Tuesday, February 10, 2009

Atlantis Rising // Alyssa Day

ตำนานแอตแลนติสเป็นเรื่องราวที่แม็กซ์ชอบและสนใจหาข้อมูลเป็นอย่างมาก ทวีปที่มีเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าเหนือล้ำอารยธรรมใดในโลกในเวลาเดียวกัน แอตแลนติสเป็นตัวอย่างที่ใช้สอนมนุษย์ในเกรงกลัวในความโลภ เพราะแอตแลนติสถูกเล่าขานว่าจมลงสู่พื้นมหาสมุทราเพราะศีลธรรมของคนเสื่อมลง จนพระเจ้าลงโทษให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนทวีปอันยิ่งใหญ่แห่งนี้สูญหายไปตลอดกาล

ไม่มีใครรู้ว่าแอตแลนติสมีจริงหรือไม่ แต่ดินแดนในฝันที่พลาโตเขียนถึงเป็นเรื่องราวที่นักเขียนหลายคนเอามาถักทอ เป็นเรื่องราวมากมาย แม็กซ์ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมโรแมนซ์ถึงไม่เอาดินแดนแห่งนี้ไปเป็นเบื้องหลัง ในการแต่งเรื่องเท่าใดนัก ส่วนใหญ่มักจะให้เป็นเพียงการอ้างถึงในการบอกเล่าที่มาของตัวละครบางตัว (อย่างแอชในดาร์คฮันเตอร์ หรือเหล่าแวมไพร์ฮาเฮของลินเซย์ แซนด์

แต่แล้วปีนี้นักเขียนสองคนต่างกรรมต่างเวลาเขียนเรื่องราวของผู้คนที่อาศัย อยู่ในดินแดนแอตแลนติสออกมา นั่นก็คือ Touch of darkness ของแคทเธอลีน สแปงเกอร์ซึ่งแม็กซ์ยังไม่ได้อ่าน และการเล่มนี้ที่มีชื่อชุดว่า The Warrior of Poseidon: Atlantis Rising

หนังสืออีกชุดนึงที่เดินตามรอยเท้าสูตรหนังสือแนว Paranormal นั่นก็คือเปิดตัวตัวละครผู้ชายชนิดเห็นแล้วน้ำลายหก ทั้งเท่ห์ ลึกลับน่าค้นหา ในขณะเดียวกันก็มีอดีตอันแสนทรมาน ความต่างก็คือนักรบเหล่านี้ไม่ใช่แวมไพร์ แต่เป็นอีกเผ่าพันธุ์นึงที่อาศัยอยู่ในทวีปแอตแลนติสซึ่งแม้จะจมหายไปจากสาย ตาชาวโลกก็ยังคงดำรงอยู่ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพโพไซดอน แต่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาโลกให้สงบปลอดภัย

เหตุผลแรกที่แม็กซ์ไม่ประทับใจหนังสือชุดนี้นักก็คือ คนแต่งไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้คนในแอตแลนติสนี้เลย แม็กซ์รู้จากคำพูดว่าบรรดานักรบแห่งโพไซดอนเหล่านี้มีอายุยืนนาน แต่ไม่รู้แน่ชัดว่ามีความเป็นอมตะ หรือแค่ช่วงชีวิตยาวเท่านั้น ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวการล่มสลายของแอตแลนติสมากพอจะทำให้เข้าใจสังคมที่ ดำรงอยู่ต่อมา ไม่รู้กระทั่งว่านางเอกเมื่อร่วมชีวิตกะพระเอกแล้ว จะมีชีวิตยืนยาวเช่นเดียวกันหรือไม่

เข้าใจว่าอลิสา เดย์คงต้องการเก็บประเด็นดังกล่าวไว้ใช้ในเล่มต่อไปในชุด แต่การที่ไม่อธิบายอะไรเลย ทำให้แม็กซ์รู้สึกเหมือนโผล่เข้าไปดูหนังตอนกลางเรื่อง ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือเข้าใจเหตุผลอะไรเลย

และเหมือนสูตรหนังสือแนวพารานอมอล ชุดนี้ก็มีตัวละครชนิดที่เปิดตัวมาให้คนอ่านถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ ตัวละครที่ดูลึกลับ น่าสนใจ ที่คนแต่งไม่มีโครงการจะเขียนเรื่องราวของเขาเสียที ในดาร์คฮันเตอร์มีแอช ในฮันเตอร์มี มาลาไค ในบรีดมี โจนัส และในนักรบแห่งโพไซดอนมี อลาริค ผู้ทำหน้าที่เป็นพระผู้สื่อสารระหว่างเหล่านักรบกับเทพเจ้าโพไซดอน

เมื่อเปิดเรื่อง คอนลอนเจ้าชายแห่งแอตแลนติสถูกแวมไพร์ผู้ชั่วร้ายปล่อยตัวมา (ทำไมถึงปล่อยแม็กซ์อ่านจนจบเรื่องก็ไม่เก็ต) เมื่อซบซานมาถึงอาณาจักรใต้น้ำของตนก็พอว่าตรีศูล (เรียกชื่อถูกไหมเนี่ย) ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพโพไซดอนถูกขโมยไป เขาจึงรวมรวบเหล่านักรบประจำกายขึ้นมายังพื้นน้ำเพื่อตามหา ทำให้เขาพบกับไรลี่ย์ (ที่มีน้องสาวชื่อควินน์ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแต่งชอบตั้งชื่อผู้ชาย ให้ตัวละครผู้หญิง บางทีอ่านไปนึกว่ากำลังอ่านเรื่องเกย์อยู่นะเนี่ย) และพบว่ามนุษย์ผู้หญิงผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถในการส่งโทรจิต ซึ่งเป็นความสามารถที่สูญหายไปกว่าพันปีแล้ว (นี่ก็เป็นอีกจุดที่อานแล้วไม่เชื่อ ก็แหมอ่านพารานอมอลมาตั้งเยอะ แต่ละเรื่องนางเอกก็ส่งโทรจิตได้เยอะแยะ เลยไม่รู้ว่ามันจะพิเศษตรงไหน)

และการที่เธออ่านจิตใจของเขาได้ รวมทั้งสามารถรับรู้ความสึกของเขาได้ ทำให้ไรลี่ย์ต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนักรบเหล่านี้อย่างไม่อ่านเลี่ยงได้ เรื่องราวที่เหลือก็เป็นการตามหาตรีศูล (trident) ซึ่งทำให้พวกเขาได้พบกับควินน์ น้องสาวนางเอก หรือว่าที่นางเอกของอลาริค เปิดตัวออกมาให้คนอ่านเกิดความรู้อยากอ่านสักหน่อย (แล้วก็ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีโครงการจะเขียนเรื่องของควินน์กะอลาริค จะเขียนเรื่องของตัวอื่นก่อน --- รู้สึกคุ้นไหมเนี่ย มุขนี้ เหมือนนักเขียนคนไหนเอ่ย)

การปูเรื่องที่ไม่ละเอียดพอนำความงุนงงมาสู่แม็กซ์ ทำให้บั่นทอนความสนุกในการอ่านเรื่อง เพราะไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปยังไง แถมคนตายในเรื่องก็ฟื้นกันง่ายเสียจนไม่รู้สึกว่าต้องลุ้น ตายแล้วก็ทำให้ฟื้นได้ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของเทพโพไซดอน ง่ายไปหน่อยไหมเนี่ย

สรุปสรุป เล่มแรกของชุดนี้เป็นการเปิดตัวที่ไม่น่าประทับใจค่ะ เพราะการอธิบายความเป็นไปของโลกที่เรื่องราวเกิดขึ้นไม่ดีพอ ไม่มีความชัดเจน หรือบอกถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในเรื่อง แต่ (ตัวโตโตเลย)

แม็กซ์จะให้โอกาสอีกสักครั้งนะคะ เพราะชอบแนวคิดกับการเอาทวีปแอตแลนติสมาเล่น อีกอย่างอลิสัน เดย์ก็เพิ่งเขียนแนวพารานอมอลนี้เป็นเรื่องแรก (แม้จะเคยเขียนแนวอื่นในนามปากกาอื่นมาก่อน) ถือว่าเข้าหลักสามเล่มออกของแม็กซ์อยู่ แต่ถ้า Atlantis Awakening ยังเหมือนเล่มนี้ เห็นทีคงต้องหันไปซบอกหนุ่มแอตแลนติสของนักเขียนคนอื่นแล้วค่ะ

No comments: