Saturday, February 7, 2009

Presented by friend

แม็กซ์เป็นลูกคนเดียว ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้บ้าหนังสือขนาดนี้ เพราะหนังสือเป็นกิจกรรมอีกอย่างนอกจากการดูทีวี ที่ทำคนเดียวตามลำพังได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความแม็กซ์ไม่มีเพื่อนหรอกนะ ถึงจะร้าย แต่ก็ยังมีคนตาใกล้บอด หูเกือบหนวกหลายคนอาสามาเป็นเพื่อนค่ะ (ไม่ได้ว่าเพื่อนหรอกนะ เพียงแต่บางครั้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ทำไมยังมีใครคบ ทั้งที่เรานิสัยก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหรนัก)

และที่สำคัญเพื่อนร่วมอุดมการณ์ด้วยกันเรื่อง หนังสือ ถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะการเริ่มต้นรู้จักกันอาจเป็นเพราะคอหนังสือเดียวกัน แต่มิตรภาพก็ขยายตัวไปจนไกลเกินกว่านั้นมาก

หนังสือดีดีหลายเล่ม ที่กลายเป็นหนังสือในดวงใจ เล่มที่แม็กซ์อาจจะไม่มีโอกาสค้นพบด้วยตัวเอง ก็ถูกแนะนำให้รู้จักโดยเหล่าเพื่อนทั้งหลาย

เจดี ร็อบบ์นักเขียนที่แม็กซ์บอกปัดไม่อ่านหลังจากอ่านเล่มแรกเรื่อง Naked in Death จบ ไป แม็กซ์ไม่ชอบที่นางเอกแข็งกร้าว และความรักที่ดูจะมาจากไหนก็ไม่รู้ สิ่งที่แม็กซ์ไม่รู้ก็คือ ตอนนั้นแม็กซ์ไม่คุ้นเคยกับการอ่านเรื่องต่อเนื่องโดยมีพระเอกนางเอกคู่เดิม ประเด็นมันจะไม่จบในเล่มเดียว แม็กซ์ยังเอาประสบการณ์ที่คุ้นเคยของตัวเองมาเป็นมาตรวัด ซึ่งถ้าไม่ได้เพื่อนที่รักมากคนนึงคะยั้นคะยอให้อ่าน ถึงขนาดซื้อหนังสือในชุดนั้นส่งมาให้แม็กซ์อีกสี่เล่ม แม็กซ์ก็คงพลาดหนังสือชุดที่ดีจนไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาบรรยายได้เลย แม็กซ์ไม่ต้องอ่านชุดนี้ถึงสี่เล่มหรอกค่ะก่อนจะหลงรักมันอย่างสุดหัวใจ แค่เล่มสองเท่านั้นเอง เจดีก็ได้สาวกชนิดมอบกายถวายตัวอย่างแม็กซ์ไปแล้ว

มาร์ชา แคนแฮมเป็นนักเขียนอีกคนที่แม็กซ์เด็กเกินกว่าจะชื่นชมงานของเธอได้อย่าง เต็มที่ หนังสือเล่มแรกของเธอแม็กซ์อ่านในยามที่ตัวเองเด็กเกินไป เกินกว่าจะเข้าใจพลังของนางเอกที่เข้มแข็ง เวลาผ่าน แม็กซ์เปลี่ยนแปลง แต่ประสบการณ์ที่เชื่อในขณะนั้นว่ามาร์ชาเขียนนางเอกแข็งกร้าว (คำว่าเข้มแข็ง และแข็งกร้าวห่างไกลกันมากนะคะ) ทำให้ไม่กล้าจับงานของเธอมาอ่านเลย จนกระทั่งก็เพื่อนอีกนั่นแหละที่บอกว่า นิสัยอย่างเมย์ต้องชอบงานของมาร์ชาแน่เลย และมันก็จริง

แล้วยังดาเนียล ฮาร์มอนอีกล่ะ นักเขียนที่ไม่ดังเลย และปัจจุบันก็เลิกเขียนไปแล้วด้วยซ้ำ แต่แม็กซ์ค้นพบงานระดับมาสเตอร์พีชของเธอ เพราะเพื่อนคนนึงไม่ลดละในการตามหางานเก่าของเธอในอดีต จนทำให้แม็กซ์ฉุกคิดมาว่า นักเขียนคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ และแม็กซ์ก็โชคดีจะตามหางานของเธอมาได้เกือบครบ และได้เจอกับนักเขียนที่ดีมากที่สุดอีกคนนึง นักเขียนที่อาจจะไม่มีใครรู้จักเลยด้วยซ้ำในเมืองไทย

แล้วยังมีอีลอร่าส เคฟอีกล่ะ สำนักพิมพ์อีบุ๊คที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกไซเบอร์ ที่แม็กซ์ภูมิใจกล้าพูดได้ว่ารู้จักตั้งแต่สมัยก่อตั้งใหม่ ยุคที่มีแค่หนังสือของเจด แบล็คขายอยู่ห้าหกเล่มนั่นอีกล่ะ แม็กซ์ไม่ได้ค้นพบด้วยตัวเองหรอกนะ แต่เป็นเพราะคำวิจารณ์ของเพื่อนคนนึงที่กระตุ้นต่อมอยากอ่านให้เกิด จนกล้าใช้บัตรเครดิตซื้อของจากอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก

เพื่อนนำเสนอสิ่งที่ดีในโลกหนังสือให้กับแม็ก ซ์มากมาย และล่าสุดก็มาถึงหนังสือชุดแนวพารานอมอลที่ไม่ถึงกับใหม่นัก เพราะออกมาแล้ว 3 เล่ม แต่ก็น่าติดตามอย่างยิ่ง

หนังสือชุดที่เล่าเรื่องของนักรบที่ไม่มีวันตาย กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าแพลลาดิน ตามชื่ออัศวินในสมัยพระเจ้าชาร์ลเลอมังค์ แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย

อะไรคือแพลลาดิน

พวกเขาก็เป็นมนุษย์ทั่วไปอย่างเรานี่แหละ แต่ด้วยยีนส์บางอย่างในตัว ทำให้เขาตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องเมื่อเกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก

ทำไมน่ะเหรอ

เพราะการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกนำไปสู่การเปิด ประตูระหว่างมิติ ระหว่างโลกมนุษย์ และโลกอื่น ที่แม้กระทั่งอ่านมาสามเล่มแล้ว เราก็ยังไม่รู้ว่าโลกนั้นเป็นยังไง รู้เพียงแต่ว่าสภาพของมันคงต้องเลวร้ายน่าดู เพราะพลเมืองแห่งโลกอื่น พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีออกมาจากมัน แม้ว่าการมาถึงโลกมนุษย์จะจบลงด้วยความตายให้กับคมดาบของเหล่าแพลลาดินนี่ เอง

แพลลาดินถูกกำหนดมาในพันธุกรรมให้ต่อสู้กับพวก โลกอื่น เพื่อปกป้องโลกของเราเอาไว้ เพราะเมื่อพวกโลกอื่นก้าวเท้าเข้ามาในบรรยากาศของโลกเรา พวกนั้นจะเสียสติและควบคุมไม่ได้ ส่วนพวกที่สามารถปรับตัวเข้ากับโลกมนุษย์ได้ ก็กลายเป็นตัวการทำลายสภาพแวดล้อมของโลกมนุษย์ นั่นเพราะบางอย่างในตัวคนจากโลกอื่นทำให้สมดุลทางธรรมชาติของเราเสียไป ดังนั้นแพลลาดินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกำจัดพวกโลกอื่นให้หมดสิ้น

คุณสมบัติสำคัญของแพลลาดินก็คือ พวกเขาฆ่าไม่ตาย ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ไม่มีวันตาย เพียงแต่พวกเขาจะสามารถฟื้นจากความตายได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้ง และถ้าเขาตายมากครั้งเกินไป สติของพวกเขาจะสูญสิ้น ทำให้กลายสภาพกลายเป็นเหมือนคนจากโลกอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ต้องถูกฆ่าโดยคนที่พวกเขาพยายามปกป้องนั่นเอง

แม็กซ์อ่านพารานอมอลมามากนะคะ และคิดว่าพบเจอมาหมดเกือบทุกอย่างแล้ว หนังสือชุดนี้ก็ออกขายตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งแม็กซ์ซื้อมา แต่ไม่มีความอยากอ่าน เพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจใหม่เลย

และก็เพื่อนนั่นแหละที่ดึงความสนใจแม็กซ์มาถึงเรื่องชุดนี้

แพลลาดินอาจจะยังไม่ใช่หนังสือแนวพารานอมอ ลอันดับหนึ่งในใจแม็กซ์ในขณะนี้ นั่นต้องยกให้แบล็กเด็กเกอร์ แต่จากสามเล่มที่ได้อ่าน อเล็กซิส มอร์แกนคนแต่งทำให้มันน่าสนใจยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

จากเล่มแรกที่เล่าเรื่องของเดฟลิน หัวหน้ากลุ่มแพลลาดินแห่งเมืองซีแอตเติ้ลที่พบรักกับหมอผู้ดูแลรักษาเขา ไปจนถึงบารัคคนจากโลกอื่นที่ใช้ความเงียบปนเศร้าพิชิตหัวใจของแม็กซ์ และนางเอกในเรื่อง

ชุดนี้มาแรงค่ะ ในความเห็นของแม็กซ์

No comments: