Sunday, October 6, 2013

Review: The Madness of Lord Ian Mackenzie


The Madness of Lord Ian Mackenzie
The Madness of Lord Ian Mackenzie by Jennifer Ashley

My rating: 5 of 5 stars



หลายคนคงจะรู้นะคะว่า แม็กซ์ตื่นเต้น และอยากอ่านหนังสือเรื่อง The Madness of Lord Ian MacKenzie มากแค่ไหน นับตั้งแต่เมื่อปีก่อนที่เราเห็นแค่ชื่อเรื่องในเว็บไซด์ของเจนนิเฟอร์ แอชลีย์ผู้แต่ง ชื่อเรื่องที่ได้ความสนใจทั้งหมดของเรา และเมื่อเรื่องย่อที่ปกหลังแพร่หลายออกมา แม็กซ์ก็ยิ่งตื่นเต้น แต่นั่นไม่เท่ากับรีวิวที่แม็กซ์ได้รับฟังจากเืพื่อนที่โชคดีพอที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์

นับจากนั้นทุกลมหายใจของแม็กซ์ก็ถวิลหาอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ยิ่งนัก

ตามกำหนดแล้วหนังสือเล่มนี้วางขายในอเมริกาวันที่ 28 เมษายน ซึ่งในวันที่แม็กซ์อยู่ในอเมริกาวันสุดท้าย หนังสือเล่มนี้ยังไม่ออกขาย ดังนั้นเมื่อเราเห็น ARC (Advance Reading Copy) ของหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในของรางวัลที่สนพ.ดอร์เชสเตอร์เอามาจับสลากแจกผู้เข้าร่วมงาน RT เราก็เกิดอาการน้ำลายหกอย่างยิ่ง เพราะแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่มันก็มีความหมายยิ่งนัก

ผลของการจับสลาก ผู้โชคดีเป็นคนอื่นค่ะ แต่รู้อะไรไหมคะ แม็กซ์คือคนที่หอบหนังสือเล่มนี้กลับมาเมืองไทย เพราะเราหน้าด้านพอที่จะเดินเข้าขอหนังสือเล่มนี้จากผู้โชคดี

แม็กซ์ทำอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้นทุกคนคงจะเข้าใจความคาดหวังที่แม็กซ์มีต่อหนังสือเล่มนี้อย่างท่วมท้นนะคะ และนั่นคือแรงกดดันที่มักทำให้เราสรุปว่าหนังสือเรื่องนั้นไม่สนุก เพราะมันไม่อาจเทียบเคียงกับความคาดหวังที่สูงปรี๊ดได้

แต่หนังสือเล่มนี้สอบผ่าน ยิ่งกว่าสอบผ่านเสียงอีก

The Madness of Lord Ian MacKenzie

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกในชุดพี่น้องตระกูลแม็คเคนซี่ ผู้ซึ่งอื้อฉาวขนาดที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเข้าไปพัวพันกับพวกเขา เธอก็จะสูญเสียชื่อเสียงและกลายเป็นผู้ไม่ปรารถนาในวงสังคม แต่กระนั้นทั้งสี่พี่น้องตระกูลแม็คเคนซี่ก็เป็นชายหนุ่มโสดผู้เป็นที่สนใจ และทรงอำนาจที่สุดในสังคมยุควิคทอเรียนตอนปลาย

ลอร์ดเีอียน แม็คเคนซี่เป็นน้องชายคนเล็ก และอาจจะเป็นคนที่อื้อฉาวที่สุดในครอบครัว เพราะเขาคือลูกชายคนที่บิดาจับประกาศให้เป็นบุคคลผู้วิกลจริต และจับส่งไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าเป็นเวลาหลายปี เอียนกลายเป็นอิสระเมื่อบิดาเสียชีวิตลง และฮาร์ตพี่ชายคนโตที่สืบทอดต่อบรรดาศักดิ์ดยุคแห่งคิลมอร์แกนได้ยกเลิกการประกาศนั้น และพาตัวเอียนออกจากโรงพยาบาลบ้า

แต่กระนั้นฮาร์ตก็ไม่อาจทำให้เสียงซุบซิบนินทา หรืออาการของเอียนดีขึ้นมาได้

เอียนผู้ป่วยเป็นโรคที่ยุคปัจจุบันเรารู้จักกันในนามอาการแอสเพอร์เจอร์ (ซึ่งเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มอาการคล้ายคลึงกับโรคออทิสติค แต่อาการจะสามารถสื่อสารทางสังคมได้มากกว่า) มีความหลงใหลอยู่เพียงหนึ่งเดียว และนั่นก็คือชามยุคหมิง (ของจีน) สำหรับชายผู้ซึ่งมีสมองที่ไม่เคยลืมอะไร ความเก่งกาจทางด้านคณิตศาสตร์ที่ทำให้เขากลายเ็ป็นผู้ดูแลการลงทุนด้านการเงินของครอบครัว และผู้ช่วยคนสำคัญของพี่ชายผู้เป็นนักการเมือง เอียนคลั่งไคล้ชามยุคหมิงอย่างที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้

แต่ในระหว่างการเจรจาซื้อชามจากนักสะสมที่ตามความคิดของเอียนแล้วไม่คู่ควรกับวัตถุมีค่าอันบอบบางชนิดนี้เลยสักนิดเดียว เอียนก็ได้รับคำชวนให้ไปชมละครโอเปร่ากับชายคนนั้นและคู่หมั้น

และสำหรับเอียน เพียงแว่บแรกที่เขาได้เห็นเบ็ธ เอ็คเคอรี่ย์ เขาก็รู้ว่าเธอมีค่าคู่ควรกับชามยุคหมิง หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ และเธอมีค่ามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับคู่หมั้นของเธอ เอียนเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับชีวิตด้านมืดของคู่หมั้น เป็นเหตุให้เบ็ธประกาศถอนหมั้น และเขายังเสนอตัวขอเธอแต่งงานตั้งแต่ครั้งแรกทีไ่ด้พบกัน เพราะเอียนรู้ว่าเขาปรารถนาเธอในทางร่างกาย แต่ก็รู้ว่าเบ็ธเป็นผู้หญิงชนิดที่ต้องแต่งงานด้วย เขาไม่อาจได้ตัวเธอเป็นนางบำเรอชั่วเวลาได้

ความรักไม่เคยเข้ามาอยู่ในการสนทนา เพราะเอียนได้บอกกับเบ็ธตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกันแล้วว่า เขาไม่สามารถที่จะรักได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักเธอ แต่ความสามารถในการรักมันอยู่เหนือสิ่งที่เขาจะทำได้ เอียนรู้ดีถึงข้อบกพร่องของตัวเอง และการที่ไม่อาจจะรักได้เป็นหนึ่งในนั้น ความรักเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมากเกินไป ความรู้สึกที่เอียนไม่อาจเข้าใจ หรือรู้สึกได้ สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ เขาต้องการเบ็ธ ดังนั้นเมื่อเธอหนีเขาไปไกลถึงปารีส เอียนจึงไ่ม่ลังเลที่จะตามเธอไปถึงที่นั่น

หลายคนคงจะรู้ว่า แม็กซ์ชอบพระเอกที่ไม่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก และใครล่ะจะบกพร่องได้เท่ากับเอียน แม็คเคนซี่ ผู้ชายที่เกิดมาพร้อมกับอาการป่วยที่ไม่มีใครเข้าใจ ทำให้เขาแปลกแยกออกจากทุกคน ความไม่เข้าใจทำให้เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลบ้า อาการป่วยที่ทำให้เขาเชื่อว่าตัวเองไม่คู่ควร แต่กระนั้นเอียนก็ยังรู้ว่า เขาต้องการเบ็ธ และเธอเป็นคนที่เขาจำเป็นต้องมีอยู่ในชีวิต

แม็กซ์บอกไม่ถูกนะคะว่า เราถูกสะกดให้อยู่ภายใต้ความโดดเด่นของคาแร็คเตอร์ของเอียนมากแค่ไหน ตั้งแต่วินาทีแรกที่คนแต่งเขียนให้เราเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของเขา โลกของเอียนมันแตกต่างอย่างชัดเจนจากตัวละครอื่น ๆ ที่แม็กซ์เคยอ่าน และมันเป็นโลกที่เราตื่นเต้น และชื่นชอบยิ่งนัก เอียนไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา และความคิดของเขาก็สื่อออกมาเช่นนั้น หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ใช้วิธีการบอกเ่ล่าให้คนอ่านรู้ถึงความแตกต่างของเอียน แต่เป็นการถ่ายทอดจนทำให้เราเชื่อว่า เขาแตกต่าง แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เอียนคือตัวประหลาด

เอียนผู้ซึ่งไม่อาจพูดโกหกได้ ไม่เข้าใจเมื่อนักสะสมบอกกับเขาว่า ตัวเองต้องขายชามยุคหมิงเพื่อเอาเงินไปซื้อข้าวของให้กับผู้เป็นคู่หมั้น เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมนักสะสมผู้นั้นจึงไม่มอบชามยุคหมิงซึ่งเลอค่ากว่าให้กับเธอเ็ป็นของขวัญวันแต่งงาน เขาไม่เข้าใจว่า เสื้อผ้าและเครื่องประดับจะมีคุณค่ายิ่งไปว่าชามอันเลอค่าของเขาได้อย่างไหร

และเมื่อเอียนแต่งงานกับเบ็ธ เขาก็มอบชามใบที่ล้ำค่าที่สุดของเขาให้เธอ และเบ็ธก็เป็นนางเอกที่คู่ควรกับเอียนเมื่อเธอพูดว่า "... It's a hundred better" ชามของเขามีค่ายิ่งกว่าของมีค่าอื่นที่เขาจะมอบให้เธอได้ นั่นเพราะ "It's special to you, and you gave it to me." และ "It's the best gift in the world"

การเ่ล่าเรื่องผ่านมุมมองของเอียนเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเล่มนี้ แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่า เบ็ธมีข้อเสียหาย หลายคนอาจจะมองว่า ดูไร้เดียงสาและมีคาแร็คเตอร์ที่อ่อนพอสมควร แต่สำหรับแม็กซ์ นั่นเป็นสิ่งที่ลงตัว และเป็นส่วนที่ทำให้เธอเหมาะสมกับเอียนมากที่สุด เธอเข้าใจเขาโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด และนั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่เอียนจะสื่อสิ่งที่เขาต้องการบอกเธอออกมาได้ทุกครั้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างเอียนและพี่ชายทั้งสามของเขาก็เป็นประเด็นที่น่าอ่าน เอียนผู้ซึ่งบอกเสมอว่า เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น ว่าถ้าหากต้องการให้เขาทำอะไร ก็ขอให้บอก เพราะเขาไม่อาจอ่านอากัปกริยาภายนอกของคนอื่นได้ เขาไม่รู้ว่า คนคนนั้นกำลังโกรธ หรือเสียใจ แต่เอียนก็เป็นน้องชายที่ภักดีกับพี่ชายของเขา และคนอ่านก็รู้ว่า มันไม่ใช่เพราะหน้าที่ที่ทำให้เอียนเ็ป็นเช่นนั้น

และสำหรับชายที่บอกว่าเขาไม่มีความสามารถในเรื่องความรัก มันมีความรักมากมายที่อยู่รอบตัวเขา

แม็กซ์มีปัญหาเสมอในการเขียนรีวิวหนังสือที่เราชอบมาก ๆ และเราก็บอกเลยว่า ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เราชอบมากไปกว่าเล่มนี้ในช่วงเวลาห้าหกปีที่ผ่านมา แม็กซ์ไม่รู้ว่า ควรจะต้องพูดถึงส่วนไหนในเรื่องนี้ เพราะทุกหน้า หรือกระทั่งทุกบรรทัดเป็นตัวอักษรที่แม็กซ์อ่านด้วยความรู้สึกที่เรารักหนังสือเล่มนี้เหลือเกิน แม็กซ์รักทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นหนังสือเล่มนี้

หนังสือที่มีทุกอย่างที่แม็กซ์ต้องการในนิยายโรแมนซ์ พระเอกผู้ไม่สมบูรณ์แบบกับเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีจุดไหนในเรื่องที่แม็กซ์อ่านแล้วรู้สึกสะดุด หรืออยากให้คนแต่งเลือกทางอื่น ทุกอย่างมันประกอบกันขึ้นมาเป็นหนังสือที่ไร้ที่ติ

ถ้าแม็กซ์มีคะแนนมากกว่าร้อยคะแนนที่จะให้หนังสือเล่มนี้ เราก็คงจะให้นะคะ แต่ในเมื่อแม็กซ์มีคะแนนแค่นี้ นี่ก็คือคะแนนที่เล่มนี้ได้ 100 คะแนน



View all my reviews

No comments: