Tuesday, August 27, 2013

Review: No Longer a Gentleman


No Longer a Gentleman
No Longer a Gentleman by Mary Jo Putney

My rating: 5 of 5 stars





ตอนแรกที่รู้ข่าวว่า แมรี โจ พัทเนย์จะเขียนเรื่องของคาแร็คเตอร์คนนี้ แม็กซ์แอบผิดหวังเล็ก ๆ นะคะ เพราะนี่เป็นเล่มที่สี่ในชุดแล้ว และตลอดสามเล่มที่ผ่านมา คาแร็คเตอร์ (ที่เป็นพระเอกเล่มนี้) คนนี้ไม่มีบทออกมาให้คนอ่านเห็นเลย เขาเพียงแต่ถูกเอ่ยถึงโดยตัวละครตัวอื่นในเล่มเท่านั้น ใจของเราจริง ๆ อยากอ่านเรื่องของเคิร์คแลนด์มากกว่าค่ะ แต่เมื่อหนังสือใกล้จะออกขาย ข้อมูลเกี่ยวกับพล็อตเรื่องมีมากขึ้น ความรู้สึกว่า เรื่องนี้น่าสนใจก็เพิ่มตามขึ้นมา นั่นเพราะเราสะดุดกับภูมิหลังของพระเอกในเรื่อง เรารู้สึกว่า ด้วยฝึมือการเขียนของแมรี โจ เธอน่าจะสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวละครตัวนี้ได้แน่ ๆ

ดังนั้นเมื่อได้หนังสือมา จึงเป็นเล่มแรกที่หยิบมาอ่านทันที แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ

No Longer a Gentleman ของแมรี โจ พัทเนย์

เรื่องนี้เป็นเล่มที่สี่ในชุด The Lost Lords (ซึ่งตอนนี้น่าจะมีอย่างน้อยเจ็ดเล่ม เพราะคนแต่งเซ็นต์สัญญาเขียนไปถึงเล่มเจ็ดแล้ว) เรื่องราวของเพื่อนร่วมโรงเรียนประจำซึ่งแต่ละคนมีปมบางอย่างที่ทำให้พวกเขา ถูกส่งมายังโรงเรียนที่มีความพิเศษซึ่งดำเนินการสอนโดยเลดี้แอ็กเนส เวสเตอร์ฟิลด์ เด็กนักเรียนในโรงเรียนนี้จึงเข้าข่าย "มีชาติกำเนิดดี แต่พฤติกรรมแย่"

เหตุผลที่เกรย์ ซัมเมอร์ ไวส์เคาท์วินแฮมถูกส่งมาเรียนที่นี่ แทนที่จะเป็นอีตันก็เพราะเสน่ห์ที่มากเกินไปของเขา พ่อแม่ของเขากลัวว่า ความเจ้าเสน่ห์ของลูกชายจะทำให้เขาไม่ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม จึงส่งเขามาเรียนที่โรงเรียนเวสเตอร์ฟิลด์ที่ซึ่งเขาได้รับการศึกษา และเพื่อนสนิทร่วมตายหลายคน

หนึ่งในนั้นคือลอร์ดเคิร์กแลนด์ หัวหน้าสายลับในช่วงที่อังกฤษกำลังทำสงครามกับฝรั่งเศส เป็นเวลาสิบปีแล้วที่วินแฮมหายตัวไปในฝรั่งเศส ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายเมื่อสนธิสัญญาเอเมียงค์ซึ่งเป็นสัญญาสงบศึกระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสถูกฉีกทิ้ง ชายชาวอังกฤษที่อยู่ในฝรั่งเศสในเวลานั้นถูกกักตัวไว้ ไม่อาจกลับบ้านได้ วินแฮมก็อยู่ในปารีสช่วงนั้น แต่เขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อของคนที่ถูกกักกัน อันที่จริงไม่มีใครรู้ว่า เขาหายไปไหน

สิบปีผ่านไป และทุกคนทำใจยอมรับว่า วินแฮมคงจะตายไปแล้ว ยกเว้นเคิร์กแลนด์ และความพยายามตามหาอย่างไม่ลดละก็เป็นผล เมื่อเคิร์กแลนด์ได้ข่าวขุนนางอังกฤษถูกขังในคุกใต้ดินของข้าราชการระดับสูงคนนึงในฝรั่งเศส เคิร์กแลนด์คิดว่า ในที่สุดเขาก็ได้เบาะแสของเพื่อนของเขาเสียที ดังนั้นเขาจึงส่งสายลับมือดีที่สุดของเขาออกไปตามหาชายลึกลับคนนั้น เผื่อว่าจะเป็นวินแฮม

สายลับคนนั้นก็คือแคสซี ฟ๊อกซ์ ลูกครึ่งอังกฤษและฝรั่งเศสผู้เสียครอบครัวไปจากการปฏิวัติฝรั่งเศส หญิงสาวผู้ปวารณาตัวว่า จะทำทุกอย่างเพื่อล้มล้างนโปเลียน นี่ไม่ใช่ภารกิจเสี่ยงภัยสำหรับเธอด้วยซ้ำ แค่การเดินทางไปฝรั่งเศส ช่วยเชลยออกจากที่คุมขัง ก็แค่งานอีกวันนึงในชีวิตของเธอ

และการช่วยเหลือวินแฮมก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นด้วยซ้ำ แคสซีพบว่าปราสาทที่คุมขังเขาอยู่กำลังมีโรคระบาด ทำให้คนเกือบทั้งหมด และผู้คุมล้มป่วย เธอแทบจะเดินเข้าไปชนิดไม่ต้องใช้กำลังด้วยซ้ำ ความยากอยู่ที่การพาชายที่ถูกขังเดี่ยวเป็นเวลาสิบปีกลับอังกฤษ

การบอกว่า ชายคนที่เดินเข้าห้องขังเมื่อสิบปีก่อน กับคนที่แคสซีช่วยเหลือออกมาเปลี่ยนแปลงไปคงจะเป็นคำพูดที่ง่ายเกินไป ตัวตนของเกรย์ ซัมเมอร์ลบเลือนไปจนหมด จากชายที่ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย และแสนจะมีเสน่ห์ ไม่มีสถานการณ์ไหนที่เขาใช้ความเจ้าเสน่ห์ของตัวเองเอาตัวรอดไม่ได้ ชายคนนั้นจากไปแล้ว

ในเวลาสิบปีที่ถูกคุมขัง เกรย์ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ใช้ชีวิตอยู่ในห้องมืด ที่มีแสงส่องลอดผ่านลูกกรงเตี้ย ๆ เวลากลายเป็นบางสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ และความโกรธที่สะสมเพิ่มพูนจนทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อได้รับอิสรภาพ เช่นเดียวกับแคสซี ที่สำหรับเกรย์การหลบหนีออกจากที่คุมขังไม่ใช่เรื่องยาก กระทั่งการหนีออกจากฝรั่งเศสก็ไม่ใช่เรื่องยาก การปรับตัวเข้าสู่สังคมอีกครั้งนึงต่างหากที่เป็นสิ่งที่เขาหวาดกลัว

และคนเพียงคนเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้ได้ก็คือ แคสซี นางฟ้าที่ช่วยชีวิตเขาออกมาจากนรก เกรย์พบว่า ตัวเองไม่อาจปล่อยให้เธอเดินออกไปได้ มันไม่ใช่แค่ความรัก แต่เป็นความต้องการ แคสซีเป็นอากาศที่เขาจำเป็นต้องใช้ในการมีชีวิต

หลังจากเรารู้สึกว่า แมรี โจ พัทเนย์คงมาถึงจุดสูงสุด และไม่มีอะไรที่จะเดินหน้าไปได้นอกจากงานรุ่นเก่า ๆ (ที่ทำให้เรากลายเป็นแฟนหนังสือของเธอ) เล่มนี้ก็พิสูจน์ว่า ยังมีอะไรเหลืออยู่ในถังค่ะ งานเล่มนี้ทำให้เรานึกถึงงานยุคเก่า ๆ ของเธอมาก เรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ อ่านเรื่องนี้ไป น้ำตาไหลไปเรื่อย ๆ เช่นเดิมนะคะ มันไม่ได้เศร้า แต่เต็มไปด้วยความกดดัน อ่านเรื่องนี้แล้วแค่นึกว่า ตัวเองเป็นเกรย์ น้ำตาก็พาลจะไหลแล้ว แถมยังความโหยหา ความต้องการ ซึ่งเข้าใจได้เลยที่เกรย์มีต่อแคสซี แม้อาจจะมีคำถามเล็ก ๆ ว่า นั่นเป็นความรักหรือไม่ แต่มันก็ชัดเจนในส่วนของความปรารถนา (และเข้าใจได้ว่า ทำไมเกรย์จึงรู้สึกแบบนั้น)

ส่วนที่ดีไปกว่านั้นก็คือ แม้เกรย์จะเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เขาถูกกระทำในช่วงสิบปีที่ถูกขัง เราก็ยังมองเห็นตัวตนเดิมของเขา (ชายเจ้าเสน่ห์) ในความมืดมนที่เขาเป็น ประกายเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เขามีความสุข (เพราะแคสซี) เรามองเห็นเกรย์ในวัยยี่สิบปี ก่อนหน้าที่เขาจะถูกจับขังได้เลย และนี่ทำให้เราเข้าใจปฏิกริยาของคนรอบข้าง เมื่อได้เจอกับเขาอีกครั้งนึง ภายนอกเกรย์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ชีวิตได้เดินเลยผ่านเขาไป เขาเสียเวลาสิบปีในชีวิต และไม่ใช่คนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ขอพูดอีกรอบ อารมณ์ในเรื่อง เราขอถอนหายใจสักหน่อยนะคะ

นี่อาจจะไม่ใช่งานที่ดีที่สุดของแมรี โจ พัทเนย์ แต่คุณจะเอาชนะหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดที่เคยถูกเขียนขึ้นมาได้อย่างไร อย่างน้อยเล่มนี้ทำให้เรามองเห็นความเป็นแมรี โจที่เราตกหลุมรัก ทำให้เรานึกถึงอดีตที่เรารักงานของเธอมาก ๆ ได้

ตอนจบของเรื่องนี้ค่อนข้างดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ ซึ่งก็เข้ากับแนวของหนังสือชุดนี้นะคะ ดังนั้นเราเลยไม่รู้สึกว่า สรุปง่ายและลงตัวเกินไปรึเปล่า เพราะในเล่มอื่น ๆ ส่วนตอนจบก็ดูจะเข้าล็อคลงตัวไปซะทุกอย่าง

รักหนังสือเล่มนี้มาก ๆ เลยค่ะ คะแนนที่ 87




View all my reviews

No comments: