Tuesday, February 10, 2009

Crazy Cool // Tara Janzen

เพิ่งอ่านฉบับภาษาไทยจบไป ก็เลยถือเป็นฤกษ์งามยามดีเขียนถึงหนังสือที่แม็กซ์ชอบแต่ยังไม่มีโอกาสได้ เขียนถึง (เพราะอ่านภาษาอังกฤษไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2005)

หนังสือเล่มที่สองในชุด The Mission ซึ่งเป็นชื่อชุดอย่างเป็นทางการของฝรั่งเขา โดยตัวของมันเอง ความสนุกอาจไม่ถึงกับโดดเด่นกินขาดหนังสือในระดับคลาสิก (ของแม็กซ์) เล่มอื่น แต่เมื่อนำมันมารวมกับหนังสือเล่มอื่นในชุด ทำให้คุณค่าของหนังสือเล่มนี้เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล และนั่นเป็นการบ่งบอกพลังของหนังสือชุดได้เป็นอย่างดี

พล็อตเรื่องสั้นและง่าย ถ่านไฟเก่าไม่เคยมอด คริสเตียน ฮอร์คกิ้นส์ (แม๊กซ์สะกดเอาเองค่ะ ไม่เหมือนกะที่หนังสือใช้) เคยรักแคทย่า เดกเกอร์อย่างหมดหัวใจ และไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ความรักนั้นก็ไม่เคยหายไป

ด้วยเวลาเพียงสองวัน กับอีกสองคืนที่คนรักเก่าทั้งคู่ได้กลับมาพบกัน บทสรุปก็คือการแต่งงาน ความน่าเชื่อของความรักแบบชั่วข้ามวันนี้ได้ผลเพราะคนแต่งปูพื้นความ สัมพันธ์ที่มีต่อกันในอดีตได้น่าเชื่อเพียงพอ สิ่งที่แม๊กซ์ชอบมากที่สุดในเรื่องก็คือ การเปลี่ยนแปลงความคิดของคริสเตียนที่เป็นไปเรื่อย เริ่มต้นจากไม่ชอบใจนักที่ต้องมาผูกติดอยู่กับผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุ (อันหนึ่ง) ที่ทำให้เขาติดคุก ก่อนจะค่อยยอมรับกับตัวเองว่า เขาไม่อาจอยู่โดยปราศจากเธอได้ การเปลี่ยนแปลงของคริสเตียนเป็นไปอย่างน่าเชื่อ จนกระทั่งถึงจุดที่เขายอมรับกับแคทว่ารักเธอ เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวเธอมาครอบครอง

นั่นเป็นอีกจุดหนึ่งที่แม็กซ์ชอบผู้ชายจากถนนสตีลค่ะ เริ่มจากควินน์ มาถึงคริสเตียน และคนอื่น ๆ ไม่เคยมีใครตั้งคำถามตัวเองมากนักว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ (โอเค ยกเว้นให้ดีแลนคนนึง แต่ถ้าคุณอายุสามสิบกว่า แต่ตกหลุมรักเด็กสาวอายุยี่สิบเอ็ดปี คุณก็คงไม่อาจยอมรับได้ง่ายนักหรอก)

เมื่อวานแม็กซ์เขียนถึงคริสเตียนไปหน่อยนึง แล้วก็เลยได้คอมเม้นท์ที่น่าสนใจจากคนที่มาทิ้งข้อความไว้ที่บลอก ซึ่งทำให้แม็กซ์ฉุกคิด อาจจะเป็นเพราะแม๊กซ์อ่านหนังสือชุดนี้ครบทั้งหกแล้วก็ได้ การมองตัวละครจึงมีลักษณะของการเอาทั้งหกเล่มมายำรวมกัน บุคลิกบางอย่างกว่าจะเห็นได้ชัดเจนก็ต้องปาเข้าไปหลายเล่มแล้ว

ยอมรับนะคะคุณเลดี้จีว่า คริสเตียนดูไม่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่เท่าไหรในเรื่อง เขาถูกคนร้ายชนจนตกลงไปในน้ำ โดยไม่ได้เป็นฮีโร่ที่เข้าไปช่วยชีวิตผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิต แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคิดในการจัดการ แม็กซ์ไม่ได้พยายามเข้าข้าง แต่คิดขึ้นมาได้ว่า พระเอกของทาร่า เจนเซ่นนั้นมักจะไม่ใช่ฮีโร่ในความหมายของความเก่งกาจ ในเล่มที่ตัวเขาเองเป็นพระเอก อาจเพราะเมื่อมีความรัก นั่นก็เป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุด คริสเตียนไม่เก่งหรือนิ่งพอที่จะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแคทย่า เช่นเดียวกับที่คิดไม่ใช่คนที่ช่วยนิคกี้ ในเครซี่ คิส ที่เขาเป็นพระเอก (นั่นเป็นหน้าที่ของทราวิส) และทราวิสเองก็แทบจะเป็นแค่ของประกอบฉากในการจัดการผู้ร้ายในเรื่องเครซี่ สวีท ที่เขาเป็นพระเอก กลับปล่อยให้คริสเตียนขโมยซีน

แม็กซ์อาจจะมองภาพกว้างมากเกินไปสักหน่อย ทำให้เมื่อมองลึกในขอบเขตของหนังสือเล่มเดียว จึงดูไม่เป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังคงยืนยันค่ะ ว่าแม็กซ์รู้สึกด้วยตัวเอง ไม่ใช่เชื่อที่คนแต่งบอกว่าคริสเตียนเก่งแค่นั้น แต่คิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาหลายเล่มมั้งคะ ในการสร้างความรู้สึกนั้น สำหรับแม็กซ์เองก็บอกไม่ได้หรอกนะคะว่าความเชื่อว่าเขาเก่งนี่มันเกิดตอน นั้นกันแน่ เพราะอ่านในเวลาที่ไล่เลี่ยกันหลายเล่ม

กลับมาที่เรื่อง หนังสือเล่มนี้อาจได้ชื่อว่าเป็นโรแมนติกแอคชั่น แต่เนื้อในมีแต่โรแมนซ์ก็ว่าได้ เพราะเวลาเกินกว่าค่อนเรื่องใช้ไปกับความคิดและความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง ที่มีต่ออดีตของพวกเขา แม๊กซ์ชอบที่คริสเตียนไม่คิดในลักษณะโกรธแค้นต่อแคทที่เธอทิ้งเขาไว้ตาม ลำพังหลังจากถูกจับ เขาอาจตั้งฉายาว่าเธอเป็นตัวซวย แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่มีคำว่าล้างแค้นอยู่ในความคิด เขาแค่น้อยใจ นั่นเป็นความรู้สึกที่แม็กซ์จับได้ในเรื่อง และเมื่อเขาไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้อีกต่อไป เขาก็ยอมรับง่าย ๆ แค่นั้นว่าเขายังรักแคทอยู่ และไม่มีวันจะปล่อยให้เธอจากไป แล้วคริสเตียนก็เลิกวิ่งหนี และทำทุกอย่างเพื่อดึงตัวเธอไว้ โดยไม่สนใจว่าอุปสรรคตรงหน้าจะมีอะไรบ้าง

แม็กซ์ชอบวิธีการที่ทาร่าจัดการปัญหาความขัดแย้งระหว่างแคทและแม่ของเธอ มาริลีนโดนวางให้เป็นตัวร้าย แต่ในท้ายที่สุดโดยไม่ต้องอาศัยฉากเรียกน้ำตา แคทก็รับรู้ว่าการกระทำที่แม้จะดูสุดขั้ว แต่ก็เพราะแม่รักเธอ ตอนที่บรรยายว่าทุกคนต่างวิ่งหนีออกจากตัวบ้านเมื่อได้ยินเสียงปืน แต่แม่กลับวิ่งมาหาเธอ นั่นแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของคนเป็นแม่ได้เป็นชัดเจนโดยไม่ต้องใช้คำ บรรยายอะไรมากมาย

สรุป สรุป ชอบเรื่องนี้ค่ะ แต่แนะนำว่า ถ้าอยากเกิดอาการเครซี่ชุดนี้อย่างแม็กซ์ อ่านเล่มนี้เล่มเดียวไม่ได้นะคะ ต้องอ่านทุกเล่มในชุดนะคะ แล้วจะรักหนุ่มจากสตีลสตรีทมากเหมือนแม็กซ์

No comments: