Sunday, October 6, 2013

Review: Bending the Rules


Bending the Rules
Bending the Rules by Susan Andersen

My rating: 4 of 5 stars



หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด The Sisterhood Diaries ที่บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนสาวสนิทกันสามคนที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนชั้นประถม ตัวเอกของเรื่องก็คือป๊อปปี้ หญิงสาวผู้ืที่มองเห็นความดีในคนทุกคนที่เธอรู้จัก

แต่เมื่อเธอได้พบกับนักสืบเจสัน เดอซานเกส จากกรมตำรวจแห่งเมืองซีแอตเติ้ล การมองโลกในแง่ดีของเธอก็แทบจะรับไม่ไหวกับความเถรตรงของเขา เจสคือทุกด้านที่ตรงกันข้ามกับป๊อปปี้ แต่กระนั้นมันก็ยากมากที่จะห้ามใจไม่ให้เผลอไปกับนายตำรวจหนุ่มสุดหล่อคนนี้

ครั้งแรกที่ได้เจอกัน (เหตุการณ์อยู่ในหนังสือเล่มแรกในชุดเรื่อง Cutting Loose) เจสถูกเจ้านายสั่งให้มาสืบคดีของหายในบ้านที่ป๊อปปี้และเพื่อนสาวได้รับมรดก เขาซึ่งกำลังหงุดหงิดกับคำสั่งที่ได้รับพูดจาไม่ค่อยดีถึงการใช้ "เส้น" ของสาวทั้งสาม และนั่นทำให้เขาเผชิญหน้ากับป๊อปปี้เป็นครั้งแรก และในการเผชิญหน้ากันครั้งที่สอง เจสและป๊อปปี้ก็อยู่ด้านที่ตรงข้ามกันในการตัดสินชะตากรรมของเด็กวัยรุ่นสามคน ที่ได้ทำผิดกฎหมายด้วยการพ่นสีใส่กำแพงของร้านค้า ซึ่งป๊อปปี้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุมชนแห่งนั้นอยู่ และเจสถูกส่งเข้ามาเป็นตัวแทนของตำรวจ

ทั้งสองเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับการจัดการกับเด็กมือบอนทั้งสาม สำหรับป๊อปปี้ผู้ซึ่งเติบโตขึ้นมากับพ่อแม่ที่เป็นฮิปปี้รักสงบ เธอมองเห็นว่า มีโอกาสที่ช่วยให้เด็กทั้งสามกลับตัวเป็นคนดีขึ้นมาได้ แต่สำหรับเจสผู้ซึ่งอยู่ในครอบครัวแห่งอาชญากร โดยที่มีเขาเพียงคนเดียวที่ทำลายประเพณีของตระกูลด้วยการไม่จบลงในคุก แถมยังกลายเป็นตำรวจ เขามองเห็นว่า ทุกการกระทำย่อมต้องมีการรับผิดชอบ และเด็กทั้งสามก็ทำผิด ดังนั้นก็ควรรับโทษ เขาจึงรับไม่ได้กับข้อเสนอของป๊อปปี้ที่จะให้เด็กทั้งสามแค่ทำการลบสีที่พวกเขาพ่น แล้วยังตอบแทนการทำผิดของพวกนั้นด้วยการให้โอกาสเด็กสามคนนั่นด้วยการวาดรูปบนกำแพงที่พวกเขาทำลายไป

การเผชิญหน้ากันของทั้งคู่จบลงด้วยการที่เพื่อนของป๊อปปี้ใช้ "เส้นสาย" ที่ตัวเองมีอีกครั้ง คราวนี้ทำให้ทั้งเจสและป๊อปปี้ต้องมาทำงานร่วมกัน ในการดูแลเด็กทั้งสามในการลบสีที่พ่น และโปรเจ๊กค์การวาดรูปบนกำแพงแห่งนั้น ซึ่งนั่นทำให้สองหนุ่มสาวมีโอกาสได้รู้จักกันดีขึ้น

เจสได้รู้ว่า ป๊อปปี้ไม่ใช่สาวสังคมที่แสนร่ำรวย เขาได้รู้จักกับหญิงสาวที่อาจจะไร้เดียงสาไปบ้าง (ในการมองผู้คน) แต่ก็เป็นคนดีเหลือเกิน ในขณะที่ป๊อปปี้ก็ได้พบว่า ตำรวจสุดเก๊ก แท้จริงแล้วก็เป็นคนที่มีด้านละเอียดอ่อน และใจดีอย่างยิ่ง

ถ้าแม็กซ์จะให้คำจำกัดความของหนังสือเรื่องนี้ เราคงบอกว่า มันเป็นหนังสือที่น่ารักค่ะ น่ารักมาก ๆ เราชอบคาแร็คเตอร์ไม่เฉพาะของทั้งพระเอกและนางเอก แต่รวมไปถึงเด็กวัยรุ่นสามคน ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกเป็นของตัวเองชัดเจน และพิสูจน์ว่า ซูซาน แอนเดอร์เซ่นเป็นนักเขียนที่เขียนตัวละครในวัยรุ่นได้ดีมาก ๆ (อย่างที่เธอเขียนถึงพีเจ และเจเร็ดในเรื่อง Hot and Bothered ก่อนที่จะกลายเป็นพระเอกนางเอกในเรื่อง Coming Undone) และทำให้แม็กซ์อยากอ่านเรื่องของคอรี่ และแดนนี่ จี. (ถ้าเธอจะเขียนนะคะ)

พระเอกของเรื่อง เจสเป็นตัวละครชนิดที่แม็กซ์เห็นก็ต้องกรี๊ด เขาเป็นตำรวจที่ทุ่มเทให้กับงาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีด้านที่อ่อนโยน ด้วยภูมิหลังที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีประวัติอาชญากรรม เจสมักคิดว่า เขาไม่อาจจะมีชีวิตเหมือนคนอื่นได้ซึ่งนั่นหมายถึง เขาไม่อาจมีความรักได้ นั่นเป็นประเด็นที่ออกแนวย้อนยุคไปสักหน่อยสำหรับแม็กซ์นะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เรื่องขาดความสนุก

ส่วนป๊อปปี้ซึ่งตามปกติ บุคลิคแนวสาวน้อยพอลลี่แอนนาจะไม่ใช่แนวนางเอกที่เราชอบอ่าน แต่เราคิดว่าในเรื่องนี้คนแต่งวางคาแร็คเตอร์ของเธอได้พอดิบพอดี เราไม่รู้สึกว่าเธอไร้เดียงสาจนผิดยุคสมัย เพียงแต่เธอเป็นคนที่เลือกจะมองด้านดีของมนุษย์ และการเติบโตในครอบครัวฮิปปี้ก็ทำให้เธอมีอิสระที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เธอเลือก และนั่นทำให้เธอเป็นด้านที่ตรงข้ามกับเจสอย่างน่าสนใจ

แต่แม้จะยืนอยู่กันคนละด้านของความเชื่อ เมื่อทั้งเจสและป๊อปปี้เผชิญหน้ากัน ประกายไฟก็ลุกโชน ไม่ใช่ว่าจะมีฉากฮ็อตอะไรมากมายนะคะ แต่ปฏิกริยาระหว่างพระนางทำให้เรื่องนี้สนุกมาก

ด้วยความที่แม็กซ์เป็นคนชอบงานเขียนของซูซาน แอนเดอร์เซ่น หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ใช่เล่มที่เราชอบมากที่สุด แต่คนที่ชอบงานของเธอไม่น่าผิดหวังนะคะ เพราะแม็กซ์เองก็ไม่ผิดหวังเลย

คะแนนที่ 83



View all my reviews

No comments: