Sunday, October 6, 2013

Review: The Duke's Perfect Wife


The Duke's Perfect Wife
The Duke's Perfect Wife by Jennifer Ashley

My rating: 5 of 5 stars



สำหรับคนที่ติดตามอ่านบลอกของเรามา หรือเคยพูดคุยกับเรามาบ้างก็น่าจะพอรู้ถึงความคลั่งไคล้ที่เรามีให้กับหนังสือชุดแม็คเคนซีของเจนนิเฟอร์ แอชลีย์ (ซึ่งไม่ใช่ว่า เราไม่ชอบชุดแม็คเคนซีของลินดา โฮเวิร์ดหรอกนะคะ) โดยเฉพาะเล่มแรกในชุด The Madness of Lord Ian MacKenzie ที่เราชอบมากที่สุดเรื่องนึง (ในชีวิตที่อ่านหนังสือมา) นอกจากนี้หนังสือทั้งสามเล่มที่ออกขายไปแล้วในชุดนี้ ก็ล้วนอยู่ในระดับสนุกมากทุกเล่ม เรียกว่าในความเป็นของเราแล้ว หนังสือชุดนี้ถือเป็นหนังสือชุดที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ สำหรับคนอ่าน เพราะไม่มีเล่มไหนเลยที่ทำให้ผิดหวัง

ด้วยความพอใจที่เปี่ยมล้นมาจากสามเล่มแรก ประกอบกับเล่มนี้จะเป็นเรื่องของฮาร์ต พี่ชายคนโต ซึ่งเป็นคาแร็คเตอร์ที่มีบทบาทโดดเด่นในชุดมาตลอด (โดยเฉพาะในเล่มแรกของชุด) ความคาดหวัง ความอยากอ่าน จึงมีอยู่อย่างเต็มที่ ซึ่งเข้าสองสิ่งนี้แหละ คือตัวการที่ทำให้หนังสือไม่สนุกสำหรับเรา ทำให้ตอนที่ได้หนังสือเล่มนี้มาอยู่ในมือ แม็กซ์เริ่มกลัวความผิดหวัง

และนี่ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่ต่อสู้กับความคาดหวังได้เป็นอย่างดี สำหรับเราแล้ว นี่อาจจะเป็นหนังสือที่สนุกที่เราได้อ่านมาในปีนี้ (ในแนวโรแมนซ์) ซึ่งถือเป็นคำพูดที่กล้ามาก เพราะนี่ก็เพิ่งย่างเข้าเดือนเมษายนเท่านั้นเอง



The Duke's Perfect Wife ของเจนนิเฟอร์ แอชลีย์

เรื่องนี้เป็นเล่มที่สี่ในชุดพี่น้องตระกูลแม็คเคนซี (ซึ่งต่อไปก็จะไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ เพราะเล่มต่อไปจะเป็นเรื่องของญาติทางการแต่งงานกะตระกูลนี้แล้ว) ซึ่งถือว่า เป็นเล่มจบในเรื่องราวของสี่พี่น้องหนุ่มตระกูลแม็คเคนซี และเล่มนี้เป็นเรื่องราวของฮาร์ต พี่ชายคนโต ผู้ดำรงบรรดาศักดิ์ ดยุคแห่งคิลมอร์แกน และถือเป็นหัวหน้าตระกูลแม็คเคนซีผู้อื้อฉาว

ฮาร์ต แม็คเคนซี ดยุคแห่งคิลมอร์แกน และชายผู้ได้รับการคาดหมายว่า กำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศอังกฤษ เขาใช้ชีวิตท่ามกลางแสงไฟ ล้อมรอบไปด้วยผู้สื่อข่าว และคนทั่วไปที่ต้องการรู้เรื่องราวของเขา แต่ไม่มีใครรู้จักเขาดีเกินกว่าเลดี้เอลินอร์ แรมเซย์ และนั่นก็รวมถึงคนในครอบครัวของเขาด้วย

เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ฮาร์ต และเอลินอร์คือคู่หมั้นคู่หมายที่สมบูรณ์แบบ ลอร์ดฮาร์ต ทายาทของดยุค นักการเมืองผู้มีอนาคตไกล และเลดี้เอลินอร์ ผู้แม้จะเป็นลูกสาวของเอิร์ลที่ไม่ร่ำรวย แต่เธอก็มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นดัชเชสผู้อยูเคียงข้างดยุคในอนาคต แต่การแต่งงานของทั้งคู่ไม่เกิดขึ้น ด้วยเหตุผลบางอย่างเอลินอร์เดินออกจากชีวิตของฮาร์ต และไม่เคยเหลียวหลังกลับมามองอีกเลย

จนกระทั่งเมื่อเธอได้รับจดหมายประหลาดฉบับนึง ภายในบรรจุรูปถ่ายของฮาร์ต รูปถ่ายที่อาจจะทำลายโอกาสทางการเมืองของเขา โดยเฉพาะในยามสำคัญเช่นนี้ พรรคการเมืองของฮาร์ตกำลังจะบีบให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันยุคสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนั่นจะเป็นเปิดโอกาสให้ฮาร์ตเข้ามายึดครองเสียงข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เอลินอร์ออกเดินทางจากบ้านเกิดในสก๊อตแลนด์มาพบกับเขา เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงภาพถ่ายที่เธอได้รับ แต่เนื่องจากจดหมายฉบับนั้นไม่ได้ข่มขู่เรียกร้องอะไรเลย เพียงแต่ส่งมาให้เอลินอร์เท่านั้น หญิงสาวจึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เอลินอร์อาสาเป็นคนสืบหาตัวการที่อยู่เบื้องหลัง คนที่ส่งรูปภาพมาให้กับเธอ และในเมื่อเธอต้องอยู่ที่ลอนดอนเพื่องานนี้อยู่แล้ว เธอก็อยากให้ฮาร์ตจ้างเธอทำงานเป็นเลขาจัดการเรื่องเอกสารให้กับเขาไปด้วยพร้อมกันเลย เพราะฐานะทางครอบครัวของเอลินอร์ไม่ค่อยดีนัก การได้งานเสริม มีรายได้พิเศษก็ช่วยได้เยอะ

การมาถึงของเอลินอร์ทำให้แผนการของฮาร์ตพลิกผัน เพราะฮาร์ตได้มีแผนการสำหรับเธอเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา เขาจะล้มล้างรัฐบาล ชนะการเลือกตั้ง ก้าวเป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อนั้นเขาจะปรากฎตัวต่อหน้าเลดี้เอลินอร์ แรมเซย์อย่างผู้ชนะ และขอให้เธอเป็นภรรยาของเขา แต่เอลินอร์กลับมาที่ลอนดอนก่อนที่เขาจะพร้อม กระนั้นฮาร์ตก็ยังเห็นโอกาสที่จะใช้ เขาทำให้เธอต้องอยู่ใกล้ ๆ ตัว ด้วยการขอให้เธอและบิดาพักที่บ้านของเขาในลอนดอน ยินยอมจ้างเธอทำงานเป็นเลขา ทั้งที่ตัวเองก็มีเลขาที่เก่งกาจอยู่แล้ว เพียงเพื่อให้เธอทำอะไรสักอย่าง ที่จะไม่ต้องมารบกวนจิตใจของเขามากเกินไป เพราะในเวลาเช่นนี้ ฮาร์ตต้องมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะในเรื่องการเมืองก่อน

แต่ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่คิด การได้พบกับเอลินอร์อีกครั้ง ความจริงก็คือ เธอไม่เคยเลือนหายไปจากใจของเขาเลย เอลินอร์คือคนคนเดียวที่รู้จักเขาเป็นอย่างดี ดีเกินไปด้วยซ้ำ ดีจนเธอเลือกที่จะเดินออกจากชีวิตของเขา ฮาร์ตไม่อาจปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเช่นนั้นกับเธอได้อีก

ก่อนอื่นเราคงต้องบอกว่า อาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่เคยอ่านเรื่องในชุดนี้มาก่อนเลย เพราะข้อเท็จจริงหลายอย่างในเล่มนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเล่มก่อนหน้า (โดยเฉพาะเล่มแรกในชุด) นอกจากนี้แล้ว การสร้างให้ฮาร์ต และเอลินอร์รู้จักกัน และผูกพันกันมาก่อน ทำให้เล่มนี้แทบจะไม่ได้พัฒนาในเรื่องการก่อเกิดของความรัก เพราะมันเห็นได้ชัดว่า ทั้งคู่รู้สึกอย่างไรต่อกันและกัน แต่ประเด็นกลายเป็นการค้นหาว่า อะไรที่ทำให้ชายและหญิงทั้งสองที่เหมาะสมกันมากขนาดนี้ เลือกที่จะแยกจากกัน

ซึ่งเราก็คงต้องบอกว่า พอเข้าใจนะคะว่า อะไรที่ทำให้เอลินอร์เลือกที่จะถอนหมั้นจากฮาร์ต แต่สิ่งที่เราไม่เข้าใจ จนกระทั่งจบเรื่องไปแล้ว ก็คือ อะไรทำให้ฮาร์ตรอคอยนานขนาดนี้ ทำไมเขาจึงไม่กลับไปหาเอลินอร์ ในเมื่อก็เห็นได้ชัดเจนว่า เขารักเธอมากขนาดไหน จุดนี้ถือเป็นประเด็นเดียวในเรื่องค่ะที่เราไม่ชอบ

ภายใต้บารมี และรัศมีความยิ่งใหญ่ของฮาร์ต เราว่าค่อนข้างยากนะคะ ที่จะสร้างคาแร็คเตอร์นางเอกที่คู่ควรกับเขา แต่อย่างชื่อเรื่องค่ะ เอลินอร์เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบสำหรับฮาร์ต เธอทำให้เราเชื่อว่า สามารถยืดหยัดเคียงคู่เขาได้ และไม่โดนความยิ่งใหญ่ของเขากลบจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง เอลินอร์ถือเป็นคาแร็คเตอร์ผู้หญิงที่โดดเด่นมากอีกคนนึงของเจนนิเฟอร์ แอชลีย์ (ซึ่งเราสังเกตว่า ในสองเล่มหลังในชุด เจนนิเฟอร์สร้างคาแร็คเตอร์นางเอกได้ดีมาก ๆ) เรายอมรับ และชอบนางเอกคนนี้มาก

และเราคิดว่า เธอคือเหตุผลที่ทำให้หนังสือเล่มนี้เวิร์ค และสนุกมากยิ่งขึ้น เพราะฮาร์ตก็คือ ฮาร์ต โดยตัวตนของเขาค่อนข้างขโมยซีนคนอื่นมากพออยู่แล้ว ถ้านางเอกราบเรียบ เรื่องนี้คงจะไม่น่าสนใจเท่าไหร

เรื่องนี้เป็นหนังสือไม่กี่เล่มที่แม็กซ์ละเลียดอ่าน (ซึ่งแปลว่า ค่อย ๆ อ่าน ทุกคำ ทุกตัวอักษร) ครั้งสุดท้ายที่เราอ่านหนังสือด้วยวิธีนี้ ก็ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสิบสองปีก่อน กับเรื่อง Devilish ของโจ เบฟเวอรี และเรารักทุกวินาทีที่อ่านเล่มนี้

ว่าไปแล้ว เรื่องนี้แทบจะไม่มีพล็อตเรื่องเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะคะ เป็นหนึ่งในเรื่องที่ยืนหยัดด้วยความเข้มแข็งของคาแร็คเตอร์เพียงอย่างเดียว เรื่องราวถูกเล่าเหมือนกับการบอกเล่าชีวิตประจำวันของฮาร์ต ที่เอลินอร์เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าเป็นหนังสือเรื่องอื่น (ที่คาแร็คเตอร์ไม่โดดเด่นเท่านี้) แม็กซ์คงบอกว่า เซ็งเหลือเกิน แต่จุดนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเราเลยค่ะ เพราะอ่านปฏิสัมพันธ์ระหว่างคาแร็คเตอร์ในเรื่องก็สนุกมากเกินพอแล้ว

สำหรับแฟนหนังสือในชุดนี้ ก็คงต้องแจ้งเลยว่า โผล่หน้ากันมีบทกันครบถ้วน โดยเฉพาะเอียน ที่มาทีไร ก็ขโมยซีนตลอด ขนาดว่าโดยคาแร็คเตอร์แล้ว ฮาร์ตไม่ได้เป็นรองเลยนะคะ แต่ก็เอาเอียนไม่อยู่ และสิ่งที่เราชอบมากในเล่มนี้ (แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่า คนอื่นจะคิดยังไงนะคะ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยถูกใจกะคาแร็คเตอร์ของเอียน) ก็คือ การได้เห็นฮาร์ต และเอียนอยู่ด้วยกัน เล่มนี้เป็นการขยายความต่อเนื่องความสัมพันธ์ของเอียน ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็ก และฮาร์ต พี่ชายคนโต หลายประเด็นที่ถูกยกขึ้นมาพูดในเล่มของเอียน ก็ถูกนำมาขยายความต่อเนื่องในเล่มนี้ เพราะคนอ่านจะได้เข้าไปเห็นความคิดของฮาร์ตที่มีต่อน้องชายคนนี้ของเขา และตระหนักว่า เขารักเอียนมากแค่ไหน

ในส่วนของโรแมนซ์ อย่างที่บอกไปค่ะ แทบจะไม่มีคำถามนะคะว่า ฮาร์ตรู้สึกอย่างไรกับเอลินอร์ หรือเธอคิดอย่างไรกับเขา แม้ว่าทั้งคู่พยายามบอกตัวเอง (และคนอ่าน) ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าที่เห็น แต่การแสดงออกทั้งคู่ก็ไม่ใช่เช่นนั้น นั่นจึงนำมาสู่จุดที่เราคิดว่าอ่อนที่สุดในเล่ม นั่นคือ ทำไมฮาร์ตจึงปล่อยให้เอลินอร์เดินจากไป (การจากไปของเธอในครั้งแรก เราพอเข้าใจนะคะ แต่เขาปล่อยเวลาทิ้งท้ายไว้นานเกินไป โดยเฉพาะคนอ่านได้เห็นว่าเมื่อทั้งคู่มีความรู้สึกต่อกันรุนแรงแค่ไหน ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร คือถ้ารัก และต้องการกันขนาดนี้ ทำไมทิ้งเวลาไว้นานจังกว่าจะกลับมาคืนดีอีกครั้ง

แต่ตรงประเด็นนี้ ก็ดูเหมือนว่า คนแต่งพยายามอธิบายไว้เช่นกัน (สปอยล์) โดยผ่านทางเอียน เมื่อความจริงเปิดเผยออกมาว่า เขาคือคนที่จัดการทุกอย่างเพื่อให้เอลินอร์กลับเข้ามาในชีวิตของฮาร์ต เหตุผลที่เขาไม่ทำเร็วกว่านี้ เพราะฮาร์ตไม่พร้อม แต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว

อีกจุดนึงก็คงจะเป็นเรื่องความทะเยอะทะยานของฮาร์ต (สปอยล์) ซึ่งเรารู้สึกว่า มันเลิกล้มง่ายเกินไปหน่อยมั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้เสียหายอะไรรุนแรงกะเราค่ะ

และเราก็ต้องพูดถึงประเด็นในเรื่องรสนิยมทางเพศของฮาร์ต สำหรับคนที่อ่าน The Madness of Lord Ian MacKenzie คงจะต้องสงสัยในเรื่องนี้แน่ ๆ มันไม่ได้สุดขอบอย่างที่เป็นไปได้ แต่เราว่า เขียนได้ลงตัว และนุ่มนวลดีค่ะ และเมื่อพูดถึงฉากแบบนี้แล้ว แม็กซ์ขออนุญาตบอก (ไม่แน่ใจว่าใครจะอยากฟังกันไหม) เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการเขียน sexual tension ที่ดีที่สุดในหนังสือโรแมนซ์ การเขียนที่ไม่ต้องใช้ศัพท์บรรยายตรง ๆ หรือบรรยายฉากรับพิศดาร ทุกอย่างอยู่ที่ความรู้สึก และเล่มนี้ดีกรีก็ฮ็อตในแง่ของการสร้างความเย้ายวนให้กับคนอ่านยิ่งนัก

โดยรวมนี่เป็นหนังสือที่เรามีความสุขในการอ่านมาก เป็นหนังสือที่ไม่อยากให้จบเรื่องเลย ทุก ๆ หน้า ทุก ๆ ตัวอักษร ดึงเราเข้าไปในโลกของหนังสือ เข้าไปรู้จัก อยู่ในสมองของตัวละครที่น่าสนใจยิ่งนัก และที่สำคัญคาแร็คเตอร์ที่เราแคร์มาก ๆ กับความสุขทุกข์ของพวกเขา

คะแนนที่ 93



View all my reviews

No comments: