Sunday, June 22, 2014

Review: Mistral's Kiss


Mistral's Kiss
Mistral's Kiss by Laurell K. Hamilton

My rating: 3 of 5 stars



ไม่ได้ถึงกับเป็นการรีวิวเท่าไหรนะคะ เป็นการพร่ามถึงความคิดของเราในขณะที่อ่านเรื่องนี้มากกว่า (เราเอาสิ่งที่ตัวเองเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้นานแล้วที่บลอกเดิมมาลงใน GR น่ะค่ะ)

ไม่ใช่หนังสือแนวโรแมนซ์ แม้ว่าประเด็นที่แฟนหนังสือชุดนี้พูดกันมาตลอดก็คือ ใครกันแน่ที่จะเป็นพระเอกของเมอรี่ เป็นหนังสือชุดแฟนตาซีที่ไม่แน่นำให้เด็กอ่าน และขอบอกว่าคนที่ชอบโรแมนซ์แบบอนุรักษ์นิยมก็ไม่ควรอ่าน เพราะเรื่องนี้นางเอกมั่วอ่ะ

ก่อนได้หนังสือสิ่งที่เรากลัวที่สุดก็คือ มิสทรัลจะกลายเป็นพระเอกของเมอรี่ ยิ่งได้รับการยืนยันจากเพื่อนว่ามิสทรัลเป็นตัวละครที่ออกในเล่มแรกของชุดด้วย ก็ยิ่งเครียด เพราะลอเรล เค. แฮมิลตัวคนแต่งประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าพระเอกของเมอรี่จะต้องมีบทในเล่มแรกของชุด เราสบายใจเพราะตอนอ่านเล่มแรกไม่เจอว่ามิสทรัลมีบท แต่แล้วก็ฝันสลายเพราะเพื่อนยืนยันว่าอ่านเจอเขาออกมาเดินผ่านฉากหน่อย

ก็แหมอุตส่าห์ลุ้นเชียร์หลายคน สุดท้ายจะเป็นตามิสทรัลนี่หยิบชิ้นปลามันไปกินเหรอ แต่ลอเรลก็ไม่เคยเขียนชื่อตัวละครตัวไหนเป็นชื่อเรื่องมาก่อน นอกจากตามิสทรัลคนนี้

แต่หลังจากอ่านจบ ข้อสรุปที่ได้ก็คือ

ดอยล์ เป็นดอยล์เสมอมา และเรื่องนี้ก็ยิ่งเน้นย้ำว่าเป็นดอยล์

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือชุดเมอรี่ เจนทรี้คงงงว่าเราพูดเรื่องอะไร ดังนั้นขอใช้เวลาแนะนำนิดหน่อย เพื่อจะหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ได้

เมอรี่ เจนทรี้เป็นเจ้าหญิงแห่งภูติองค์แรกที่เกิดในอเมริกา และเธอแตกต่างจากภูติตนอื่น เพราะเธอไม่ใช่อมตะ ชีวิตของเธออาจจะยาวไกลกว่ามนุษย์ แต่เธอมีวันตายที่จำกัด และนั่นทำให้เธอเป็นที่รังเกียจในสังคมแห่งภูติที่บูชาความเป็นอมตะ

ในฐานะทายาทอันดับสามแห่งราชบัลลังค์แห่งภูติของ Unseelie Court เธอถูกตามฆ่าจากมือสังหารจนสุดท้ายเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง เธอจึงต้องหลบหนีออกจากราชสำนัก และซ่อนตัวอยู่ในลอสแองเจลิสด้วยการทำงานเป็นนักสืบเอกชน เป็นเวลากว่าสามปีที่เธอต้องปกปิดความเป็นภูติเพื่อรักษาชีวิต แต่แล้วมือสังหารจากป้าผู้เป็นราชินีแห่ง Unseelie Court ก็ตามหาเธอจนเจอ

เขาคือความมืด ชื่อเรียกตามสีผิวที่ดำสนิทเสียยิ่งกว่ากลางคืน เขาเป็นมือขวาของราชินี น่าแปลกที่เขาไม่ได้มาเพื่อปลิดชีวิตของเธอ เขามาเพื่อยื่นข้อเสนอแห่งสันติจากราชินี เพื่อเชิญเธอให้กลับไปยัง Unseelie Court อีกครั้ง

ข้อเสนอที่นำมาให้เธอขยับเข้าใกล้กับบัลลังค์แห่ง Unseelie Court ถ้าเพียงแต่เธอสามารถมีลูกได้ก่อนเซลลูกชายของราชินี

แอนดาอิสพบว่าตัวเองไม่สามารถมีลูกได้อีก และความเจริญพันธุ์ของผู้นำเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงอยู่ของชนเผ่า ถ้าผู้นำเป็นหมัน ทุกอย่างก็จะจบลงสำหรับภูติ ดังนั้นแม้ว่าแอนดาอิสจะรักเซล ลูกชายของเธอเพียงใด เธอก็จำเป็นต้องให้โอกาสเมอรี่ในการแข่งขันเพื่อสิทธิในบัลลังค์ที่เธอครอบครองอยู่ เพราะถึงอย่างไร เธอก็ยังต้องนึกถึงส่วนรวมมากกว่า

แอนดาอิสให้สิทธิเมอรี่ในการเลือกกลุ่มองครักษ์ของเธอในการเป็นผู้จะช่วยให้เธอตั้งครรภ์ (หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกะเด็ก เตือนไปแล้วรึยัง) หลายคนเลือกที่จะประกาศตนเป็นอริกับราชินีด้วยการสาบานตนเข้ารับใช้เมอรี่ หนึ่งในนั้นคือดอยล์

บรรดาแฟนหนังสือชุดนี้ต่างคาดเดากันไปต่างนานาว่าใครที่จะเป็นพระเอกของเมอรี่ เกือบทุกครั้งที่มีการพูดคุยกัน จะต้องมีชื่อของดอยล์ร่วมอยู่ด้วย ไม่ว่าคุณจะเชียร์เขาหรือไม่ก็ตาม

เราไม่เคยเชียร์ดอยล์ แต่ก็ยอมรับว่าคนที่เราหนุนหลังอย่างฟรอสต์ (มือซ้ายของราชินี) หลังจากเล่มสองที่ออกอาการสติแตก และงอนอย่างไร้เหตุผลก็แทบจะหมดสิทธิความเป็นพระเอก

เราก็หันมาหนุนหลังโชลโต้ ราชาแห่งสัตว์ประหลาด (เรียกชื่อไม่ถูกอ่ะ) แต่แล้วในเล่มนี้โชลโต้ก็ออกอาการสติแตกอีกราย แถมรัศมีดอยล์ส่องประกายมาก

ส่วนตามิสทรัลเหรอ ยังคงรักษาความเท่ห์ไว้ได้ แต่ดูแล้วก็ยังไม่มีแววพระเอกเท่าไหร (ถอนหายใจด้วยความโล่งอก)



View all my reviews

No comments: