Sunday, March 22, 2009

The Dream Thief // Shana Abe

อย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันที่อ่านเรื่องนี้จบ เพราะเมื่อวานต้องไปงานเลี้ยงกับเพื่อน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะแค่เปิดอ่านสักสองสามบท แล้วเข้านอน (ปกติแม็กซ์จะทำอย่างนี้เสมอ เริ่มต้นอ่านเรื่องตอนกลางคืน แล้วค่อยมาอ่านต่อจนจบในวันรุ่งขึ้น) ผลก็คือ นั่งอ่านรวดเดียวจบเมื่อคืนนี้แหละ ดังนั้นคงไม่ต้องบอกนะคะว่า วันนี้ง่วงนอนแค่ไหน

อย่างที่เคยบอกไปในบลอกก่อน ว่าเล่มนี้แหละคือเป้าหมายที่แท้จริงของแม็กซ์ในอ่านหนังสือชุดดราก้อนของชา น่า เพราะได้ยินหลายคนพูดมาว่า เล่มนี้อาจจะเป็นหนังสือที่ดีที่สุดของคนแต่งคนนี้ ซึ่งคำพูดนี้นี่เองทำให้แม็กซ์ตัดสินใจซื้อหนังสือชุดนี้มาทั้งชุด (ที่ตอนนี้ออกมาแล้วสามเล่ม) ทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบผลงานของเธอในอดีตเลยด้วยซ้ำ

รีวิวของหนังสือเรื่องนี้เีขียนยากค่ะ ซึ่งเราจะอธิบายต่อไป

The Dream Thief ของชาน่า เอบเบ

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด Drakon ที่เล่าเรื่องราวของอมีเลีย แลงค์ฟอร์ด ลูกสาวของคิท และรัว แลงค์ฟอร์ดจาก The Smoke Thief ซึ่งเป็นเล่มแรกในชุด

อมีเลีย หรือเลียเป็นมนุษย์มังกรที่แตกต่างจากคนอื่น ตรงที่เธอสามารถได้ยินเสียงเรียกของเพชรเลอค่าแห่งมนุษย์มังกร (เพชรคนละอันกับที่เป็นประเด็นในเล่มแรก) ที่ยิ่งไปกว่านั้น เธอมีญาณสามารถมองเห็นอนาคต แต่มันไม่ใช่อนาคตที่งดงาม เธอรู้ว่าใครคือชายผู้จะได้ครอบครองหัวใจของเธอ แต่เขาก็ยังเป็นยิ่งกว่านั้น เพราะเขาคือคนที่ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์มังกร

เขา่คือเซน เด็กชายที่มารดาของเธอเก็บมาดูแล และเป็นมนุษย์คนเดียวที่ได้รับการไว้ชีวิตเมื่อล่วงรู้ความลับของเหล่า มนุษย์มังกร แต่กระนั้นเซนก็ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของมนุษย์มังกร เขาเป็นแค่คนที่มีประโยชน์เอาไว้ใช้สอยยามจำเป็น (ฉากที่รัวโชว์ให้เซนดูหลุมศพที่เผ่ามนุษย์มังกรฆ่าคนที่ล่วงรู้ความลับ เพื่อเป็นการย้ำให้เขาหุบปาก เป็นฉากที่ทำให้เราเกลียดรัวได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก)

ซึ่งเวลานั้นก็มาถึง เมื่อเซนถูกรัวตามตัวให้มาพบ พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้เซนออกตามหาเพชรที่สูญหายไปนาน ในฐานะโจรที่เลื่องชื่อ และเงินล่อใจที่มากพอ เซนไม่ลังเลที่จะตกลง แม้เขาจะรู้สึกว่า มันจะต้องมีอะไรมากไปแค่คำพูดของรัว

เซนออกเดินทางไปทางตะวันออก ตามทิศทางชนิดกว้างมากที่รัวมอบให้ ในขณะเดียวกันเลียที่ทุกคนเข้าใจว่ากำลังเรียนหนังสืออยู่ในสก๊อตแลนด์ก็ออก เดินทางเช่นกัน นั่นเพราะเธอรู้ว่า นี่คือโชคชะตาที่กำหนดไว้ให้เธอ เลียจะเป็นคนที่ค้นพบเพชรเม็ดนั้น และเลียก็จะคือคนที่ทรยศเผ่ามนุษย์มังกรของเธอเช่นกัน

ทั้งสองได้พบกัน และทำสัญญาเป็นมิตรกันในการออกตามหาเพชร ซึ่งมันก็ไม่ได้ถึงกับยากเย็นอะไรหรอกนะคะ เพราะเลียได้ยินเสียงเรียกจากเพชร และรู้ว่าควรจะไปมุ่งตรงไปยังทิศทางไหน แต่สิ่งที่ยากยิ่งก็คือ ความพยายามเอาชนะพรหมลิขิต และการพิสูจน์ว่า อนาคตไม่ใช่สิ่งที่จารึกอยู่บนก้อนหิน และเปลี่ยนแปลงไม่ได้

คนที่อ่านรีวิวของแม็กซ์ของเรื่อง The Smoke Thief คงจะรู้ถึงความไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่เรามีต่อการที่ตัวเอกของเล่มนั้น (ซึ่งเป็นพ่อแม่ของนางเอกในเล่มนี้) ปฏิบัติต่อเซน ซึ่งเป็นเด็กอายุแค่สิบสองปีเท่านั้นเอง เราไม่รู้สึกว่าทั้งสองรัก และห่วงใยเซนอย่างแท้จริง แต่พอแม็กซ์ได้อ่านเล่มนี้ ก็ทำให้เราเข้าใจแล้วนะคะว่า ทำไมพฤติกรรมของคิทและรัวที่มีต่อเซนจึงเป็นเช่นนั้น

เพราะมันทำให้เซนกลายเป็นคนอย่างที่เขาเป็น และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้

จริงอยู่มันอาจจะไม่ได้ทำให้เรื่อง TST กลายเป็นหนังสือที่ดีขึ้นมาได้ (คุณจะรักหนังสือเล่มนั้นได้ยังไง ถ้าพระเอกและนางเอกทำตัวห่วยแตกกับเด็กที่ต้องการความรักมาก ๆ อย่างเซน) แต่มันทำให้ The Dream Thief มีความชัดเจนในแง่ของแรงผลักดันที่กระตุ้นให้เซนเป็นคนอย่างที่เขาเป็น เพราะในตัวเรื่องของเล่มนี้เอง แม็กซ์คิดว่า คนแต่งปูภูมิหลังของเซนน้อยเกินไป (จนอาจทำให้คนที่ไม่ได้อ่าน TST อาจจะไม่ชื่นชมความเป็นเซนได้อย่างเต็มที่)

เพราะถ้ารัวและคิทปฏิบัติต่อเซนดีสักหน่อย ยอมรับเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เซนก็จะไม่ใช่คนที่เขาเป็นในเล่มนี้ และนั่นคงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

สำหรับคนที่ถูกกันให้อยู่วงนอก การได้ล่วงรู้ความลับของการมีอยู่ของมนุษย์มังกร แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกปฏิบัติเยี่ยงกับเป็นข้าทาสบริวาร (โดยคนที่เขาคิดว่ารักเขาด้วยซ้ำ) เซนไม่เชื่อมันในความถูกต้องดีงาม เขาเข้าใจการแย่งชิงในสิ่งที่ตัวเองต้องการมากกว่า เขาเชื่อในอำนาจ และเงินตราว่า มันจะนำทุกสิ่งที่เขาถวิลหา ทุกสิ่งที่ขาดหายไป หรือกระทั่งความรักมาให้เขาได้ ดังนั้นแม็กซ์จึงเข้าใจอย่างยิ่งว่าทำไม เขาถึงคิดว่า (สปอยล์) เพชรเม็ดนั้นจะทำให้เขาได้เลียมาครอบครอง เมื่อรู้ว่ามันมีอำนาจในการควบคุมมนุษย์มังกร

และบอกตามตรงนะคะ แม็กซ์ไม่โทษเซนเลยสักนิด อันที่จริงถ้าเราเป็นเขา เราจะทำมากกว่านั้นอีก และนี่แหละคือความยากในการรีวิวของแม็กซ์

ตัวละครในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเซน และเีลีย มีความโดดเด่น (โอเคสำหรับแม็กซ์เซนเด่นมากกว่าเยอะ) และมีบุคลิคเป็นของตัวเอง กระทั่งเลียที่ดูแว่บแรกจะเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แต่เธอก็พิสูจน์ให้เห็นในเรื่องหลายครั้งถึงความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง เลียเป็นผู้หญิงที่เราคิดว่าเหมาะสมกับเซน เธอทำให้เราเชื่อว่า (สปอยล์) ทำให้เซนละทิ้งอำนาจที่อยู่ในรูปของเพชร เพราะเขาเห็นสิ่งที่มันทำกับเธอ และไม่ต้องการทำกับเธอในรูปแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอทำให้เซนเชื่อว่า (สปอยล์) เขาไม่จำเป็นต้องมีเพชร ก็จะได้ความรักจากใจจริงมาจากเธอได้

โดยรวมแล้วทั้งเซน และเลียเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมค่ะ

ปัญหาของแม็กซ์ก็คือ แม็กซ์เกลียดเหล่ามนุษย์มังกรทั้งหมด กลายวัฒนธรรมของพวกเขา เกลียดทัศนคติ เกลียดมาพอที่อยากจะเชียร์ให้เซนทำลายพวกนี้ให้หมดโลกไปเลย (ยกเว้นเลียไว้คนนึง) ทำไมเหรอคะ

ปกติเวลาแม็กซ์อ่านเรื่องแนวพารานอมอล หรือแนวที่มีการสร้างโลกที่มีความแตกต่างจากโลกที่เรารู้จักกัน โลกที่ถูกสร้างขึ้นอาจจะดูไม่เฟอร์เฟ็ค แต่อย่างน้อยในกลุ่มสังคมที่เป็นของตัวเองมันก็จะต้องมีข้อดีบางอย่างอยู่ บ้างนะคะ แต่ในโลกของมนุษย์มังกร มันไม่มีอะไรเลยที่แม็กซ์คิดว่า มีค่าควรจะมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปบนโลก

พวกนี้เป็นกลุ่มเหยียดยามทางชนชาติที่ทุเรศที่สุดกลุ่มนึง พวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์มังกรแล้วจะดีเลิศประเสริฐศรีกว่ามนุษย์ธรรมดา ทั้งนี้ดูแล้วก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง สังคมของมนุษย์มังกรก็ห่วยแตกพอกัน สังคมที่แบ่งแยก และกีดกัน กักขังสมาชิคในเผ่า คนที่มีความเห็นแตกต่าง เราอ่านเล่มนี้เรายังรังเกียจตัวเอกจากเล่มแรก ขอด่านิดนึงนะคะ รัวเองก็เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นคนนอก เพราะพ่อของเธอเป็นมนุษย์ ทำให้เธอเป็นที่รังเกียจมาอยู่แล้ว แต่เมื่อเธอมีโอกาสเข้ามาเป็นอัลฟ่าในเผ่า เธอเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์อะไรบ้างไหม เปล่าเลย ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ตัวรัวนั่นแหละที่หน้าไหว้หลังหลอกมากที่สุด

แม็กซ์ไม่รู้สึกว่าตัวเองรังเกียจสังคมหรือโลกที่ควรจะเป็นฝ่ายดีในนิยายมาก เท่ากับเรื่องนี้เลยนะคะ วัฒนธรรมทุกอย่างที่เหล่ามนุษย์มังกรใช้ ยิ่งตอกย้ำความเหยียมหยามทางเผ่าพันธุ์ ถ้ามนุษย์มังกรมันดีมากขนาดนี้ แล้วทำไมถึงได้หนีตายจากการถูกล่าจากมนุษย์เล่า

แม็กซ์แคร์ตัวละครในเรื่องนี้เอามาก ๆ นะคะ ในขณะเดียวกันก็ไม่แคร์กับชะตากรรมของเหล่ามนุษย์มังกรเลย (จะพูดว่าแคร์ให้ถูกฆ่าตายให้หมดก็ได้) มันจึงเป็นรีวิวทีเ่ขียนยาก เพราะในฐานะของหนังสือชุดที่เล่าเรื่องราวของเหล่ามนุษย์มังกร เล่มนี้สอบตกอย่างรุนแรง แม็กซ์ไม่อยากอ่านเรื่องราวของมนุษย์มังกร ไม่อยากรู้ว่าพวกนี้จะเอาตัวรอดในสังคมมนุษย์ได้ยังไง ไม่สนใจเลย

แต่แม็กซ์ก็รัก และแคร์เซนกับเลียมาก ในฐานะตัวละครพวกเขาสอบผ่านอย่างสบาย เรื่องราวของพวกเขาน่าเชื่อ และสนุก

สรุปว่าแนะนำให้อ่านกันนะคะ และต้องขอโทษด้วยที่จะต้องแนะนำให้อ่านเรื่อง The Smoke Thief อีกเล่ม เพราะมันจะทำให้เข้าใจตัวตนของเซนได้อีกขึ้นมาก ๆ

อย่างที่บอกนะคะ รีวิวก็เขียนยาก คะแนนก็ให้ยาก ถ้าให้เฉพาะเรื่องราวของเซน และเลีย กับการผจญภัยของพวกเขา คะแนนอยู่ที่ 85 แต่ถ้าเอาบรรดาเหล่ามนุษย์มังกรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คะแนนเหลือแค่ 77 ค่ะ

ป.ล. ไปแอบอ่านตอนท้าย ๆ Queen of Dragon ซึ่งเป็นเล่มสามในชุดมาแล้วแหละ (สปอยล์) ไม่ ชอบใจเลยที่เอาเซนเข้ามายุ่งกับพวกมนุษย์มังกรห่วย ๆ พวกนี้เอง เขาน่าจะมีชีวิตที่แฮ็ปปี้โกลักกี้ไปแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกับไอ้พวกที่ไม่เห็นคุณค่าของเขาอีกต่อไป

No comments: