Friday, February 13, 2009

์No Rest for the Wicked // Kresley Cole

หนังสือที่สนุกโคตรอีกเรื่องแห่งปีนี้ ที่ทำให้แม็กซ์หายหน้าไปหนึ่งวันเต็ม เพราะมัวแต่นั่งอ่านหนังสือ (ประกอบกับงานยุ่งทำให้ไม่มีเวลากระทั่งเปิดบลอกเพื่อเขียน)

หนังสือเล่มที่สามในชุด "อมตะหลังฟ้ามืด" หรือ Immortalafter dark ที่เขียนโดยเครสลีย์ โคล เราปิ๊งหนังสือชุดนี้ตั้งแต่ได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องThe Warlord wants forever ซึ่งอยู่ในหนังสือเรื่อง Playing easy to get เราสารภาพว่าเราซื้อเรื่องนี้มาเพราะเรื่องของเชอริลีน เคนย่อน แต่เราอ่านเรื่องของเชอรี่ไปไม่จบเรื่องด้วยซ้ำ เรื่องของเจด แบล็กก็น่าเบื่อ ทำให้เราต้องหันมาอ่านเรื่องของเครสลีย์ โคล นักเขียนที่เราไม่ชอบงานของเธอเลยด้วยซ้ำ

ก่อนหน้าที่จะหันมาเขียนแนวพารานอมอล เครสลีย์เขียนเรื่องแนวโบราณที่ไม่ได้สนุกอะไรมากมาย ออกจะน่าลืมเลือนด้วยซ้ำ ถ้าแม็กซ์ไม่เสียดายเงินที่ซื้อเรื่อง Playing มาล่ะก้อ แม็กซ์คงไม่ได้ค้นพบชุดนี้แน่ เพราะแม็กซ์ตัดสินใจบอกศาลากะเธอไปแล้ว หลังจากผิดหวังมาสองเล่มติดกัน

ด้วยความเสียดายเงินแม็กซ์จึงอ่าน Warlord อย่างไม่คาดหวัง และก็ได้พบกับเรื่องสั้นที่สนุกที่สุดในรอบปี และถือว่าเป็นเรื่องสั้นที่สนุกที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสาม (ตามหลัง Only Human ของ Eileen Wilks และ The Nedkid Truth ของ Nicole Camden) เรื่องราวความรักระหว่าง Valkyrie (นักรบสาวในตำนานของไวกิ้ง) กับแวมไพร์

โปรดสต๊อปเสียบ่นก่อน เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแวมไพร์ที่เห็นเดินกันเกลื่อนกล่านตลาด

หนังสือของเครสลีย์ชุดนี้มีความหลากหลายของตัวละครเหนือมนุษย์ เรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างเรื่องเหนือธรรมชาติกับวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างลง ตัว ตัวละครที่พูดคุยด้วยภาษาเท่ห์ ๆ ไม่ใช่ร้องตะโกนร้องฟ้าว่า "เธอคือผู้หญิงของฉาน เธอเป็นของฉาน" เหมือนแวมไพร์ยุคหินบางตัว

แวมไพร์ในเรื่องนี้หมดสมรรถภาพตั้งแต่โดนเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เพราะสัญญาณชีพทุกอย่างของเขาจะหมดลง มีเพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถ "บลัด" เขาได้ โปรดอย่าคิดมาก การ "บลัด" เป็นศัพท์เฉพาะสำหรับการที่แวมไพร์เจอผู้หญิงที่จะเป็นคู่ชีวิตของเขา คนที่ทำให้เขากลับมามีเลือดมีเนื้อ หัวใจเต้น และที่สำคัญเหมือนได้กินไวอาก้าเม็ดโต

โอเคพล็อตเรื่องตรงนี้คล้ายคลึงกับแวมไพร์ยุคหินของนักเขียนท่านหนึ่ง แต่แวมไพร์ของเครสลีย์เป็นยุคใหม่มากพอ หรือพูดอีกแง่นึง นางเอกของเธอเป็นสาวสมัยใหม่มากพอที่จะไม่ยอมให้แวมไพร์เอาไม้ตีหัวแล้วลาด เข้าถ้ำ

สำหรับเซบาสเตียน การเป็นแวมไพร์เป็นการตกนรก เขาถูกเปลี่ยนโดยพี่ชายผู้หวังดีคนที่ไม่ต้องการสูญเสียน้องชายไป แต่เขาไม่อยากมีชีวิตโดยดำรงชีพด้วยการดื่มเลือด เขาใช้เวลาสามร้อยปีซุกตัวอยู่ในปราสาทผุพัง มีชีวิตซังกะตาย จนกระทั่งนักรบสาว Valkyrie ที่แสนจะเย็นชาที่ชื่อคาเดอรินมาเพื่อฆ่าเขา

คาเดอรินมีชีวิตอยู่มากว่าพันปี เธอเป็นลูกสาวของเทพเจ้า น้องสาวของเธอถูกแวมไพร์ฆ่าตาย และจากนั้นเธอก็ได้รับ "พร" ไม่ให้มีความรู้สึกอีก ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้พบกับแวมไพร์ที่ไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นสู้เมื่อ เธอพยายามฆ่าเขา

คาเดอริน "บลัด" เซบาสเตียน นั่นเป็นความประสงค์ของโชคชะตา และสิ่งที่ตามมาก็คือเรื่องราวที่แสนจะสนุกสนาน เรื่องราวที่แม้จะดูไม่ค่อยน่าเชื่อ และมีช่องโหว่งอยู่เป็นล้านในพล็อตเรื่อง ก็สนุกพอจะทำให้แม็กซ์มองว่าไม่เป็นสาระสำคัญ

แม็กซ์ชอบความทันสมัยของเนื้อเรื่อง ขณะเดียวกันก็ชอบความตรงไปตรงมาของเซบาสเตียน และความหัวแข็งของคาเดอริน

แม็กซ์ชอบความแปลกใหม่และคาดเดาไม่ได้ของเนื้อเรื่อง ชอบความหลากหลายของตัวละคร หนังสือชุดนี้ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ที่ตัวเอกที่เป็นแวมไพร์

แม็กซ์ชอบวิธีการดำเนินเรื่องที่ซ้อนทับกันของหนังสือแต่ละเล่มในชุด ชอบวิธีที่คนแต่งเขียนเรื่องให้เหตุการณ์ในแต่ละเล่มเกิดขึ้นพร้อมกัน เราอาจจะอ่านเล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มที่สาม แต่ตัวละครในเรื่องไม่รู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้นในเล่มหนึ่งด้วยซ้ำ นั่นเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่แปลกดี เราชอบ

ถ้ามีคำถามว่า แม็กซ์จัดอันดับหนังสือชุดนี้อยู่ในลำดับอะไรในสงครามแวมไพร์ ขอเวลาคิดวันนึงแล้วจะมาให้คำตอบค่ะ

No comments: