Loving A Lost Lord by
Mary Jo Putney My rating:
3 of 5 stars หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เรารอคอยมานานพอสมควรค่ะ เพราะหนังสือเล่มสุดท้ายที่แมรี่ โจ พัทเน่ย์เขียนแนวย้อนยุคแท้ ๆ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่แม็กซ์ยังยืนหนังสือห้องสมุดอ่านอยู่เลย (จำได้เพราะเราไปเอาหนังสือเรื่อง The Bartered Bride ซึ่งเป็นฉบับปกแข็งจากห้องสมุดมาดองเสียเกือบเดือน ก่อนจะต้องรีบอ่านแทบตาย เพราะครบกำหนดคืนแล้ว) นอกจากนี้แล้วกลยุทธ์ทางการตลาดของสำนักพิมพ์ก็ยังทำให้เวลาวางขายของหนังสือเล่มนี้โดยยืดออกไปอีก เพราะสำนักพิมพ์ต้องการจะพิมพ์หนังสือของแมรี่ โจในช่วงเวลาที่ใกล้กันสักหน่อย และเนื่องจากเธอเขียนหนังสือได้ไม่เร็วมานัก (ประมาณปีละหนึ่งเล่ม) หนังสือเล่มนี้ก็เลยโดนดึงออกมาอีกหนึ่งปี
แถมตอนหนังสือออกขายก็ดันเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับช่วงที่แม็กซ์จะไปงาน RWA อีก ก็เลยทำให้เราต้องอดใจ (อย่างรุนแรง) ที่จะไม่ซื้อ เพื่อที่จะได้ไปซื้อฉบับที่มีลายเซ็นต์ของตัวคนแต่งเองจากงาน RWA ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่า เป็นเพราะเหตุนี้รึเปล่านะคะ (ความคาดหวังที่มาก ๆ ) ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า แม้เล่มนี้จะสนุกในระดับนึง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ในอดีตของแมรี่ โจได้เลย
แต่ก็เหมือนกับที่เราพูดหลายครั้งนะคะ กระทั่งเรื่องที่อยู่ในระดับปานกลางของนักเขียนบางคน ก็อาจจะเป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับหนังสือโดยรวมเล่มอื่นก็ได้ค่ะ
Loving the Lost Lord ของแมรี่ โจ พัทเน่ย์
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกในชุด The Lost Lords เรื่องราวของเพื่อนร่วมโรงเรียนประจำซึ่งแต่ละคนมีปมบางอย่างที่ทำให้พวกเขาถูกส่งมายังโรงเรียนที่มีความพิเศษซึ่งดำเนินการสอนโดยเลดี้แอ็กเนส เวสเตอร์ฟิลด์
แต่สำหรับคนที่ติดตามอ่านงานของแมรี่ โจมาเป็นอย่างดีก็น่าจะพอรู้ว่า แท้จริงแล้วเล่มนี้มีความเชื่อมโยงกับเรื่อง The Marriage Spell อยู่เล็กน้อย แม้จะดูเผิน ๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย แต่คนที่ได้อ่าน The Marriage Spell ก็น่าจะสังเกตความเหมือนกันของตัวละครรองในเล่มนั้น กับพระเอกในเล่มนี้ได้นะคะ นั่นก็เนื่องมาจาก ตัวคนแต่งได้มีการย้ายสำนักพิมพ์ และสำนักพิมพ์แห่งใหม่ของเธอต้องการให้แมรี่ โจเขียนเรื่องแนวย้อนยุคชนิดที่ไม่มีองค์ประกอบของเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตัวแมรี่ โจเองได้เขียนหนังสือเรื่อง The Marriage Spell ซึ่งเธอตั้งใจจะให้เป็นหนังสือชุดเรื่องราวของเพื่อนพ้องที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เพียงแต่โลกที่เธอแต่งนั้นจะมีเวทมนตร์ผสมเข้าไปด้วยแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำการดัดแปลงเรื่องราวของตัวละครที่เหลือในเรื่อง TMS เพื่อมาเริ่มต้นชุดใหม่ซึ่งก็คือ The Lost Lords เพียงแต่ตัดองค์ประกอบเรื่องเวทมนตร์ออกไปเท่านั้นเอง
ดังนั้นตัวละครรองในเรื่อง The Marriage Spell ที่เคยมีชื่อว่าดยุคแห่งแอชบี้ จึงกลายเป็นดยุคแห่งแอชตันในเล่มนี้ ส่วนอื่น ๆ แม็กซ์คิดว่า คนแต่งค่อนข้างดำรงบุคลิคของเขาไว้ได้เหมือนเดิมนะคะ แต่ก็ไม่จำเป็นถึงต้องขนาดไปหาเรื่อง TMS มาอ่านเพื่อให้อ่านเรื่องนี้รู้เรื่องหรอกนะคะ
เรื่องเปิดขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทสามคนของดยุคแห่งแอชตันเดินทางไปหาเลดี้แอ็คเนส เพื่อแจ้งข่าวร้าย เรือที่แอชตันเป็นผู้ออกแบบ และทดลองแล่นได้เกิดการระเบิด แอชตันซึ่งอยู่บนเรือถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เมื่อไม่พบศพ เลดี้แอ็คเนสจึงขอร้องให้อดีตลูกศิษย์ทั้งสามออกตามหาเพื่อนให้พบ แม้จะมีโอกาสน้อยมากที่แอชตันจะรอด แต่ก็ยังมีความหวัง
ในอีกด้านหนึ่งมารายห์ คลากกำลังอยู่ในความยุ่งยาก บิดาของเธอซึ่งเป็นนักพนันมืออาชีพซึ่งโชคเข้าข้างพนันชนะได้บ้านในชนบทมาหลังหนึ่ง ได้เสียชีวิตลง และเจ้าของบ้านหลังเดิมซึ่งเสียพนันให้กับพ่อของเธอพยายามตามตื้อมารายห์อย่างหนักเพื่อให้เธอแต่งงานด้วย มารายห์ตัดสินใจแต่งเรื่องโกหก อ้างว่าเธอได้แต่งงานแล้ว แต่ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมเลิกรา ยังคงตามตื้อเธออย่างไม่ลดละ ดังนั้นในคืนวันนึงเมื่อมารายห์ได้พบกับชายที่ถูกทะเลพัดขึ้นฝั่ง เขาบาดเจ็บหนัก และตื่นขึ้นมาพร้อมกับไร้ความทรงจำ มารายห์ก็รู้ว่า เขาคือคนที่ฟ้าประทานมาช่วยเธอแก้ปัญหา
มารายห์บอกกับชายผู้สูญเสียความทรงจำว่า เขาคือสามีของเธอ ความสัมพันธ์อันมีพื้นฐานจากความหลอกลวงจึงเริ่มต้นขึ้น แต่ท่ามกลางความหลอกลวง ความรักอันแท้จริงก็ได้ก่อตัวขึ้นเช่นกัน
สำหรับแม็กซ์ซึ่งอ่านหนังสือของแมรี่ โจมาครบเกือบทุกเล่ม (ยกเว้นอาจจะแค่เรื่องสั้นสองสามเรื่อง) มันมีอะไรหลายอย่างในเล่มนี้ที่เตือนให้แม็กซ์นึกถึงงานในอดีตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นพล็อตความจำเสื่อมที่เธอใช้ในเรื่อง Uncommon Vows หรือการที่ดยุคผู้สูงศักดิ์ตกหลุมรักหญิงสาวผู้ที่ดูไม่เหมาะสม อย่างในเรื่อง One Perfect Rose เรื่องราวการตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของผู้เป็นบิดาก็ถูกใช้ไปแล้วในเรื่อง Angel Rogue กระทั่งพล็อตที่พระเอกต้องเลือกระหว่างความรักและเกียรติก็มีอยู่ในเรื่อง Shattered Rainbows นี่จึงอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้แม็กซ์คิดว่า เมื่อนำหนังสือเรื่องนี้มาเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ที่เธอเขียน มันจึงด้อยกว่า เพราะเรื่องที่แม็กซ์เอ่ยมาทั้งหมดนั่นอยู่ในระดับสุดยอดหนังสือของแม็กซ์ทั้งสิ้น
แต่ถ้ามองจากอีกด้าน หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยพล็อตที่เราอาจเรียกกันได้ว่า "น้ำเน่า" (ขอบอกว่ายิ่งกว่าละครไทยที่วิจารณ์กันว่าน้ำเน่าอีกนะคะ) แต่ฝีมือของคนเขียนกลับไม่ทำให้แม็กซ์รู้สึกแม้แต่วินาทีเดียวว่ามันเป็นเช่นนั้น เนื้อเรื่องดำเนินไปได้อย่างลื่นไหล กระทั่งเมื่อความจริงเปิดเผย (ประเด็นที่ทำให้รู้สึกว่า โคตรเน่าเลย) เรากลับมีความสุขไปพร้อมกับตัวละคร ไม่ได้สนใจเลยว่า พล็อตมันปราณีกับตัวละครเกินกว่าที่ควรจะเป็น
จุดเด่นในงานเขียนของแมรี่ โจอยู่ที่อารมณ์ของเรื่อง ซึ่งเล่มนี้ก็สอบผ่านสบายนะคะ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอกนะคะ เพราะกระทั่งหนังสือเล่มที่แย่ที่สุดของเธอ ก็ยังไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ในช่วงเวลาที่มารายห์และอดัม (ชื่อที่เธอตั้งให้กับชายผู้ไร้ความทรงจำ และบังเอิญเป็นชื่อจริงของแอชตันเสียด้วย) อยู่ร่วมกันในบ้านที่ชนบทของเธอ ในช่วงเวลาที่อดัมยังไม่ถูกเพื่อน ๆ ของเขาค้นพบเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ละมุนละไมมาก และนั่นทำให้แม็กซ์นึกถึงชื่อของหนังสือเรื่องนี้ที่ถูกต้องก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันอย่าง Loving a Lost Lord นั่นก็คือถูกตั้งว่า Know by Heart ซึ่ง บอกตามตรงนะคะว่า แม็กซ์คิดว่าชื่อแรกนี้สื่อความหมายของพล็อตเรื่องได้ดีกว่าชื่อปัจจุบันมาก เพราะทั้งมารายห์และอดัม แม้จะเป็นคนแปลกหน้า ที่ทั้งคู่ได้เข้าถึงกันและกันด้วยหัวใจ คนแปลกหน้าสองคนที่ผูกพันกันด้วยความโกหก กับความรักที่แสนจะเป็นจริง
เรื่องนี้เกือบจะขัดใจแม็กซ์ไปแล้วล่ะ ตอนที่อดัมลังเลระหว่างความรัก และเกียรติยศ (สปอยล์) เพราะเขาถูกหลอกว่า ตัวเองได้หมั้นหมายกับสาวนางนึงไว้ก่อนหน้า (เนื่องจากความจำเสื่อมเลยไม่รู้ว่าหมั้นจริงหรือปลอม) ทำให้เขาไม่อาจบอกความในใจแก่มารายห์ได้ ต้องลุ้นถึงเกือบจะหน้าสุดท้ายเลยล่ะ กว่าเขาจะเลือกความรัก โดยไม่แยแสเกียรติยศ
โดยรวมถือเป็นหนังสือที่สนุกนะคะ ปัญหาของแม็กซ์เป็นเพราะเราตั้งมาตรฐานให้กับตัวแมรี่ โจไว้สูงมากต่างหาก
คะแนนที่ 73
ป.ล. สำหรับคนที่ถามมา เล่มต่อไปเป็นเรื่องของแรนเดล AKA แรนซั่มจากเรื่อง TMS ค่ะ (สปอยล์) ซึ่งถ้าคาดไม่ผิดน่าจะคู่กับเพื่อนนางเอกในเล่มนี้นะคะ
View all my reviews
No comments:
Post a Comment