Wednesday, March 4, 2009

Riding the Line // Kate Pearce

เคธ พีชเป็นนักเขียนแนวอีโรติค โรแมนซ์ที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดคนนึง (อาจจะชอบมากที่สุดแล้วตอนนี้ก็ว่าได้) เธอเป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องได้หลายแนว แม้ทุกเล่มจะยังคงความเป็นอีโรติคไว้ แต่แนวเรื่องจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ฟิวเจอร์ริสติค (หรือโรแมนซ์ที่เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกอนาคต) หรือแนวย้อนยุค และรวมทั้งแนวปัจจุบันด้วย

แนวเรื่องของเคธที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดก็คือแนวย้อนยุค ที่เธอมีผลงานเขียนไปทั้งหมดสี่เล่ม โดยออกกับสนพ.อีลอร่าส เคฟ และอโฟไดท์เซีย เราชอบทั้งสี่เล่มมากน้อยต่างกัน แต่ก็พูดเต็มปากได้ว่าชอบค่ะ เรามีปัญหากับงานแนวฟิวเจอร์ริสติคที่เธอเขียนพอสมควร (สรุปว่าไม่ชอบแหละ) และยังตัดสินใจไม่ได้เกี่ยวกับแนวปัจจุบัน เพราะอ่านไปสองเล่ม ชอบมากเล่มนึง (Roping the Wind) และอ่านไม่จบอีกเล่มนึง (Where have all the cowboys gone?)

ดังนั้นเรื่องนี้ซึ่งเป็นแนวปัจจุบันเล่มที่สามของเธอที่เราอ่าน จึงเหมือนตัวตัดสิน

Riding the Line ของเคธ พีช

หนังสือเรื่องนี้เป็นเล่มที่สามในชุดเดียวกับเรื่อง Roping the Wind และ Where have all the cowboys gone? (ซึ่งการเรียงลำดับอาจจะทำให้งงนิดหน่อย เพราะเรื่อง RTW ออกขายทีหลัง แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเรื่อง WHATCG)

พระเอกของเรื่องคือ ดาโกต้า สก๊อตอาจจะไม่ได้ใช้นามสกุลเทอร์เนอร์เหมือนพี่ชายต่างมารดาสองคนของเขา แต่เขาก็เป็นน้องชายของเกรย์สัน (พระเอกเรื่อง WHATCG) และเจย์ (พระเอกเรื่อง RTW) และเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา เขาถูกดึงดูดหาผู้หญิงที่เป็นด้านตรงข้ามทุกอย่างของเขาเอง

โรบิน สปาโรว์เป็นอดีตดาราเด็กในละครซีรี่ย์สุดฮิตที่สูญเสียทุกอย่างไปกับความ โด่งดังของตัวเอง โรบินก็เหมือนดาราเด็กในฮอลีวู้ดอีกหลายคนที่จบอนาคตการแสดงไปเพราะการ สำมะเลเทเมา ยาเสพติด และผู้ชาย ในวัยเพียงยี่สิบกว่าปี โรบินพบตัวเองถูกทิ้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ในรัฐนิว เม็กซิโก หมดสิ้นหนทางที่จะเดินทางกลับไปยังลอสแองเจลิส

แต่เธอก็ได้พบกับดาโกต้าที่บังเอิญมารถเสียอยู่ในเมืองเดียวกัน โรบินมองไม่เห็นหนทางอื่นนอกจากจะเอาตัวเข้าแลกในการติดรถของดาโกต้าเพื่อไป ยังจุดหมาย สำหรับเด็กสาวที่สูญเสียไปหมดทุกอย่างเช่นเธอแล้ว การเอาร่างกายเข้าแลกในสิ่งที่ต้องการ มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิดเดียว

แต่สำหรับดาโกต้ามันเป็นเรื่องใหญ่ เขาเป็นน้องชายผู้รักษาความสันติในครอบครัวที่เต็มไปด้วยผู้ก่อเรื่อง เขาเป็นคนประนีประนอมมากเสียจนเขาแทบจะไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นน้องชายผู้แสนดี และดาโกต้าก็เป็นอย่างนั้น เขายอมทุกอย่างแม้จะทำให้ชีวิตของตัวเองยุ่งยาก เพื่อไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อเจย์ พี่ชายของเขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรองเท้าบู้ทเรียกให้เขาเดินทางไป ลอสแองเจลิสเพื่อถ่ายทำโฆษณารองเท้าที่เขาเป็นนายแบบ ดาโกต้าก็ไปอย่างว่าง่าย แม้อนาคตในฮอลีวู้ดจะไม่ใช่ในสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน

เมื่อได้พบกับโรบิน ดาโกต้าค้นพบอีกด้านนึงของตัวเอง เขาก็เป็นแบดบอยได้ แต่นั่นก็ไม่มากพอที่จะให้เขาเอาเปรียบหญิงสาวที่เห็นได้ชัดว่ากำลังหมดหน ทาง ดาโกต้ายินดีให้โรบินร่วมเดินทางไปด้วย โดยไม่ต้องการของแลกเปลียน แต่สำหรับแฟนแนวอีโรติคก็ไม่ต้องเสียใจหรอนกะคะ เพราะเซ็กส์มันก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้นไม่นานหรอก เพียงแต่ไม่ได้เกิดเพราะการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เท่านั้นแหละ

ไม่รู้ว่าเพราะแม็กซ์อ่านอีโรติค โรแมนซ์มาเยอะจนเบือหน่ายฉากเซ็กส์ไปแล้วรึเปล่านะคะ เรากลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นนิยายแนวปัจจุบันมากกว่าอีโรติค เพราะแม้จะมีฉากเซ็กส์ดาษดื่นในเรื่อง แต่เราก็ไม่รู้สึกว่ามันท่วมท้น เยอะแยะ จริงอยู่บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่กลับถูกแทรกเข้ามาเพื่อให้เป็นอีโรติค โรแมนซ์ซะงั้น

ในแง่ของตัวละคร โรบินเป็นผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายหลายอย่างมาจนกร้านโลก เราพบว่าเธอมีพฤติกรรมตรงตามบุคลิคที่ถูกวางไว้ดี เธอไม่ใช่นางเอกในความฝันของนักอ่านโรแมนซ์ที่นิยมนางเอกแนวป้าลินน์ แต่เราว่าคาแร็คเตอร์ของเธอน่าสนใจดี (นึกถึงลินเซย์ โลแฮน หรือบริทนี่ย์) ปัญหาก็คือ จนกระทั่งตอนจบของเรื่อง เราไม่รู้สึกว่า โรบินเรียนรู้อะไรเลยจากประสบการณ์ที่เธอไ้ดพบในหนังสือเล่มนี้ เธอไม่ได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจคนอื่นอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ได้เรียนรู้ที่จะยืนบนขาของตัวเองในการต่อสู้ปัญหา แม็กซ์จึงไม่รู้ว่า คนแต่งต้องการสื่ออะไร

คือแม็กซ์คิดยังงี้นะคะ ถ้านางเอกไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากดาโกต้า เธอก็น่าจะเป็นคนที่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวเธอเองได้ เรื่องมันก็จะเป็นสไตล์ว่า ฉันอาจจะรักเธอนะ แต่ฉันช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่รอคอยความช่วยเหลือจากพระเอก แต่ถ้าจะเป็นแนวว่า พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย มันก็น่าจะเป็นธีมเรื่องที่นางเอกทำทุกอย่างด้วยตัวเองมานาน จนกระทั่งวันนึงพบผู้ชายที่เธอไว้วางใจพอที่จะช่วยแบ่งเบาปัญหาในชีวิตให้ เธอได้ และเธอก็เชื่อใจเขามากพอที่จะบอกเล่าปัญหาให้เขาฟัง ทั้งยังพร้อมจะรับความช่วยเหลือจากเขา

ในเรื่องนี้โรบินไม่เลือกทั้งสองอย่าง และมันทำให้เรารู้สึกนึกสงสารดาโกต้ามาในความสัมพันธ์ที่โรบินเป็นฝ่ายได้ เพียงอย่างเดียว เธอเลือกที่จะทิ้งเขาไป แม้จะให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการปกป้องเขา แต่แม็กซ์ิคิดว่าเป็นเพราะความไร้กึ๋นในการเผชิญหน้ากับปัญหามากกว่า ในอีกทางนึงเธอก็เลือกที่จะยอมเป็นเบี้ยล่างของคนร้าย ยอมทำตามความต้องการของคนร้ายโดยที่ไม่คิดจะหาโอกาสให้กับตัวเอง (และสุดท้ายแล้วก็เป็นดาโกต้าที่ต้องเข้ามาช่วยเธอจนได้) มันบ่งบอกถึงการยอมแพ้แก่ชีวิตของโรบินยิ่งนัก

และนี่แหละคือประเด็นที่แม็กซ์ไม่ชอบในเรื่องนี้อย่างรุนแรง

คะแนนที่ 57

No comments: