Tuesday, February 10, 2009

The Protecters // Beverly Barton (Part II)

เป็นหนังสือชุดที่ยาวและนานจริงจริงค่ะ ชุดนี้ เมื่อวานเขียนไปสิบห้าเล่ม วันนี้ก็คงอีกประมาณใกล้เคียงกัน ที่แปลกก็คือ แม็กซ์ไม่รู้สึกว่า หนังสือชุดนี้ยาวเกินไปเลยนะคะ ส่วนหนึ่งเพราะเบฟเวอรี่เปลี่ยนชุดตัวละครอยู่เรื่อย ไม่เอาแต่ละเรื่องมาลิงค์กันมากจนเกินไป ทำให้แต่ละเล่มมีความสดใหม่อยู่เสมอ หนังสือชุดนี้จึงอยู่ยงและคงทน

16. Sweet Caroline's Keeper (มิถุนายน 2001)

หนังสือเล่มแรกในชุดที่เป็น Single Title (หมายความว่าเป็นหนังสือที่มีความหนามากกว่าข้อจำกัด 250 หน้าที่สำนักพิมพ์กำหนดไว้) กล่าวถึงตัวละครที่ในชุดบอกว่ามีความลึกลับเหลือใจ เดวิด วูลฟ์ ปัญหาก็คือพล็อตเรื่องดันไปคล้ายกับหนังสืออีกเรื่องที่ออกขายในเวลาใกล้ เคียงกัน นั่นก็คือ Her Secret Guardian ของแซลลี่ ไทเลอร์ เฮย์ และ HSG ก็เหนือกว่าในทุกด้าน ทำให้ย่อมมีข้อเปรียบเทียบเวลาอ่านเรื่องนี้อย่างมาก ดังนั้นแม็กซ์จึงอยากสรุปว่า คาโรลีนไม่ได้มีอะไรไม่ดี เพียงแต่ดีไม่เท่ากับที่ HSG เป็นได้เท่านั้นเอง แล้วพล็อตเรื่องที่พูดถึงคืออะไรน่ะเหรอ นั่นก็คือพล็อตเรื่องที่พระเอกด้วยความรู้สึกผิดในใจตามปกป้องและช่วยเหลือ นางเอกมาตลอดชีวิตของเธอ ก็พล็อตทำนองเลี้ยงต้อยตามนิยายไทยนั่นแหละ

17. Jack's Christmas Mission (พฤศจิกายน 2001)

เมื่อแจ๊ค หนุ่มเทคซัสถูกจ้างให้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับนักพูดปากกรรไกร เรื่องราวที่แม้จะเป็นไปตามสูตรของชุดผู้พิทักษ์ ก็ยังสนุกสนานน่าติดตาม อาจไม่ใช่เล่มที่ดีที่สุดในชุด แต่ก็ไม่ผิดหวังหรอกนะคะถ้าจะเสียเวลาสักนิดตามหาในตลาดหนังสือมือสอง แจ๊คเป็นพระเอกไม่กี่คนของเบฟเวอรี่ที่เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ พระเอกส่วนใหญ่ของเธอจะเป็นชนิดเข้มและเงียบ แจ๊กเป็นความแตกต่างที่น่าอ่าน บุคลิกผ่อนคลายสบายสบายของเขาเข้ากันได้ดีกับความซีเรียสจริงจังของเพ็กกี้ โจนางเอก

18. The Princess's Bodyguard (ตุลาคม 2002)

และแล้วเบฟเวอรี่ก็ต้านกระแสเจ้าหญิงเจ้าชายมาแรงไม่ไหว เธอเขียนเรื่องนี้ออกมาที่เอาแม็ต โอเบรียนที่ถูกจ้างมาเพื่อตามหาเจ้าหญิงอเดลแห่งประเทศอะไรสักประเทศนึงที่ คนแต่งสมมุติขึ้นมา เรื่องนี้ดูท่าน่าจะสนุก เพราะแม็ตมีบุคลิกเดินรอยตามแจ๊คที่เป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แต่เบฟเวอรี่เขียนเรื่องกลับไม่มีเสน่ห์ เนื้อเรื่องอืดมาก ทั้งที่ถือว่าเป็นเล่มที่เขียนนำเพื่อไปสู่ตัวละครที่แฟนหนังสือชุดนี้เรียก ร้องมากที่สุดตัวนึง แต่กลับทำเรื่องได้ไม่น่าสนใจเลย เสียดายแม็ตจังค่ะ

19. On Her Guard (พฤศจิกายน 2002)

อีเลน เดนบี้เป็นนักสืบหญิงคนแรกและคนเดียว (ในขณะนั้น) แห่งสำนักงานดันดี เธอเป็นผู้หญิงสวยที่เก่งไม่แพ้ผู้ชายคนไหน บทบาทที่เธอมักได้รับในการปลอมตัวไปเพื่อสืบสวนคดีคือก็เล่นเป็นสาวผมบลอนด์ น่าโง่ ที่สวยแต่ไร้สมอง หลังจากผ่านไปหลายปี และหลายเล่ม อีเดนก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารของสำนักงานนักสืบดันดี (แทนเดน ที่หนีไปแต่งงานตั้งแต่เมื่อหลายเล่มก่อน) สิ่งที่ไม่มีใครรู้ รวมทั้งคนอ่าน (ก่อนจะถึงเล่มนี้) ก็คือ อดีตอันแสนรันทดของเธอ ในวัยยี่สิบปีเธอได้พบกับผู้ชายที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบของเธอ ทำให้เธอไม่มีวันกลับมาเป็นสาวน้อยสดใสคนเดิมได้อีก ประสบการณ์เปลี่ยนแปลงเธอไปอย่างมาก ความสูญเสีย (ที่โคตรเศร้า) ทำร้ายจนเธอต้องเกิดเป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น และในยามที่เธอคิดว่าตนเองมีเกราะป้องกันตัวอย่างดีแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็เดินกลับเข้ามาในชีวิตของเธอ ท่ามกลางคดีลักพาตัวเด็กที่กระทบใจเธออย่างรุนแรง หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่แม็กซ์เสียน้ำตาให้ ซึ่งถ้าไม่มีเรื่อง Worth any Price แม็กซ์คงจะยกให้เป็นเล่มที่ซาบซึ้งที่สุดในชุดนี้ของเบฟเวอรี่ แต่ถึงจะไม่ซึ้งที่สุด แต่ก็น่าอ่านค่ะ สำหรับคนที่ไม่กลัวประเด็นในเรื่องที่หนักและทำร้ายจิตใจสักหน่อย

20. Faith, Hope, and Love (พฤศจิกายน 2002)

เรื่องสั้นเล่มแรก และอาจจะเป็นเล่มเดียวในชุด เล่าเรื่องต่อมาจากตอนจบของ On Her Guard ที่ทิ้งท้ายความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปสู่จุดที่เกือบจะเป็นความรักระหว่างวอร์ธ คอร์เดล นักสืบอีกคนของดันดีที่ร่วมทำคดีกับอีเลนใน OHG กับ เฟธ เชอริแดน พี่เลี้ยงที่ติดร่างแหการลักพาตัวไปด้วย หนังสือที่หนาไม่ถึงร้อยหน้า ถ้าคุณเป็นแฟนชุดผู้พิทักษ์ก็หามาอ่านซะเถอะ ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

21. Grace Under Fire (มิถุนายน 2003)

เป็นอีกเล่มหนึ่งในชุดนี้ที่แม็กซ์ให้คะแนนในระดับบวกค่ะ แม้ว่าตัวละครจะไม่เป็นที่คุ้นหน้าแฟนหนังสือในชุดเท่าไหรนัก แต่แม็กซ์ชอบวิธีการที่เบฟเวอรี่เล่นกับภูมิหลังของพระเอกที่มาจากครอบครัว มาเฟีย เธอไม่ได้ทำให้มันดูสวยหรูหรือถูกต้องชอบธรรมที่จะรีดไถเงินจากคนที่ทำมาหา กินอย่างสุจริต นางเอกที่เป็นผู้พิพากษาขัดแย้งกับอดีตของพระเอกอย่างชัดเจนยิ่งทำให้เรื่อง มีความน่าสนใจ โดยรวมเรื่องยังคงใช้พล็อตเก่าที่คุ้นตา นางเอกที่ถูกปองร้ายจนต้องจ้างพระเอกให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครอง แต่ความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องบวกกับฝีมือในการดำเนินเรื่องให้น่าสนใจ ทำให้นี่เป็นอีกเล่มในชุดนี้ที่คุณไม่ควรพลาด

22. Downright Dangerous (กุมภาพันธ์ 2004)

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ GUF ค่อนข้างมาก เพราะทั้งพระเอกและนางเอกในเล่มนี้พบและตกหลุมความรู้สึกพิเศษต่อกันในเล่ม นั้น ทว่าเรื่องราวในเล่มนี้กลับยืดยาดไม่สนุก ความคิดของนางเอกที่มุ่งเน้นไปที่เงินจนมากเกินไปทำให้เธอเป็นคนที่ดูตื้น เขินมาก เข้าใจนะคะที่คนแต่งพยายามวางให้เป็นแบบนี้เพราะภูมิหลังของนางเอกที่จนมา ก่อนและยังต้องเลี้ยงดูน้องอีกหลายคน แต่มันน่ารำคาญน่ะ รู้ไหม

23. Keeping Baby Secrets (เมษายน 2004)

หนังสือชุดผู้พิทักษ์อย่างเป็นทางการที่ออกกับ Silhouette Desire เป็นเล่มแรก และเมื่อแม็กซ์อ่านจบลงก็ภาวนาว่าขอให้เป็นเล่มสุดท้ายเถอะ เพราะมันไม่ได้เรื่อง ความยาวของเรื่องที่สั้นลง (จาก 250 หน้า เหลือแค่ 187 หน้า) ทำให้อ่านยังไม่ทันเข้าใจเรื่อง หนังสือก็จบไปแล้ว เรื่องราวสองเล่มที่บอกเล่าความรู้สึกของพ่อแม่ที่ลูกโดนขโมยตัวไป นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เบฟเวอรี่โชคดีอย่างเลวร้ายที่ดันมาออกเล่มนี้ชนกับ หนังสืออีกเล่มที่พล็อตใกล้เคียงกัน (แต่เค้าเขียนดีกว่าเธอ) ก็คือเรื่อง Cry no more ของลินดา โฮเวิร์ด ทำให้เล่มนี้ดูเหมือนเป็นหนังสือเด็กเล่นไปเลย

24. Laying his claim (สิงหาคม 2004)

หนังสือที่ออกกะ Silhouette Desire อีกเล่ม แต่อาจเพราะว่าพล็อตถูกใจ เรื่องราวของคู่สามี-ภรรยาที่หย่าขาดกันไปนานแล้ว เพราะทนความเจ็บปวดที่ลูกถูกขโมยตัวไปไม่ได้ ต้องกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อค้นหาลูกที่หายไปของตัวเอง หลังจากเวลาผ่านไปสิบปี ในเรื่องอารมณ์เรื่องนี้ก็สู้กับ CNM ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ด้วยความที่หนังสือสั้นมากก็เลยไม่เป็นประเด็นเท่าไหรนัก เพราะยังไม่ทันได้ทำอารมณ์เรื่องมันก็จบไปแล้ว แม็กซ์ถือว่าเรื่องนี้ดีผิดคาด เพราะปกติไม่ค่อยชอบดีไซร์เท่าไหร แต่เล่มนี้ถือว่าสอบผ่านสำหรับดีไซร์ แต่ก็ยังสอบตกในฐานของชุดผู้พิทักษ์

25. Ramiraz's Woman (กรกฎาคม 2005)

เล่มนี้เป็นนางเอกที่เป็นนักสืบของดันดี งานของเจเจก็คือการคุ้มกันผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศสมมุติใน อเมริกาใต้โดยการเล่นละครเป็นคู่รักของเขา เล่มนี้ดูท่าทางน่าจะสนุก แต่ก็ไม่สนุกมากเท่าที่หวัง อยู่แค่ในระดับที่อ่านได้ อาจเพราะว่าแม็กซ์ (เอาอีกแล้ว) เอาไปเทียบกับหนังสืออีกเรื่องที่พระเอกเป็นนักปฏิวัติเหมือนกัน เรื่อง Tender Savage ของไอริส โจแฮนเซ่น มาไปหน่อย ก็เลยรู้สึกว่าพระเอกเล่มนี้ไม่ค่อยเท่ห์อย่างที่หวังนัก

26.Worth Dying For (พฤศจิกายน 2005)

หนังสืออีกเล่มที่แม็กซ์อ่านแล้วร้องไห้จนตาบวม เรื่องไม่ถึงกับเศร้าหรอกนะคะ แต่แค่คิดว่า ผู้ชายคนนึงยอมเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเขาทั้งชีวิตเพื่อความทรงจำของ ผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ทำให้น้ำตาล้นออกมาแล้วค่ะ

สิบเจ็ดปีก่อน ดังเต้ มอร์แรนไปรับตัวแฟนสาวของเขาจากร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ช้าเกินไป เมื่อเขาไปถึงเอมี่หายตัวไป และเธอไม่เคยกลับมาอีกเลย ต่อมามีการพบศพของเธอเป็นเหยี่อฆาตกรโรคจิตที่ถูกจับได้

ดังเต้ละทิ้งความฝันของเขาแล้วกลายมาเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และต่อมาทำงานให้กับสำนักงานดันดีเพื่อตามหาความจริงที่เกิดขึ้นกับเอมี่ เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และในวันนึงเขาก็ได้รับมอบหมายงานที่ทำให้เขาต้องกลับมาถามตนเองอีกครั้งถึง ความจริงที่เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจ เขาถูกจ้างให้ตามหาเลสลี่ หลานสาวของอภิมหาเศรษฐีที่หนีออกจากบ้าน งานนี้ไม่ยากเย็นเลย ด้วยเวลาไม่นานเขาก็หาตัวเด็กสาวคนนั้นจนเจอ ปัญหาก็คือ เด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนกับเอมี่ แฟนสาวของเขายังกับรอยพิมพ์ออกมา นั่นเป็นปริศนาที่เขาต้องไขให้ออก และยังมีแม่ของเลสลี่อีก ที่แม้หน้าตาจะดูคล้ายคลึงกับเอมี่ เธอก็คือผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาในชีวิตของเขา

เรื่องนี้ไม่ถึงกับเป็นปริศนาเดายากอะไรหรอกนะคะ แต่อารมณ์ที่อยูในเรื่องทำให้อ่านไปน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง

27. Penny Sue Got Lucky (มกราคม 2006)

หนังสือที่เบฟเวอรี่ บาร์ตันไม่เคยเขียนมาก่อน โรแมนติก คอมเมดี้ ที่ทั้งฮา และน่ารัก อาจไม่ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น แต่คุณจะพบว่าตัวเองนั่งอ่านไปยิ้มไปตลอดเวลา เมื่อบอดี้การ์ดสุดเท่ห์ถูกจ้างมาให้คุ้มครองหมาแสนน่ารัก แล้วยังเจ้าของสุดสวยของมันอีก เรื่องราวที่แตกต่างไปอย่างมากจากเล่มอื่นในชุดเดียวกัน หนังสือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บอกได้คำเดียวว่าอย่าพลาดค่ะ

28. Dangerous Deception (พฤศจิกายน 2006)

เล่มนี้เพิ่งอ่านจบเมื่อวานเองค่ะ ยังสดร้อนใหม่ควันฉุยอยู่เลย ตอบสั้น ๆ ว่าไม่ชอบนางเอกค่ะ น่ารำคาญ ก่อเรื่องให้ชาวบ้าน แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองไมได้เลย ลอซานคล้ายคลึงกับโจแอนน่าในเรื่อง Blackwood's Woman อย่างมาก ที่แม้จะพยายามบรรยายว่าเข้มแข็ง คนอ่านก็ยังมองเห็นกระดูกสันหลังที่อ่อนปวกเปียกของเธอ แม็กซ์ชอบพระเอกค่ะโดยเฉพาะต้องมาคู่กะผู้หญิงอย่างนี้ อีกอย่างอ่านแล้วไม่ค่อยเชื่อเลยว่าความรักมันจะงอกเงยได้เร็วอะไรขนาดนี้ อาจเพราะแม็กซ์ไม่ชอบนางเอก ก็เลยจินตนาการไม่ออกว่าจะมีใครมารักผู้หญิงอย่างนี้ได้ เรื่องแปลกคืออะไรรู้ไหมคะ แม็กซ์อ่านเล่มนี้จบเร็วมาก แค่นั่งแท็กซี่จากที่ทำงานกลับบ้าน ก็จบแล้ว ไม่น่าเชื่อตัวเองอยู่เหมือนกัน (ประมาณ สี่สิบห้านาที หนังสือหนาสามร้อยกว่าหน้า) ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน จะว่าน่าติดตามจนอ่านเร็วก็ไม่ใช่ ยังงงตัวเองอยู่ค่ะ พล็อตเรื่องย่อ ๆ ก็มีว่า ดอม เชย์ถูกจ้างให้ไปตามหาลูกสาวเศรษฐีที่หายตัวไปจากบ้าน และเมื่อเขาตามรอยการใช้บัตรเครดิตจนพบผู้หญิงคนนั้นและพาตัวเธอกลับ เขากลับพบว่าผู้หญิงทีเขาพามานั้นไม่ใช่คนที่เขาตามหา หากแต่เป็นผู้หญิงอีกคนที่ถูกจ้างให้ปลอมตัวเป็นเธอ และเมื่อเห็นเด่นชัดว่าลูกสาวเศรษฐีคงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ลอซานจึงตกเป็นผู้ตกสงสัยอันดับหนึ่ง และกลายเป็นภาระของดอมในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ

29. His Only Obsession (มีนาคม 2007)

กำลังอ่านอยู่ค่ะ จบแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ แต่เท่าที่อ่านบอกได้ว่า คงอยู่ในระดับอ่านได้เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับดี แต่ไม่ถึงกับเสียดายเงิน

โอ้ยจบแล้วในที่สุด ยาวมากเลย คนที่ขอให้เขียนอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวจะตามไปทวงค่ะ

No comments: