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดิมค่ะ ที่ 77



View all my reviews

No comments: