Sunday, October 6, 2013

Review: The Many Sins of Lord Cameron


The Many Sins of Lord Cameron
The Many Sins of Lord Cameron by Jennifer Ashley

My rating: 4 of 5 stars



เรื่องนี้เป็นเล่มสามในชุดพี่น้องตระกูลแม็คเคนซี (หรือที่เคยเรียกชื่อชุดว่า Highland Pleasures) ซึ่งเราคงต้องบอกว่า ชุดนี้แข็งปั๊กค่ะ สนุกทั้งสามเล่ม แล้วไม่ใช่สนุกธรรมดานะคะ สนุกมากทุกเล่ม โดยเฉพาะเล่มแรก The Madness of Lord Ian MacKenzie ที่เรายกให้เป็นหนึ่งในหนังสือในดวงใจ (อาจจะตลอดกาลเลยก็ได้) ที่เราอดรนทนไม่ได้ต้องหยิบมาอ่านเป็นรอบที่เท่าไหรก็จำไม่ได้แล้วล่ะ แล้วก็ยังสนุกเหมือนเดิม

หนังสือเล่มนี้จึงอาภัพในแง่ที่ว่า เราเอาเปรียบเทียบกับลอร์ดเอียนอย่างช่วยไม่ได้ และสำหรับเรา มันยากนะคะที่จะมีเล่มไหนสนุกไปกว่าเล่มนั้น แต่ก็ถือว่า เล่มนี้สนุกไม่น้อยเลยค่ะ

ลอร์ดคาเมรอน แม็คเคนซี หนุ่มเสเพลและมีความสุขไปกับการเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ในขณะที่กำลังโอ้โลมคู่รักคนล่าสุด ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังอยู่ในห้อง และเมื่อเดินสำรวจก็ต้องพบกับความแปลกใจ เพราะเอนสลีย์ ดักกลาส หญิงหม้ายผู้เป็นนางสนองพระโอษฐ์ของราชินีวิคทอเรีย หญิงสาวผู้มีชื่อเสียงเรื่องความเพียบพร้อมเหมาะสมซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่าน แต่แทนที่เขาจะเปิดโปงตัวตนของเธอให้ได้รับความอับอาย คาเมรอนกลับช่วยเธอปกปิด แถมยังอาสาช่วยเหลือในภารกิจของเธอ

นี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ เมื่อหกปีก่อน เอนสลีย์ซึ่งถูกขอร้องโดยให้หาสร้อยล้ำค่าในห้องนอนของคาเมรอนก็ถูกเขาค้นพบเช่นกัน เธอซึ่งตอนนั้นยังแต่งงานอยู่เกือบเผลอใจให้กับชายหนุ่มทรงเสน่ห์คนนี้ แต่สติก็กลับมาทัน กระนั้นเอนสลีย์ก็ไม่เคยลืมคาเมรอนเลย

เมื่อมีโอกาสได้มาร่วมภารกิจเดียวกัน เอนสลีย์และคาเมรอนก็ยิ่งผูกพันกันมากขึ้น ในภารกิจนี้ เอนสลีย์ได้รับมอบจากราชินีวิคทอเรียในการค้นหาจดหมายที่ถูกใจแบล็คเมลล์ราชินี จดหมายบอกรักชายผู้ไม่ใช่สามีจากหญิงหม้ายที่โดดเดี่ยว (สำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์เป็นจดหมายที่วิคทอเรียเขียนถึงมิสเตอร์บราวน์) จดหมายที่ถูกขโมยมาและเรียกร้องเงินจากราชินี เอนสลีย์ได้รับภาระให้ตามหาจดหมายดังกล่าว

แต่เมื่อได้จดหมายคืนมาแล้ว แทนที่ทั้งสองจะแยกจาก และกลับไปสู่ชีวิตของแต่ละคน คาเมรอนพบว่า ตัวเองไม่อาจปล่อยให้เอนสลีย์เดินจากไปได้ ทว่าเขาซึ่งมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากชีวิตคู่ เขาไม่ต้องการแ่ต่งงานใหม่ ทางเดียวที่มีก็คือ เอ่ยปากชวนให้เอนสลีย์เดินทางไปยุโรปด้วยกัน และใช้ชีวิตฉันท์ชู้รัก ข้อเสนอที่เอนสลีย์ไม่ควรกระทั่งจะนำไปคิด เธอคือหญิงหม้ายผู้น่านับถือ แต่บางอย่างในตัวคาเมรอนทำให้เธอไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธได้

ช่วงต้นเรื่องค่อนข้างช้าไปหน่อยสำหรับเราค่ะ ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะคะ แต่ความคาดหวังที่เรามีกับเล่มนี้ค่อนข้างสูงต่างหาก เราเลยรู้สึกว่าช่วงต้นไม่ถึงกับจับใจเท่าไหรนัก แต่เรื่องก็เข้มข้นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ จนไปถึงท้ายเล่มก็ถือว่า เป็นหนังสือที่สนุกมาก ๆ เล่มหนึ่งเลยล่ะ

จุดเด่นของเรื่องนี้นอกจากคาแร็คเตอร์ของชายในตระกูลแม็คเคนซีที่โดดเด่นแล้ว ก็ยังมีเอนสลีย์ ที่เราคงต้องบอกว่า เป็นคาแร็คเตอร์ฝ่ายหญิงในเรื่องชุดนี้ที่เจนนิเฟอร์ แอชลีย์เขียนออกมาได้ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เอนสลีย์ไม่ใช่เด็กสาวที่ทำอะไรตามอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ได้ให้เหตุผลมาเป็นตัวกำหนดทุกการกระทำของเธอ เราชอบนางเอกคนนี้มาก ๆ ค่ะ เราชอบที่เธอกล้าเดินตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยอมรับอะไรง่าย ๆ เธอต่อสู้เพื่อความรักของคาเมรอน และนั่นทำให้เธอได้ใจเราไปเต็ม ๆ เลยค่ะ

ส่วนคาเมรอน ซึ่งบอกตามตรงว่า เป็นพี่น้องในตระกูลแม็คเคนซีที่เราถือว่า ไม่น่าสนใจที่สุด เพราะเขาดูธรรมดาไม่มีอะไรแตกต่าง ก็แค่ชายเสเพลที่บ้าม้า ผู้หญิง และเหล้า ในเล่มนี้เราได้เห็นเขาในด้านที่ลึกขึ้น ส่วนที่เราชอบก็คือ คนแต่งเขียนคาแร็คเตอร์ของเขาให้คนอ่าน (เรา) เห็นในส่วนที่ลึกนั้น โดยที่ไม่ได้ทำลายตัวตนที่สร้างขึ้นมาในเล่มก่อนเลย ซึ่งจุดนี้เราว่า ยากนะคะ เพราะว่า หลายครั้งคนแต่งเปลี่ยนแปลงคาแร็คเตอร์ให้ดีขึ้น จากตัวตนที่เขาเคยเป็น ซึ่งเราพบว่า มันไม่น่าเชื่อ
เช่นเดียวกับเล่มสองนะคะ ที่ทุกฉากที่ลอร์ดเอียนโผล่เข้ามา หรือถูกกล่าวถึง หัวใจเราเบ่งบานพองโต รู้สึกร่วมไปกับเนื้อเรื่องอย่างมาก

อย่างที่บอกไปนะคะ หนังสือชุดนี้ทั้งชุดถือว่า น่าอ่านมาก และเป็นชุดที่ผ่านมาแล้วสามเล่ม เราคงต้องบอกว่า สนุกทุกเล่ม ไม่มีเล่มไหนผิดหวังเลย

และขอบอกว่า ใครอ่านฉากระหว่างฮาร์ต (พี่ชายคนโต และพระเอกในเล่มสี่) กับเอลินอร์อดีตคู่หมั้นของเขา (ซึ่งจะเป็นนางเอกในเล่มสี่) แล้วไม่เกิดอาการดี้ด้าอยากอ่านเล่มสี่ ก็ถือว่า ใจแข็งมากแล้วล่ะค่ะ เรายอมรับนะคะว่า มันแตกต่างจากที่เราคิดว่า โทนเรื่องของเล่มหน้าจะเป็น แต่นั่นเป็นความแตกต่างที่เราอยากอ่านมาก ๆ ค่ะ ตอนนี้หายใจเข้าออกเป็น The Duke's Perfect Wife ที่จะออกขายเดือนเมษายนปีหน้าอย่างมากแล้วค่ะ ถือว่าเล่มนั้นเป็นไฮไลท์ที่อยากอ่านของปี 2012 เลยล่ะ

เล่มนี้คะแนนที่ 83



View all my reviews

No comments: