Monday, August 26, 2013

Review: Personal Demon


Personal Demon
Personal Demon by Kelley Armstrong

My rating: 4 of 5 stars





แม็กซ์รู้จักเคลลีย์ อาร์มสตรองคนแต่งหนังสือเล่มนี้เพื่อนคนนึงของเราค่ะ เพราะแม้เราจะพูดเสมอว่า เราเป็นคนที่เปิดโอกาสให้กับหนังสือเกือบทุกแนว แต่ครั้งแรกก็ย่อมต้องยากเสมอ แม็กซ์ไม่เคยอ่านหนังสือแนว Urban Fantasy มาก่อนในชีวิต ตอนที่อ่านคำวิจารณ์ของชาวบ้านว่าหนังสือเรื่อง Bitten ของเธอดีนักดีหนาก็ไม่ได้เกิดความรู้อยากออกไปซื้อมาอ่านแต่อย่างใดหรอกค่ะ เพราะรู้สึกว่าพล็อตน่ะมันไม่ใช่เราเอาเลย

จนกระทั่งเพื่อนคนนี้พูดจนเราเกิดอาการฮึด ไปสั่งซื้อมาจนได้

เกือบสิบปีต่อมา เราก็ยังคงรักเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์เหมือนอย่างตอนที่ได้อ่านงานของเธอเป็นครั้งแรก

แต่ถึงเราจะรักงานเขียนของเคลลี่ย์ยังไงนะคะ เราก็ไม่สามารถที่จะรักตัวละครของเธอทุกตัวได้เท่าเทียมกัน หนังสือชุด Otherworld ของเธอถูกเขียนผ่านมุมมองของตัวละครหลายตัว ดังนั้นบางครั้งถ้าคนที่เล่าเรื่องไม่ใช่ตัวละครที่แม็กซ์ชอบมาก เราก็ไม่ถึงกับเกิดอาการกรี๊ดสลบ (แค่กรี๊ดเล็ก ๆ ค่ะ) ดังนั้นนี่จึงเป็นคำอธิบายเดียวที่ว่า ทำไมเราจึงไม่อ่านอ่านเล่มนี้ทันทีที่ออกขายเป็นปกแข็ง แต่กลับรอต้นฉบับปกอ่อนก่อนจึงเริ่มอ่าน



Personal Demon ของเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์

คนเล่าเรื่องหลักในเล่มนี้คือโฮป อดัมส์ ลูกครึ่งปีศาจคนที่พ่อของเธอคือลูซิเฟอร์ และนั่นทำให้ความสามารถพิเศษที่ได้รับถ่ายทอดจากบิดาก็คือความถวิลหาความ วุ่นวาย โฮปเป็นปีศาจที่ต้องการดื่มกินความวุ่นวาย ไม่ว่าจะเกิดจากความตาย ความเจ็บปวด ดังนั้นอาชีพนักข่าวหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับโฮปมาก จนกระทั่งเธอได้รับคำเชิญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ให้ไปทำงานพิเศษให้กับเจ้าพ่อคา บาลอย่างเบนิซิโอ คอร์เตซ

โฮปเป็นตัวละครที่ปรากฎตัวครั้งแรกในชุดนี้จากเรื่องสั้นในหนังสือรวม เรื่องสั้นเรื่อง Date from hell ซึ่งในเล่มนั้นเธอได้ค้นพบความจริงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโดนหลอกให้ทำงานให้กับคอร์เตซ คาบาล (ซึ่งเปรียบเสมือนแก็งค์มาเฟียในโลกเหนือธรรมชาติแห่งนี้ เป็นฐานกำลังสูงสุดของเหล่าพ่อมดที่สร้างคาบาลขึ้นมาในรูปของบริษัท โดยมีเหล่าคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติมาทำงานให้) และในเล่มนั้นเธอได้พบกับคาร์ล หมาป่าหนุ่มใหญ่ที่ช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมือของเหล่าร้าย

แต่ผลของการเอาชนะผู้ร้ายในเล่มนั้น ทำให้โฮปกลายเป็นหนี้บุญคุณแก่เบนิซิโอ คอร์เตซ หัวหน้าใหญ่แห่งคอร์เตซ คาบาล และในเล่มนี้ เบนิซิโอต้องการทวงหนี้บุญคุณนั้น

โฮปได้รับคำสั่งในเดินทางไปไมอามี่ อันเป็นหัวใจหลักของเขตการปกครองของคอร์เตซ คาบาล เพื่อแทรกซึมเข้าไปในแก๊งค์ของพวกเหนือธรรมชาตินอกรีตที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้ สังกัดของคาบาล แต่ออกหากินด้วยตัวเอง เพียงไม่นานเธอก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งค์

บอกตามตรงนะคะว่าครึ่งเล่มแรกไม่ค่อยถูกใจแม็กซ์นัก เพราะเราไม่ได้ชอบโฮป ไม่อยากรู้เรื่องราวของเธอนัก อีกอย่างพล็อตเรื่องยังไม่มีความชัดเจนเลย เราไม่เห็นประเด็นที่โฮปต้องแทรกซึมเข้าไปในแก๊งค์ ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการดำเนินเรื่อง

แต่ครึ่งหลังของเรื่องคือคนละเรื่องกันเลย นั่นก็เพราะการปรากฎตัวของลูคัส คอร์เตซ

นี่เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่ผู้ชายได้เป็นฝ่ายเล่าเรื่องในหนังสือ ชุดนี้ และแม็กซ์ขอบอกว่า แม็กซ์ชอบการได้เข้าไปถึงความคิดของลูคัสอย่างมาก เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจในตัวเองอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยที่เขาไม่ใช่คนเล่าเรื่อง เขาเป็นพระเอกในเรื่อง Dime Store Magic และ Industrial Magic ในเล่มนี้เราได้เห็นการเติบโตของเขาอย่างมาก

ในฐานะลูกชายคนเล็ก และลูกนอกสมรสของเบนิซิโอ คอร์เตซ ลูคัสปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นเชื้อสายของเขา ลูคัสอาจจะเป็นพ่อมดโดยสายเลือด แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเห็นชอบกับการกระทำของคาบาล ทัศนคตินี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้เบนิซิโอจะเลือกเขาเป็นทายาทแห่งคาบาล อันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ลูคัสเ็ป็นทนายความที่ใช้ความสามารถของตัวเองในการช่วยเหลือเพื่อนพ้องชาว เหนือมนุษย์ในการต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม ซึ่งจำนวนมากเกิดจากการกระทำของคาบาล ดังนั้นหากจะบอกว่าเขาเป็นศัตรูกับบิดาก็คงพูดได้ เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างลูัคัสและเบนิซิโอไม่ได้เข้าใจง่ายเช่นนั้น

ลูคัสยังคงเป็นลูกชายที่รักพ่อ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความจำเป็นของคาบาลในสังคมสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ แม้จะไม่เห็นด้วย แต่คาบาลก็เป็นองค์ประกอบที่ยังต้องมี ดังนั้นเมื่อเขาเดินทางมาไมอามี่เพื่อดูแลการที่เบนิซิโอจัดการให้โฮปปลอม ตัวเข้าไปในแก๊งค์เพื่อสืบความลับ และลูคัสได้เจอปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะเบนิซิโอและพี่ชายสองในสามคนของเขาถูกลอบทำร้าย ส่วนพี่ชายอีกคนกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ลูคัสผู้ซึ่งเป็นคนนอกคาบาลมาตลอดก็ได้เวลาที่จะขึ้นสู่อำนาจ

เราพูดมาหลายรอบแล้วค่ะว่าหนังสือของเคลลี่ย์ไม่ใช่โรแมนซ์ แต่เป็นพล็อตโรแมนซ์ที่ทำให้เราลงเสน่ห์อ่านชุดนี้ แต่ในเล่มนี้ความโรแมนซ์ไม่เยอะนักหรอกค่ะ เพราะทั้งโฮปและลูคัสซึ่งเป็นคนเล่าเรื่อง ก็ล้วนแต่มีคู่เป็นของตัวเองแล้ว เรื่องความรักของลูคัสและเพจ ภรรยาของเขาถูกเล่าใน Dime store magic และ Industrial Magic ส่วนเรื่องของโฮป และคาร์ล เริ่มต้นในเรื่องสั้น ก่อนจะลงเอยในเล่มนี้

สำหรับแม็กซ์แล้ว เล่มนี้คือทางแยกในชีวิตของลูคัส ที่เขาต้องเลือกระหว่างอุดมการณ์ที่ตัวเองต่อสู้มาตลอดชีวิต กับความจำเป็น เขาไม่ชอบวิธีการของคาบาล แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยคอร์เตซคาบาลซึ่งเป็นคาบาลที่ใหญ่ที่สุดในโลกล้มลงโดย ไม่ดูแลได้ เพราะนั่นหมายถึงการล้มของสถาบันนึงในโลกที่เขาอาศัยอยู่ คาบาลอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็จำเป็นต้องมี เพราะแม้แต่ผู้มีพลังพิเศษ พวกเขาก็เหมือนมนุษย์ ตรงที่ ไม่ใช่ทุกคนถูกสร้างมาให้เกิดมามีอิสระ หลายคนต้องการหลักพึ่งพิง แม้จะสูญเสียสิทธิบางอย่างไปบ้าง พวกนั้นก็พอใจ เพราะไม่ต้องการต่อสู้ในโลกอันโหดร้ายนี้ตามลำพัง คาบาลเป็นทางออกให้พวกเขา

อ่านไปก็คงสังเกตนะคะว่า แม็กซ์ไม่ค่อยได้พูดถึงโฮป นั่นก็เพราะแม้เธอจะเป็นคนเล่าเรื่องหลัก ประเด็นในเล่มนี้ก็คือลูคัส โฮปเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้นเอง

และบอกตามตรงค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องชุดนี้มาตั้งแต่ต้น การเริ่มต้นอ่านที่เล่มนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอก เพราะคุณจะไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างลูคัสและเบนิซิโอ หรือกระทั่งเรื่องราวระหว่างลูคัส และเพจ

สำหรับคนที่สนใจ และไม่กลัวสปอยล์ แม็กซ์เขียนบลอกเกี่ยวกับเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์และหนังสือชุดนี้ของเธอไว้เยอะมาก

คะแนนเล่มนี้ให้ยากเหมือนกันนะคะ เพราะแม็กซ์ไม่ชอบอ่านเรื่องตอนที่โฮปเป็นคนเล่าเลย แต่จะแทบกรี๊ดสลบตอนที่ลูคัสเล่า ก้อเลยอยู่ที่ 77 สำหรับทั้งเรื่อง และ 85 ถ้าเอาเฉพาะตอนที่ลูคัสเล่าเรื่องอย่างเดียว




View all my reviews

No comments: