Wednesday, October 15, 2014

Review: How to School Your Scoundrel


How to School Your Scoundrel
How to School Your Scoundrel by Juliana Gray

My rating: 5 of 5 stars



หลังจากอ่านหนังสือห้าเล่มแรกในชุด (จริง ๆ คือเรื่องถูกแบ่งออกเป็นสองชุดนะคะ คือ Affairs by Moonlight กับ Princess in Hiding แต่ทั้งหกเรื่องเกี่ยวพันกันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเล่มนี้ถือว่าไขความกระจ่างในหลายประเด็นที่ทิ้งไว้ในเล่มก่อนหน้าด้วย) ก็มาถึงเล่มนี้ ก่อนหน้าที่เราจะหยิบเล่มนี้มาอ่าน ขอบอกว่า เรากำลังอยู่ในภาวะเบื่อหน่ายเรื่องแนวย้อนยุคอย่างแรงค่ะ มันเหมือนกับว่า เราไม่อาจหาเรื่องแนวนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องแนวที่เราชอบมาก ๆ มาอ่านให้สนุกเหมือนในอดีตได้ พล็อตเรื่องซ้ำซากเกินไป ตัวละครเป็นสูตรสำเร็จเกินไป นักเขียนที่เราเคยชอบมาก ๆ ก็ยังไม่อาจทำให้เรากลับมาต่อกับเรื่องแนวนี้สำเร็จ

เราไม่คิดนะคะว่า จะเป็นเรื่องนี้ และนักเขียนคนนี้ที่ทำให้เรากลับมามีศรัทธาในงานแนวย้อนยุคได้อีกครั้ง

และเมื่อคิดว่า องค์ประกอบหลายอย่างในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ พล็อตเรื่องที่ถ้าไม่ได้มีใครแนะนำมาให้อ่านอย่างจริงจังและจริงใจ เราคงหลีกเลี่ยง (กระนั้นเราก็นั่งมองเรื่องนี้อยู่สองเดือนนะคะ ไม่อยากอ่านเพราะพล็อต แต่เพราะเพื่อนที่แนะนำย้ำหลายครั้งว่า เราต้องอ่านให้ได้ เพราะเราน่าจะชอบมาก ๆ) เรื่องนี้พิสูจน์ชัดเจนเลยนะคะว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝีมือของคนแต่ง พล็อตอะไรแบบไหนไม่สำคัญ ถ้าคนแต่งมีฝีมือดีพอ พล็อตที่ไม่น่าอ่าน (สำหรับเรา) ก็กลายเป็นเรื่องที่สนุกมากที่สุดไปได้

เจ้าหญิงหลุยซาเป็นหนึ่งในเจ้าหญิงสามองค์ที่หนีตายออกมาจากประเทศ หลังจากพระบิดาผู้เป็นกษัตริย์ และพระสวามีของเธอถูกลองสังหาร หลุยซาที่กำลังรอทำพิธีขึ้นเป็นราชินีคนใหม่ของประเทศ ก็ถูกลอบทำร้าย จนสุดท้ายไม่มีทางเลือกต้องหนีไปประเทศอังกฤษ เพื่อขอให้ลุง (พี่ชายของแม่) ช่วยเหลือ และแผนการของดยุคแห่งโอลิมเปีย ผู้เป็นลุงก็คือ นำเจ้าหญิงทั้งสามไปหลบซ่อนในที่ปลอดภัย แต่ข่าวการหายตัวไปของเจ้าหญิงทั้งสามก็โด่งดัง จนทำให้พวกเธอกลายเป็นที่จับตามอง ดังนั้นเพื่อซ่อนในที่แจ้ง ทั้งสามจึงปลอมตัวเป็นชาย และถูกส่งแยกย้ายกันไปในที่ต่าง ๆ

เรื่องนี้เล่าเรื่องตั้งแต่ต้น (ก่อนเหตุการณ์ใน How to Tame your Duke) ดำเนินคู่ขนานไปกับเหตุการณ์ในหลาย ๆ เล่มในชุด และมีบทสรุปตอนจบเลยตอนจบของทุกเล่มออกไป ระยะเวลาในเรื่องดำเนินไปมากกว่าหนึ่งปี และนี่คือสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เราคิดว่า พล็อตเรื่องที่ใช้เป็นไปได้

หลุยซา (ที่ปลอมเป็นชาย) ถูกส่งไปทำงานผู้ช่วยส่วนตัวให้กับเอิร์ลแห่งโซเมอร์ตัน (สำหรับคนที่เคยอ่าน หรือจำรีวิวที่เราเขียนไปแล้วได้ เขาคือสามีผู้โหดร้ายของนางเอกในเรื่อง A Gentleman Never Tells) ชายหนุ่มอนาคตไกลหลายคนมาทำงานให้กับโซเมอร์ตัน แล้วก็ยื่นใบลาออกกันแทบไม่ทัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานให้กับท่านเอิร์ลผู้เรียกร้องความสมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง ครั้งแรกที่โซเมอร์ตันพบกับหลุยซา ผู้ซึ่งเขารู้จักในนามของนายมาร์คแฮม เขาก็คิดว่า เด็กหนุ่มคนนี้ก็คงจะลาออกในเวลาไม่นาน ใครล่ะจะทนทำงานกับเขาได้ ในเมื่อโซเมอร์ตันมีความลับมากมาย และต้องการความภักดีอย่างเต็มร้อยจากคนรอบตัว แถมเขายังมีวิธีต้อนรับคนที่มาทำงานให้กับเขาด้วยการส่งพวกเขาไปยังสถานที่อันตราย ถูกจับไปทรมานเพื่อพิสูจน์ใจว่า จะทรยศโซเมอร์ตันหรือไม่ การทดสอบที่หลุยซาสอบผ่าน

คาแร็คเตอร์ของโซเมอร์ตันเคยออกมาให้คนอ่านเห็นแล้วในเรื่อง A Gentleman Never Tells พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาเป็นตัวร้าย เป็นสามีผู้เย็นชา และใจร้ายกับนางเอกมาก ๆ เป็นพ่อที่เห็นแก่ตัว ไม่เคยให้ความสนใจลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ และในหนังสือเล่มอื่น ๆ พฤติกรรมแย่ ๆ ของโซเมอร์ตันก็ถูกกล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็น การที่เขาเป็นชู้กับเมียของแอชแลนด์ และเป็นพ่อของลูกนอกสมรส ใน How to Tame Your Duke พูดง่าย ๆ เลยก็คือ เขาไม่ใช่แค่เป็นชายเสเพล เขาเป็นคนเลวที่สร้างปัญหาต่าง ๆ มากมายให้กับบรรดาตัวเอก (ที่เป็นคนดี) ในเรื่องชุดนี้

ก่อนเราจะอ่านเรื่องนี้ เราก็คิดนะคะว่า คนแต่งจะเขียนยังไงให้ดูน่าเชื่อว่า ชายคนนี้กลับตัว และกลายเป็นพระเอก

จูเลียนา เกรย์ทำได้ดีกว่านั้นค่ะ เพราะโซเมอร์ตันไม่ได้กลับตัว เขาก็คือคนคนเดิมที่เป็นมาตลอด เพียงแต่คนแต่งได้แสดงให้คนอ่านได้เห็นถึงห้วงความคิดของเขา ไม่มีคำขอโทษในการกระทำ เพราะนั่นคือตัวตนของเขา แต่ทำให้คนอ่าน (อย่างเรา) เห็นว่า เรื่องทุกอย่างมีสองด้าน (โปรดอย่าคิดว่า คนแต่งใช้พล็อตความเข้าใจผิดนะคะ) และในมุมมองของโซเมอร์ตัน แม้จะไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนถูก แต่ทำให้เราเข้าใจเขามากขึ้น

เขายังเป็นสามีที่ใจร้าย และเนื่องจากเรื่องนี้เล่าเรื่องตั้งแต่ต้น คนอ่านได้เห็นความสัมพันธ์ของโซเมอร์ตันและอลิซาเบ็ธ ภรรยาของเขา (ซึ่งเป็นนางเอกเรื่อง A Gentleman Never Tells) ร่วมรับรู้ไปกับเหตุการณ์ที่นำไปสู่จุดที่อลิซาเบ็ธตัดสินใจหนีไปจากเขา (และไปสู่อ้อมแขนของโรแลนด์พระเอกของเธอ) คนอ่านยังได้รับรู้ไปถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่การแต่งงาน เพราะเมื่อโซเมอร์ตันได้พบกับอลิซาเบ็ธ เขาก็ตัดสินใจว่า เขาตกหลุมรักผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบคนนี้ แต่เพราะเธอไม่เคยชายตามองเขาเลย หัวใจของเธอมีแต่โรแลนด์เท่านั้น สิ่งเดียวที่ชายผู้ที่ได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ และเด็ดขาดพอที่จะลงมือกระทำก็คือ การวางแผนส่งโรแลนด์ไปปฏิบัติหน้าที่สายลับในดินแดนห่างไกล จับคู่รักแยกจากกัน จากนั้นก็ทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวไปช่วยเหลือทางการเงินกับครอบครัวของอลิซาเบ็ธ แต่งงาน และได้เธอมาครอบครอง

โซเมอร์ตันชนะ แต่เขาก็พ่ายแพ้ เพราะแม้จะแต่งงาน ในความรู้สึกของเขา อลิซาเบ็ธไม่เคยลืมคนรักเก่า นั่นคือบาดแผลที่ลุกลามทำลายความสัมพันธ์ที่อาจจะเป็นไปได้ของพวกเขา การไม่ไว้ใจที่เขามีให้ ผลักดันให้เขากระทำหลายอย่างที่เป็นการทำร้ายจิตใจของภรรยา และทำให้เขาห่างไกลจากลูกชายของตัวเอง

เราคิดว่า คนแต่งเก่งมาก ๆ เพราะเราอ่านเรื่องนี้แล้ว เข้าใจว่าทำไมอลิซาเบ็ธต้องไป แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเข้าใจว่า โซเมอร์ตันเองก็ไม่ใช่ปีศาจเหมือนอย่างที่เราเคยคิดว่าเขาเป็นตอนอ่านเรื่อง A Gentleman Never Tells

นี่เป็นแค่ตัวอย่างนึงของการที่คนแต่งเปลี่ยนใจเราได้เกี่ยวกับคาแร็คเตอร์ของพระเอกนะคะ เธอไม่ได้ชำระล้างทำความสะอาด ไม่มีการกลับเนื้อกลับตัว แต่ทำให้เราเข้าใจแรงขับดัน เข้าใจตัวตนของโซเมอร์ตันมากขึ้น และยอมรับเขาอย่างที่เป็น

และนั่นนำมาสู่เหตุผลที่เราชอบเล่มนี้มากมาย นั่นก็คือคาแร็คเตอร์ของนางเอก และความสัมพันธ์ของเธอกับพระเอก

นี่ไม่ใช่เรื่องรักแรกพบ ตอนที่เจอกันโซเมอร์ตันคิดว่า หลุยซาเป็นผู้ชาย และเขายังตกหลุมรักภรรยาผู้ไม่เคยรักเขาเลยอยู่ อย่างที่เราบอกค่ะ การที่เหตุการณ์ในเล่มนี้กินเวลานานเป็นปีเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เรื่องนี้ลงตัว เพราะพระเอกและนางเอกมีเวลาในการทำความรู้จักกันและกัน รู้ข้อดีข้อด้อย และยอมรับอย่างที่เป็น

หลุยซายอมรับโซเมอร์ตันในตัวตนของเขา ชายที่ฉลาด แต่เหี้ยมโหด อารมณ์ร้อนแต่ช่างปกป้อง เธอรู้จักเขาอย่างที่ไม่เคยมีใครคิดจะใช้เวลาในการทำความรู้จัก และนั่นทำให้เธอคือคนที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด เพราะเธอรักเขาในแบบที่เขาเป็น (ไม่ใช่รักเขาแม้เขาจะเป็นแบบนั้น)

และสำหรับโซเมอร์ตัน สถานภาพทางการเงินและสังคม รวมไปถึงสติปัญญาที่เหนือกว่าคนทั่วไป เขาไม่เคยต่อติดกับมนุษย์คนอื่น ทุกคนคือเบี้ยเป็นกระดานที่สามารถใช้งานได้เสมอ แต่เมื่อเขามีเวลาที่จะรู้จักกับมาร์คแฮม (คือหลุยซาในคราบผู้ชาย) เขาได้เรียกรู้ที่จะ "เคารพ" เพื่อนมนุษย์อีกคน การได้ใช้เวลาร่วมกัน (ทำงานนะคะ ช่วงครึ่งเล่มแรกไม่มีเรื่องทางเพศมาเกี่ยว) ทำให้ทั้งสองรู้จักตัวตนของกันอย่างแท้จริง แน่นอนว่า เขาไม่รู้ว่า ผู้ช่วยส่วนตัวคนนี้คือเจ้าหญิงที่กำลังหลบซ่อน แต่เขารู้จักหลุยซาอย่างที่เธอเป็น เพราะด้วยตัวตนที่แท้จริง เธอไม่ได้หวาดกลัว หรือเกรงใจเอิร์ลผู้ทรงอำนาจ เธอได้รับการศึกษา และเตรียมพร้อมเป็นผู้นำประเทศ เธอคือคนที่เท่าเทียมกับเขา การอยู่ในสภาพของมาร์คแฮมไม่ได้ทำให้คุณสมบัตินี้ของเธอหายไป มันแสดงออกมา และเป็นครั้งแรกในชีวิตสำหรับโซเมอร์ตัน ที่เขาได้พบกับคนที่ "เท่าเทียม" กับเขา

เราต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็น Slow burn มาก ๆ สำหรับเรา อย่างที่บอกนะคะ โซเมอร์ตันไม่ได้ระแคะระคายเลยว่า นายมาร์คแฮม ผู้ช่วยส่วนตัวคนที่เขารู้สึกผูกพันเป็นผู้หญิง ไม่ได้มีการใช้พล็อตว่า พระเอกสงสัยตัวเองว่าเป็นเกย์รึเปล่าที่ชอบผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องเพศ มันเป็นความผูกพัน (แบบที่เราไม่รู้ว่าจะเขียนอธิบายยังไงให้เข้าใจ) เหมือนความเอ็นดู ปนกับเป็นห่วง ในขณะที่หลุยซาเอง เมื่อได้เห็นตัวตนข้างในลึก ๆ เธอไม่ได้หลอกตัวเองว่า เขาเป็นคนดี หรือถูกเข้าใจผิด เธอเคารพในความเข้มแข็งและเก่งกาจของเขา

ช่วงครึ่งเล่มแรกมันสมบูรณ์แบบมาก ๆ สำหรับเรา

เรื่องนี้ดำเนินก่อนและจบหลังเล่มอื่น ๆ และสำหรับการที่เป็นเล่มสุดท้ายในชุด เราคิดว่าคนแต่งทำได้ดีในการใช้เล่มนี้อธิบายปริศนาหลายอย่างในเรื่อง เราชอบแผนการของดยุคแห่งโอลิมเปียมาก ๆ เราคิดว่าฉลาดที่สุดที่ โซเมอร์ตันที่เป็นหัวหน้าองค์กรสายลับที่เป็นคู่แข่ง เป็นคนที่โอลิมเปียรู้ว่า คือคนคนเดียวที่สามารถพาหลุยซากลับคืนสู่ราชบัลลังค์ได้ เขาจึงส่งเธอไปที่นั่น กระทั่งเรื่องการเฉลยเหตุผล ที่ทำให้พระเอกทั้งสามในชุด Affairs by Moonlight ต้องเดินทางไปอิตาลีกัน

ช่วงครึ่งหลังของเล่ม เมื่อโซเมอร์ตันรู้ว่า หลุยซาคือผู้หญิง (และต่อมาคือใคร) เรื่องดร็อปความสนุกลงมาเล็กน้อย ส่วนหนึ่งอาจเพราะเรามีความสุขมาก ๆ ในการอ่านเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโซเมอร์ตันและนายมาร์คแฮม จนเมื่อเธอกลับมาเป็นหลุยซาอีกครั้ง เราก็ยังคิดถึงความสัมพันธ์แบบเจ้านายลูกน้องของคู่นั้นอยู่

เราเสียดายมาก ๆ ตรงที่คนแต่งเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องซ้ำ (คือจูเลียนา เกรย์เป็นนักเขียนที่ชอบเขียนเหตุการณ์เดียวกันซ้ำไปซ้ำมาจากหลายมุมมอง) ในฉากที่โซเมอร์ตันและมาร์คแฮมไปอิตาลีเพื่อตามหาอลิซาเบ็ธและลูกชายของเขา เราอยากเห็นความคิดของโซเมอร์ตันมาก ๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนที่โรแลนด์จับมาร์คแฮมเป็นตัวประกัน เราอ่านฉากนี้ใน A Gentleman Never Tells แล้ว มันเป็นฉากที่ดีที่สุดที่เราอ่านในหนังสือชุดนี้ (ก่อนจะได้อ่านเล่มนี้)

ตอนจบคลี่คลายง่ายเกินไป จนทำให้ระดับความสมบูรณ์แบบลดน้อย เราว่ามันง่ายเกินไปที่จู่ ๆ ประชาชนก็ยอมรับหลุยซา และเป็นฝ่ายขับไล่กบฎออกไปเอง เราคิดว่า เรื่องเปิดมาขนาดนี้ว่า โซเมอร์ตันทรงอิทธิพล และ "เป็นคนเดียว" อย่างที่เขาและโอลิมเปียกล่าวไว้ว่า ที่จะช่วยให้หลุยซากลับคืนบังลังค์ได้ เราอยากให้เขาแสดงตัวตนด้านนั้นออกมาน่ะค่ะ

สุดท้ายอยากจะบอกว่า นักเขียนที่ทำให้เราคิดว่า ชายวัยแปดสิบกว่าปีเท่ห์ และสามารถเป็นพระเอกนิยายโรแมนซ์ได้ นักเขียนคนนั้นสุดยอดค่ะ (แม้ว่า คาแร็คเตอร์ของโอลิมเปียดูเว่อร์เกินไปหน่อยก็ตาม)

แค่การเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้ (หลังจากอ่านจบไปสองเดือนกว่า ๆ) ก็ทำให้เราอยากกลับไปอ่านอีกรอบแล้วล่ะค่ะ จริง ๆ คะแนนไม่ได้ถึงห้าดาว ถ้าการที่ห้าดาวคือความสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เล่มนี้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ส่วนที่มันลงตัวก็มากพอจะกลบทุกอย่างที่มีตำหนิได้หมดค่ะ





View all my reviews

No comments: