Friday, February 13, 2009

Crash Into Me // Jill Sorenson

จิล ซอเรนสันเ็ป็นนักเขียนนหน้าใหม่พอสมควร เรื่อง Crash into me อาจจะไม่ใช่หนังสือเล่มแรกที่เธอเขียนนะคะ แต่ก็เป็นเล่มที่สอง แถมเล่มแรกก็เป็นเพียงหนังสือเล่มเล็กที่ออกขายกับซิลลูเอ็ต โรแมนติค ซัสเพนซ์

แม็กซ์ตัดสินใจซื้อหนังสือเรื่องนี้ เพราะเพื่อนคนนึงของเราได้เจอกับจิลในงาน RWA แล้วพูดถึงเธอในแง่ดีมาก ๆ ด้วยนิสัยที่ชอบทดลองงานของนักเขียนหน้าใหม่ แม็กซ์จึงไม่ลังเลที่จะซื้อหนังสือสองเล่มแรกของเธอมาทดลองอ่าน (แต่เรายังอ่านเรื่อง Dangerous to Touch ซึ่งเป็นหนังสือเล่มของเธอเลยล่ะ)

บอกตามตรงนะคะว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายกับหนังสือเล่มนี้ อาจะเป็นเพราะหน้าปกที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเรื่องแนวโรแมนซ์ยุค ปัจจุบันทั่ว ๆ ไป กะชื่อเรื่องทีออกแนวนั้นพอควร

ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นความสนุกที่แม็กซ์ไม่คาดหวังจริง ๆ

Crash Into Me ของจิล ซอเรนสัน

นานมากแล้วนะคะที่มีหนังสือที่ทำให้แม็กซ์แปลกใจได้อย่างนี้นะคะ เราหยิบเล่มนี้มาอ่านโดยไม่คาดหวังอะไรเลย แต่สิ่งที่เราได้จากเล่มนี้มันเต็มอิ่มค่ะ

คงไม่ต้องบอกนะคะว่าชอบเรื่องนี้แค่ไหน

ซันนี่ วาสเควสเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ถูกส่งให้ปลอมตัวเข้าไปตีสนิทกับเบน ฟอร์ชุน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง มันค่อนข้างแปลกพอสมควรที่เอฟบีไอสงสัยเบนเป็นคนร้าย เพราะเขาเป็นหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จแห่งคาลิฟอร์เนีย เบนเป็นนักเล่นเซิร์ฟที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่แสนจะหล่อเหลา เขาเป็นตัวแทนของความสำเร็จแบบอเมริกัน เป็นหน้าตาให้กับสินค้าที่ใช้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียง (อาจจะเสียก็ได้) เรื่องผู้หญิง

โศกนาำฎกรรมที่เกิดขึ้นกับภรรยาของเขา ผู้หญิงที่เขาทำให้ตั้งท้องตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุเพียงสิบเจ็ดปี ผู้หญิงที่เขาปล่อยให้รอคอยนานหลายปี ก่อนที่จะยอมแต่งงานกับเธอ ผู้หญิงที่เอฟบีไอสงสัยว่าเป็นเหยื่อรายแรกของฆาตกรต่อเนื่อง คดีเดียวกับโอลิเวีย ฟอร์ชุนโดนปิดเมื่อตำรวจจับคนร้ายได้พร้อมกับอาวุธ แต่คนร้ายคนนั้นได้ฆ่าตัวตายพร้อมทิ้งจดหมายลาตายที่ปฏิเสธความรับผิดชอบที่ มีต่อการตายของโอลิเวีย และนั่นทำให้เจ้านายของซันนี่เริ่มสงสัยว่าเบน อาจจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมนั้นก็ได้ เพราะก่อนหน้าที่จะจับคนร้ายได้ เบนเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง

แต่ชีวิตของซันนี่ ที่ตอนนี้ใช้นามว่าซัมเมอร์ และปลอมตัวมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของชุมชนที่เบนและคาร์ลี่ ลูกสาวพักอาศัยอยู่ ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ เบนซึ่งบัดนี้เป็นชายเก็บตัว ที่ไม่สนใจผู้หญิงเหมือนในวัยหนุ่มอีกต่อไป เขาเล่นเซิร์ฟ และดูแลลูกสาวที่กำลังเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกับการจากไปของมารดา เบนไม่มีสายตาให้กับผู้หญิงคนไหน จนกระทั่งซันนี่ช่วยชีวิตคาร์ลี่จากคลื่นยักษ์ หลังจากเธอเล่นแผลง ๆ ด้วยการกระโดดลงไปในทะเลเพื่อเล่นคลื่น

นั่นทำให้ซันนี่และเบนมาพบกัน และเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับทั้งสองคน เพราะเบนซึ่งเจ็บปวดจากการสูญเสียโอลิเวียไป พบว่าตัวเองไม่อาจเดินจากซันนี่ไปได้ เธอมีบางอย่างที่ดึงดูดเขาเอาไว้ หญิงสาวที่ปฏิเสธโอกาสที่ทั้งคู่จะมีอะไรต่อกันมากกว่าความเป็นเพื่อน ในขณะเดียวกันซันนี่รู้ดีว่า การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยเป็นการทำลายอาชีพที่ดีที่สุด เธอไม่มีใครเหลือแล้วในชีวิต นอกจากการเป็นเอฟบีไอ แต่ก็เหมือนแมงเม่าที่ไม่อาจหลีกหนีเปลวไฟ ซันนี่ก็ไม่อาจต้านทานเบนได้

ในขณะที่ซันนี่พยายามสืบความเป็นไปของครอบครัวฟอร์ชุน ในขณะเดียวกับที่พยายามเอาชนะความรู้สึกของตัวเอง เรื่องก็ยังโฟกัสไปที่คาร์ลี่ เด็กสาววัยสิบหกปีที่เหมือนเด็กอเมริกันทั่วไป เริ่มมีปัญหากับพ่อของเธอเอง มันเป็นความรู้สึกที่คาร์ลี่ไม่อาจอธิบายได้ แต่บางอย่างในตัวเธอทำให้เธอต้องดื้อรั้นและหาเรื่องใส่ตัว และนั่นนำเธอไปพบกับจอห์น แม็ธทิว เด็กชายวัยสิบเจ็ดปีที่มีปัญหาในครอบครัวไม่แพ้กับเธอ

ปกติแม็กซ์จะไม่ชอบหนังสือที่แบ่งเวลาในเรื่องไปให้กับตัวละครอื่นที่ไม่ ใช่ตัวเอกนะคะ เพราะรู้สึกเสมอว่า มันทำให้เรื่องด้อยความน่าสนใจไปเลย ถ้าคู่รองเด่นกว่าคู่เอก เรื่องมันอาจจะสนุกได้ แต่มันก็แสดงความไร้ความสามารถของคนแต่งเช่นกัน ในเรื่องนี้เราอาจจะบอกได้ว่ามีสองคู่ เบนและซันนี่เป็นคู่หลัก ในขณะที่ความรักระหว่างคาร์ลี่และจอห์นเป็นคู่รอง ซึ่งบอกเลยนะคะว่า ไม่มีการขโมยซีน ไม่ใช่เพราะคาร์ลี่และจอห์นไม่น่าสนใจ พวกเขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก และดึงดูดความสนใจจากแม็กซ์ได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจระหว่างเบนและซันนี้ลดลงไปเลย

คาร์ลี่เป็นตัวอย่างของเด็กอเมริกันน่ารำคาญ (เราคิดแบบนี้เสมอกับเด็กอเมริกันช่วงไฮสคูล) แต่คนแต่งก็ทำให้เราเข้าใจเธอได้ เข้าใจและรักเธอมาก ๆ คาร์ลี่เป็นตัวละครที่มีชีวิต และทำตัวสมอายุ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้เธอดูงี่เง่า หรือปัญญาอ่อน คาร์ลี่เป็นเด็กที่เอาแต่ใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รักพ่อของเธอมาก และเช่นเดียวกัน จอห์น แม็ธทิว เด็กชายที่เติบโตขึ้นมากับพ่อที่ใช้กำลัง เขามีบาดแผลทั้งภายในและภายนอก เขาเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะไม่ได้เป็นแค่เด็กชายที่กบฎและทำตัวเรียกร้องความสนใจ แบบอย่างเจมส์ ดีน แต่จอห์นมีความลึกที่เราคาดไม่ถึง และนั่นรวมทั้งทัศนคติที่เขามีต่อเซ็กส์

ปกติแม็กซ์จะรู้สึกอึ๋ยกับฉากเซ็กส์ของตัวละครอายุน้อย ๆ นะคะ แต่เรื่องนี้ทำได้ดี เพราะในระดับนึง เรารู้สึกถึงความต่อเชื่อมระหว่างคาร์ลี่และจอห์นที่มันทำให้เราเชื่อว่า สองคนนี้จะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน และไม่ใช่แต่ความรักวัยรุ่น

กลับมาที่คู่หลัก เบนอาจจะยังคงรักโอลิเวีย แต่เขาก็เป็นผู้ชายพอที่จะยอมรับว่า ตัวเองกำลังถลำลึกลงเรื่อย ๆ กับซันนี่ แม้กระทั่งเมื่อความจริงเิปิดเผยออกว่า ทั้งหมดแล้วซันนี่ทรยศเขา เบนก็ยังไม่อาจเดินจากเธอไปได้ แน่ละคำว่ารักไม่ได้ออกจากปากของเขา จนเกือบจะหน้าสุดท้าย แต่แม็กซ์ไม่สงสัยในความจริงใจของเขาเลยนะคะ

ที่สำคัญคาแร็คเตอร์ของเบนน่าสนใจ เขาเป็นพระเอกที่เราไม่ได้เจอนัก ภายนอกเบนเป็นทุกอย่างที่พระเอกโรแมนซ์เป็นกัน ทั้งหล่อ รวย และเท่ห์ แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจสาวทั่วเมือง สิ่งที่ทำให้เบนแตกต่างก็คือ เขาใช้ชีวิตมาอย่างเต็มที่ เขาเดินจากผู้หญิงที่เขารัก เพื่อความสนุกสนาน เพื่อเหล้า และยาเสพติด และเพื่อผู้หญิงอื่น สุดท้ายแล้วเบนเดินกลับมาหาโอลิเวียอีกครั้ง และเขาเป็นสามีที่ดี ก่อนที่ความโหดร้ายจะพรากโอลิเวียไป เบนไม่เคยกลับไปเป็นหนุ่มใช้ชีวิตอิสระคนเดิม แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ได้ทนทุกข์ ไม่ใช่ว่าไม่เศร้าหรอกนะ แต่เบนไม่ใช่พระเอกแนวที่ต้องประกาศให้โลกทั้งใบรู้ว่า "กูเศร้า"

ความรักที่เขามีให้คาร์ลี่ ยิ่งทำให้แม็กซ์ยิ่งรักเขา และความจริงใจที่มีต่อซันนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ดึงดูดเราให้อ่านเล่มนี้ ชนิดที่ไม่อยากให้มันจบลง หนังสือเล่มนี้หนาสี่ร้อยกว่าหน้านะคะ และทุกหน้าเป็นความสนุกที่เราไม่อยากให้มันจบลง

คำชมมีเยอะนะคะ ส่วนดี ๆ ในเรื่องก็มีเยอะ และมันอาจจะมากพอที่ทำให้เรามองข้ามข้อเสียในเรื่องไปได้ เพราะหนังสือเล่มนี้ยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ มันมีความบังเอิญมากเกินไป โดยเฉพาะ (สปอยล์) การที่สุดท้ายแล้วจอห์นเป็นน้องชายคนละแม่กับซันนี่ มัน ทำให้ยากที่จะเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ มันมีหลายอย่างเลยล่ะในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ประมาณว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะมาบังเอิญเจอกัน แต่อย่างที่บอกนะคะ ส่วนที่ดีในเรื่องทำให้แม็กซ์ลืมข้อเสียทั้งหมดนั่นไปได้เลย

ในส่วนของการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ไม่ค่อยมีเบาะแสอะไรทิ้งไว้ให้คนอ่านคาดเดาคนร้ายหรอกค่ะ แต่ถ้าคนอ่านความจำดี ๆ และตาเร็ว ก็น่าจะรู้ตัวคนร้ายได้เกือบจะในทันทีที่เจอคำใบ้ที่คนแต่งทิ้งเอาไว้ ประเด็นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหลักของพล็อต แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้เคลื่อนไปได้ เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แม็กซ์โอเคกับมันค่ะ

และสุดท้ายแล้ว ฉากที่เราชอบมาก (สปอยล์) คง เป็นฉากที่ซันนี่โดนคนร้ายจับตัวไปอยู่บนเรือ และเบนต้องเลือกที่จะช่วยชีวิตลูกสาวของเขาซึ่งตกลงไปในน้ำ แทนที่จะขึ้นไปบนเรือเพื่อช่วยผู้หญิงที่เขารัก สำหรับแม็กซ์แล้วมันได้ใจเรามาก เพราะมันเป็นทางเลือกที่เราอยากให้คนที่เป็นพระเอกเลือก และที่มากกว่านั้นมันทำให้เราคิดว่าสตีเฟ่น (ซึ่งเป็นคนที่ไปช่วยซันนี่แทน ทั้งที่ไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ) เป็นตัวละครที่เราอยากรู้เรื่องของเขาต่อ

จะบอกยังไงดีคะว่า แม็กซ์รักหนังสือเล่มนี้ แม็กซ์รักตัวละครทุกตัวที่ออกมามีบทบาทในเล่ม (โอเค อาจจะยกเว้นตัวร้าย) เพราะทุกคนมีพัฒนาการและความน่าสนใจในตัวเอง หนังสือที่เราเคยคิดว่าอาจจะหนาเกินไป แต่เมื่ออ่านเรากลับไม่อยากให้มันจบ

ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าลืมเลือน

คะแนนที่ 90

No comments: