Saturday, February 7, 2009

สิบเล่มที่ดีที่สุดแต่ไม่มีใครแปล

มีคนตั้งคำถามแม็กซ์ว่า ยังมีหนังสือโรแมนซ์ดีดีที่ไม่มีใครเอามาแปลเหลือบ้างรึเปล่า

คำตอบก็คือ มีแน่นอน

ปัญหาก็คือ คำว่าดี ของคุณ กับของแม็กซ์อาจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หนังสือบางเรื่องแม็กซ์ และอีกหลายคนรัก แต่ในเวลาเดียวกันก็พอจะรู้นะว่า คงแปลเป็นไทยแล้วไม่เวิร์คแน่ เพราะยอมรับเถอะมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาขัดขวาง

แม็กซ์นึกไม่ออกว่าถ้าเอาอีโรติกโร แมนซ์มาแปล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนคงเต้นเป็นเจ้าเข้า แล้วก็รีบนำกำลังตำรวจมาจับ หาว่าเป็นหนังสือลามก ซึ่งโอเค้ มันเอ็กซ์เยอะ แต่ถามว่า ผู้ใหญ่ไม่มีสิทธิอ่านหนังสือลามกหรือไง (ไหนไหน พูดมาถึงตอนนี้แล้วก็ขอนอกเรื่องนิดนึงนะ แม็กซ์ว่า สิทธิของเด็กในบางครั้งก็ก้าวก่ายสิทธิของผู้ใหญ่มากเกินไป ทำไมไม่จัดเรตหนังสือให้หมดเรื่อง แล้วไปเอาผิดร้านหนังสือที่ยังทู่ซี้ขายหนังสือของผู้ใหญ่ให้เด็ก ไม่ใช่มาคุมกำเนิดหนังสือทั้งหมด โดยเอาค่านิยมของตัวเองมาวัด)

แล้วยังความเข้าใจ (ซึ่งแม็กซ์ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด) ที่ว่าคนอ่านนิยายฉบับแปลชอบเรื่องน้ำเน่า เบาโหวงเหวง เรื่องที่หนักสักหน่อยเป็นอันขายไม่ดี ทำให้นิยายโรแมนซ์ที่เนื้อหาซีเรียสสักนิดไม่มีโอกาสได้เกิดให้คนอ่านฉบับ แปลเห็นเลย

และนี่คือหนังสือ 10 เล่มที่แม็กซ์เลือกให้ว่าเป็นหนังสือโรแมนซ์ที่ดีที่สุดที่ยังไม่มีใครเอามา แปล (หรืออาจจะแปลแล้ว แต่แม็กซ์ไม่รู้ ก็ขอโทษด้วย แม็กซ์ไม่ได้ตามข่าวตลาดแปลเท่าไหร โดยเฉพาะในยุคที่เซอร์บัคเดินกันเกลื่อนเมือง --- สำหรับคนที่ไม่รับมุข แม็กซ์หมายถึง ยุคที่สนพ.เอาชื่อเรื่อง ชื่อนักเขียน ชื่อตัวละคร บางครั้งก็ฉากเอ็กซ์บางฉากมาแต่งเติมเสริมเข้าไป จนแทบจะจำไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วมาจากเรื่องไหน

1. A Well-pleasured Lady ของคริสติน่า ดอจจ์ หนังสือที่เป็นต้นแบบของ Forced Seduction ที่ ยังเป็นหัวข้อถกเถียงกันอยู่ตามบอร์ดของฝรั่ง เรื่องที่แมรี่ซึ่งใช้เวลาเกือบสิบปีปลอมตัวเป็นแม่บ้านหน้าจืด ก็ต้องถูกจับไต๋ได้โดยพระเอก ซึ่งทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมา แม็กซ์ไม่แน่ใจว่า ถ้าคุณอ่านเล่มนี้ตอนนี้จะคิดว่าเรื่องนี้ยอดเยี่ยมอยู่ไหม เพราะนับจากที่เล่มนี้ถูกเขียนในปี 1997 (นั่นก็สิบปีแล้ว) นักเขียนอีกเป็นร้อยก็เดินตามรอยเท้าที่ประสบความสำเร็จนี้ แต่ในตอนนั้น มันเป็นหนังสือที่เปิดโลกในอีกมุมหนึ่งของโรแมนซ์ทีเดียว

2. Desperado ของซานดร้า ฮิลล์ เอกลักษณ์ของซานดร้าก็คือเสียงหัวเราะ งานยุคหลังของเธออาจขำไม่ค่อยออกนัก แต่สำหรับเรื่องนี้ มันเป็นซานดร้า ฮิลล์ในจังหวะเวลาที่ดีที่สุดของเธอ เรื่องของคู่กัดสมัยวัยรุ่นที่กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถูกเรียกตัวไปฝึกซ้อมรบ (ทั้งคู่รู้จักกันในวิทยาลัยทหาร) และการโดดร่มก็พาพวกเขาย้อนเวลากลับไปยังคาลิฟอร์เนียในยุคตื่นทอง หนังสือแนวข้ามเวลาอาจจะเป็นเล่มเดียวที่แม็กซ์ชอบ

3. Shields Lady ของเจนย์ แอนด์ เครซ เล่มนี้ก็เช่นเดียวกับ AWPL เพราะ สมัยที่มันออกขายในปี 1989 นี่เป็นหนังสือที่บุกเบิกและเปิดตานักอ่าน ทันสมัยมากจนคนยอมรับไม่ได้กับพล็อตเรื่องแนวพารานอมอล เหนือธรรมชาติ ผู้บุกเบิกมักประสบความยากลำบากเสมอ และเล่มนี้ก็เช่นกัน นักอ่านในสมัยนั้นยังไม่พร้อมกับความแปลกใหม่ขนาดนั้น ทำให้เรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่กับแม็กซ์เล่มนี้เป็นเรื่องที่แนะนำให้แม็กซ์รู้จักหนังสือแนวที่ตอนนี้ ร้อนแรงที่สุดอย่างพารานอมอล โรแมนซ์

4. Paladins Woman ของเบเวอร์ลี่ บาร์ตัน แม็กซ์เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไปแล้วล่ะ ลองหาในลิงค์รวมหนังสือดูแล้วกันนะคะ (อยู่ใต้ชื่อ The Protectors)

5. Captives of the night ของลอเร็ตต้า เชส ท่ามกลางกระแสของคนทั้งโลกที่ชอบ Lord of Scoundrel แม็กซ์ก็สวนด้วยการนิยมเล่มนี้ เรื่องราวของผู้ไถ่บาปจากกระทำในอดีตอย่างอิสเมล กับผู้หญิงที่เขาทำร้ายอย่างแสนสาหัส หนังสือที่สอนให้แม็กซ์รู้ว่า นางเอกไม่จำเป็นต้องโง่ ฉลาด ๆ ยังมีอีกเยอะ

6. Indiscreet ของอลิสัน เค้น คุณจะกลับคืนสู่ความมีชีวิตได้อย่างไร ในเมื่อคุณใช้เวลาหลายปีอยู่กับตัวเองตามลำพัง บนเกาะ ด้วยการเป็นตัวประกันของนักค้ายาเสพติด นั่นเป็นคำถามที่แพทริกพยายามตอบตัวเองหลังจากเขาได้รับการช่วยเหลือออกมา แล้ว เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มร่าเริงคนเดิม ประสบการณ์เปลี่ยนแปลงเขา และเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาอยู่ร่วมกับผู้คนได้ยังไง และสำหรับแอนนาเบล เขาคือความยุ่งยากที่เธอไม่ต้องการในชีวิต แต่เธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเซ็กซ์กลายเป็นความรัก หนังสือที่ทำให้แม็กซ์สามารถให้อภัยอลิสันได้ทุกครั้ง ที่อ่านหนังสือเล่มอื่นที่ห่วยของเธอ

7. Pearl Cove ของอลิซา เบ็ธ โลเวลล์ คนที่เคยคุยกับแม็กซ์ เชื่อว่าต้องเคยได้ยินแม็กซ์พูดถึงเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางนึง หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจมากพอจะให้แม็กซ์เดินทางไปบรูม ตอนที่มีโอกาสได้ไปออสเตรเลีย ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจออาร์เชอร์กับฮันนาห์หรอกนะ เพียงแต่อยากมองในสิ่งที่ตัวละครในเรื่องนี้ได้เห็นบ้าง นิยายหลายเล่มที่เพื่อน หรือคนรู้จักบอกว่า พระเอกรักนางเอกมากเลยนะ ไม่มีเล่มไหนที่เทียบกับเล่มนี้ได้ ความรักสำหรับแม็กซ์ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นการกระทำ และสิ่งที่อาร์เชอร์ทำให้ฮันน่าห์ก็คือความรักอย่างไม่มีข้อสงสัย (ไม่ใช่ตบสักฉาดแล้วก็บอกว่า ฉันรักเธอหรอกนะ --- นั่นมันอีกเรื่องนึง)

8. Silk and Shadows ของแมรี่ โจ พุทเน่ย์ หนังสือที่สอนให้แม็กซ์รู้จักการให้อภัย หลายครั้งที่แม็กซ์โกรธคนที่แม็กซ์รักมาก ๆ เพราะเป็นความผิดของเขา แต่ก็เป็นตัวเราเองที่เป็นฝ่ายง้อก่อน นั่นเพราะแม็กซ์คิดเสมอว่า เวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันไม่นานนักหรอก การจากกันด้วยความโกรธไม่ใช่สิ่งที่แม็กซ์ต้องการสำหรับคนที่แม็กซ์รัก สำหรับเพริกรีน เขาทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น และเขาก็หยุดทุกอย่างเพราะความรัก ทางเลือกที่ซาร่าให้กับเขา มีไม่มากนัก เพราะถ้าเขาแก้แค้น เธอก็จะไปจากเขา

9. Holding the dream ของนอร่า โรเบิร์ต แม็กซ์ว่านี่อาจเป็นหนังสือในฝันของนักบัญชีหลายคน เรื่องที่นางเอกซึ่งเป็นนักบัญชีผ่านมรสุมลูกใหญ่ในชีวิตกับข้อหายักยอกเงิน บริษัท ก่อนจะพบรักกับพระเอกสุดหล่อ ผู้บริหารโรงแรมชื่อดัง ผู้ชายที่แม็กซ์มองหามานับจากนั้น (แต่ยังไม่เจอ)

10. A Kiss in the Dark ของเมอริล ซอว์เยอร์ เมื่อนางเอกถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย พระเอกซึ่งเป็นอดีตคู่ปรับเก่า และทนายจำเลยผู้เก่งกาจก็ยื่นมือเข้ามาช่วย นี่เป็นหนังสือที่พระเอกเก่งโคตร นางเอกก็เปราะบางอ่อนแอ แม้จะดูเข้มแข็งภายนอก แนวเรื่องที่แม็กซ์ไม่น่าจะชอบ แต่ก็พบว่าตัวเองหลงเสน่ห์มิตช์ พระเอกเข้าให้อย่างจัง หนังสือที่แม็กซ์คิดว่าเป็น Once in a lifetime ของเมอริล เธอคงไม่มีวันเขียนหนังสือในระดับนี้ได้อีกแล้ว

สุดท้ายก็คงขอทิ้งท้ายไว้ว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของแม็กซ์ ซึ่งถ้าใครโชคร้ายได้รู้จักกับแม็กซ์ก็คงรู้ว่า รสนิยมแม็กซ์นี่มัน บางครั้งก็ประหลาด ของชอบของแม็กซ์อาจเป็นของแสลงของอีกหลายคน

So read at your own risk

No comments: