Tuesday, February 10, 2009

Bookstore

ฤกษ์งามยามดีเพราะยังอ่าน The Art of Seduction ของแคธาลีน โอนีลไม่จบ และยังไม่อยากเขียนถึงเรื่อง Dangerous Games ของโลร่า ลีย์ แม็กซ์เลยถือโอกาสพูดถึงเรื่องที่หลายคนอยากให้เขียนถึง

ร้านหนังสือภาษาอังกฤษ

ตามประสาชาวบ้านตาดำปี๋ที่ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะอยู่ในประเทศที่ไม่ พูดภาษาอังกฤษ ร้านหนังสือที่เชี่ยวชาญในการขายหนังสือภาษาอังกฤษจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก มีค่ายิ่งกว่าเงินเดือน เพราะสิ้นเดือนทีไรก็ต้องรีบเอาไปส่งส่วยบรรดาร้านเหล่านี้ แต่ละร้านเป็นยังไงกันบ้าง นี่เป็นความเห็นของแม็กซ์อย่างเดียวล้วนค่ะ

1. ร้านที่ ณ เวลานี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในประเทศไทยแล้ว ร้านคิโนะคูนิยะ ที่มีสามสาขาอยู่ติดกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าขยันไปตั้งอยู่แถวสุขุมวิท - สยามสแควร์กันเยอะแยะทำไม แต่เข้าใจว่าแถบนั้นเป็นทำเลทองเพราะฝรั่งไปเที่ยวกันเยอะ แถมดูโมเดิร์นเหมาะกับคนยุคใหม่ที่นิยมอ่านภาษาอังกฤษ

ก่อนหน้าการเปิดตัวของสาขาเอ็มโพเรี่ยม ร้านญี่ปุ่นแห่งนี้ถือเป็นเพียงร้านในอันดับสามหรือสี่เท่านั้น เพราะหนังสือที่เน้นขายที่สาขาเซ็ลทรัล เวิร์ล (ที่ตอนนั้นไม่ใช่ชื่อนี้) เป็นหนังสือภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมือนปัจจุบันที่ภาษาอังกฤษก็เพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อทำการเปิดตัวสาขาเอ็มโพเรี่ยมที่ถือว่าเป็นร้านใหญ่มากในยุคนั้น รูปโฉมของร้านหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทยก็เปลี่ยนไป สำหรับคนอื่นแม็กซ์ไม่ยืนยัน แต่ตัวแม็กซ์เองแล้วนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยาวนาน ที่ถึงจะไม่ราบรื่นรักกันหวานเจี๋ยบ แต่ก็เลิกกันไม่ได้สักที แม็กซ์เป็นคนที่เลิกกะเค้าไม่ได้มากกว่าเค้าง้อแม็กซ์ อันนี้ยอมรับค่ะ เพราะจวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีร้านไหนดีกว่าร้านนี้อีกแล้ว

จุดเด่นของร้านคิโนะคูนิยะก็คือความหลากหลายของหนังสือที่มีให้เลือกทุก แนว และถ้าเล่มไหนที่ไม่มี คุณก็สามารถสั่งซื้อได้โดยไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องวางมัดจำ (ชนิดที่วางไปแล้วไม่ได้เงินคืน) ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มยาวเหยียด ไม่ต้องทนดูสีหน้าของพนักงานที่ทำท่าทางเหยียดหยามคุณถ้าคุณบังเอิญมีรสนิยม ชอบหนังสือปลุกใจเสือป่า ราคาหนังสือหรือก็ถือว่าถูกที่สุดในบรรดาร้านหนังสือด้วยกัน ยกเว้นร้านมือสองนะคะ

ข้อดีมีเยอะค่ะ แม็กซ์ถึงยกให้เป็นอันดับหนึ่งในดวงใจตอนนี้ แต่ก็เหมือนทุกอย่างที่ไม่ได้มีด้านเดียว ข้อเสียก็ไม่น้อย เพราะรู้ตัวว่าเป็นร้านอันดับหนึ่ง บางครั้งก็เลยไม่ค่อยแคร์ลูกค้าเท่าไหร โดยเฉพาะระยะหลังที่ออกอาการงกอย่างเห็นได้ชัด ใครที่ซื้อหนังสือกับร้านนี้ต้องระวังสักหน่อย เพราะหนังสือเล่มเดียวมีหลายราคา บางครั้งราคาแต่ละเล่มห่างกันเป็นร้อยบาท ดังนั้นเวลาเข้าร้านญี่ปุ่นแห่งนี้ จงทำตัวเป็นคนอังกฤษและยึดหลัก Buyer Beware เอาไว้ (คำถามว่าทำไมต้องเป็นคนอังกฤษ เพราะหลัก Buyer Beware เป็นหลักในกฎหมายอังกฤษ ซึ่งในประเทศไทยไม่ต้องนำมาใช้ค่ะ ดังนั้นเป็นคนไทยไม่ได้นะคะ) ต้องตรวจสอบราคาให้แน่ชัด ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป เดี๋ยวจะช้ำใจภายหลังได้ง่าย ๆ

อ้อร้านนี้มีบัตรลดราคา 10% ค่ะ แต่ต้องซื้อ ราคา 500 บาท ดังนั้นถ้าภายใน 1 ปีคุณใช้เงินกับหนังสือไม่ถึง 5,000 บาท ยืมเพื่อนใช้ดีกว่าค่ะ

2. B2S ไม่รู้ว่าแม็กซ์คิดถูกหรือเปล่าที่ว่า B2S เป็นการฟื้นคืนชีพของร้านหนังสือของห้างเซ็นทรัลที่เคยครองอันดับหนึ่งของ ร้านหนังสือภาษาอังกฤษเมื่อราว 15 ปีก่อน (ตอนที่แม็กซ์เริ่มหัดอ่านภาษาอังกฤษ) แม็กซ์จำอดีตที่หวานซึ้งเมื่อไปปิ๊งกับแฟน อ้าวไม่ใช่ นอกเรื่องไปแล้ว

อดีตที่แม็กซ์นั่งรถเมล์ไปห้างเซ็นทรัลสีลมเพื่อเฝ้ามองว่าหนังสือเล่ม ไหนที่ได้ข่าวว่าออกขายในเมกามาวางขายที่ห้างนี้แล้วหรือยัง ถ้าเทียบกับระยะเวลาก็ถือว่าร้านหนังสือในห้างเซ็นทรัลสีลมเป็นร้านที่นำ สมัยมากที่สุดสมัยนั้นค่ะ

แต่อดีตมันก็คืออดีต ปัจจุบัน B2S เป็นร้านค้านำสมัยใหญ่โต และขายหนังสือทุกประเภท อาจเพราะขายทุกประเภท ความโดดเด่นในเรื่องหนังสือภาษาอังกฤษก็ด้อยลงไป แถมราคาก็พุ่งพรวด ครั้งล่าสุดที่ไปเยือนร้านนี้ที่สาขาเซ็ลทรัลเวิร์ดที่สมคำโฆษณาว่าเป็นร้าน ใหญ่โต เห็นราคาหนังสือเข้าไป ยังช็อคไม่หายค่ะ

พ่อคุณแม่คุณขา ทำไมแพงขนาดนี้ คิดว่าคนอ่านภาษาอังกฤษพิมพ์แบงค์ได้เองหรือไงคะ

ที่สำคัญร้านนี้ไม่รับสั่งหนังสือนะคะ อย่าทะเล่อทะร่าเข้าไปสั่งล่ะ

ร้านนี้มีบัตรลดเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่จะลด 5% แต่ถ้าเป็นช่วงมิดไนท์เซลล์ก็จะเพิ่มเป็น 10% ส่วนวิธีการได้มานี่ แม็กซ์บ่อฮู้ค่ะ เพราะทุกวันนี้ยืมเพื่อนใช้อยู่

3. เอเชียบุ๊ค สำหรับร้านนี้คิดอยู่นานว่าจะเขียนถึงดีไหม เพราะมันคนละเกรดกะแม็กซ์น่ะ คือแม็กซ์เกรดต่ำกว่าเค้านะ ร้านที่สมกับเป็นร้านที่เน้นขายหนังสือที่พิมพ์ในฝั่งอังกฤษ ไม่ใช่อเมริกันเหมือนสองร้านแรก (แต่สองร้านนั้นก็มีขายนะคะ เพียงแต่เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยกว่าร้านนี้) พนักงานแต่งกายสุภาพและเย็นชา อันนี้เป็นความรู้สึกที่แม็กซ์ได้รับ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้แวะร้านนี้แล้วค่ะ ตั้งแต่ทางร้านเลิกเอาอีโรติกฝั่งอังกฤษมาขาย (ยอมรับตามตรงค่ะ)

เอเชียบุ๊คเป็นร้านแรกที่เริ่มนำหนังสือที่มีชื่อหัวพิมพ์ว่า Black Lace มาขายในประเทศไทย และแฟนแนวอีโรติกถ้าไม่รู้จักลูกไม้ดำแห่งนี้ล่ะก้อ บอกได้เลยว่ากลับไปทบทวนความรู้เรื่อง Erotic 101 ใหม่อีกรอบนะคะ เพราะลูกไม้ดำนี่ถือเป็นการปฏิวัตินิยายแนวอีโรติกให้ก้าวไปสู่อีกระดับ หนึ่ง สำหรับแม็กซ์ถือว่านี่เป็นผลงานที่เยี่ยมที่สุดชิ้นหนึ่งที่วงการหนังสือของ ประเทศอังกฤษทิ้งไว้ให้ชาวโลก (ว่าเข้าไปนั่น)

ตอนหลังเข้าใจว่าผู้บริหารทนไม่ได้ หรือศีลธรรมสูงขึ้นมาก็ไม่แน่ใจ จู่ ๆ ก็หยุดนำเข้า Black Lace เสียอย่างนั้น แม็กซ์ก็เลยบอกลาค่ะ เพราะรสนิยมส่วนตัวไม่ชอบหนังสือที่พิมพ์ในอังกฤษ เพราะทั้งใหญ่และเทะทะ แต่ที่จงรักภักดีก็เพราะเจ้าลูกไม้สีดำนี่แหละ พอเลิกขาย แม็กซ์ก็เลิกเข้า

สำหรับร้านนี้ ถ้าคุณต้องการหาหนังสือที่แต่งโดยหนังสือที่พิมพ์นอกอเมริกา ก็ขอแนะนำค่ะ อย่างหนังสือเรื่อง The Bronze Horseman และภาคต่อ The Bridge to Holly Cross (หรือ Titania & Alexander) ของพอลลีนน่า ซิมมอนด์ที่คนทั่วโลกอ่านกันจบไปสามรอบแล้ว คนอ่านฝั่งอเมริกายังไม่ได้เห็นนี่ ก็หาซื้อได้ที่เมืองไทยในร้านแห่งนี้ ต้องยอมรับนะคะบางครั้งคนอเมริกันนี่ก็ไม่รู้จักหนังสือดีหรอกค่ะ จนกระทั่งมันหล่นใส่หัวน่ะ

4. บุ๊กกาซีน สะกดถูกไหมนี่ เชื่อไหมว่าร้านที่แต่ละสาขาไม่ใหญ่โตมากแห่งนี้เป็นร้านค้าประจำของแม็กซ์ ก่อนการเปิดตัวของคิโนะคูนิยะสาขาเอ็มโพเรี่ยม แม็กซ์อุตส่าห์ลงทุนเป็นสมาชิกตลอดชีวิตเพื่อให้ได้ส่วนลด 5% ที่เดี๋ยวนี้ถือว่าโก้ ๆ ดูเท่ห์ แทบไม่ได้ใช้เลย

ร้านนี้ดูท่าจะเน้นที่หนังสือพิมพ์และแม็กกาซีนค่ะ สมกับชื่อนะ ก่อนหน้าคิโนะคูนิยะสาขาเอ็มโพเรี่ยมเช่นกัน นี่เป็นร้านที่คุณสามารถสั่งซื้อหนังสือได้ แต่ต้องมัดจำก่อนครึ่งราคา แต่จากประสบการณ์ของแม็กซ์ขอบอกว่าอย่ามัดจำเลยค่ะ เพราะจนบัดนี้เงินมัดจำของแม็กซ์ที่มีอยู่กับร้านนี้ประมาณพันกว่าบาทก็ยัง ไม่ได้คืน ทวงจนเลิกทวงดีกว่า เพราะคิดว่าค่ารถที่ไปตามทวงที่สำนักงานใหญ่ และค่าโทรศัพท์รวมกับก็เกือบพันแล้ว

ร้านนี้สำหรับแม็กซ์เป็นร้านเดินเล่นฆ่าเวลา เวลานัดเพื่อนแล้วมันยังไม่มา ไม่ซื้ออะไร เดินดูหนังสือ เล็งว่าเรื่องไหนน่าสนใจ แล้วไปซื้อที่อื่น เพราะราคาก็ไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ หนังสือส่วนใหญ่ก็เข้าไม่เร็วนัก แม้ว่าบางครั้งอาจมีเซอร์ไพร์สให้ตกใจกันบ้าง แต่ปีนึงอาจจะมีสักที

คุณค่าสำคัญอีกอย่างของร้านนี้ก็คือการลดราคาประจำปี สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนประจำก็ขอแนะนำให้เข้าไปเลือกซื้อกันค่ะ หนังสือใหม่ราคาอยู่ประมาณร้อยกว่า ๆ (ขึ้นราคามากจากเก้าสิบบาท) ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงสำหรับหนังสือใหม่ที่สภาพเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าการซื้อมือสองที่โทรมกว่าค่ะ

5. ซีเอ็ดบุ๊ค อ่านแล้วคงงง เพราะหลายคนอาจไม่รู้ว่าซีเอ็ดก็ขายภาษาอังกฤษ แม็กซ์เองก็งงเช่นกัน เพราะชั้นหนังสือภาษาอังกฤษของร้านนี้ไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าโชคดีคุณอาจจะได้หนังสือบางเล่มที่คุณอยากได้มาก ๆ ที่นี่ก็ได้ สำหรับลูกค้าร้านนี้ไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง ถ้าหนังสือมันจะมา มันก็มา ขอให้นึกถึงหนังเรื่อง Field of dream เอาไว้ (If you built it, he will come ---- If the book came, it came) อยากคาดหวัง แล้วคุณอาจได้ของดี

6. นึกไม่ออกแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าในเมืองไทยจะมีร้านที่ขายหนังสือภาษาอังกฤษโดยเฉพาะน้อยขนาด นี้ คงมีบางร้านที่แม็กซ์ลืมนึกถึงไป ใครมีร้านอื่นอีก บอกมาได้นะคะ

อ้อวันนี้พูดถึงแต่ร้านที่ขายหนังสือใหม่นะคะ มือสองเอาไว้วันหลังค่ะ

No comments: