Saturday, February 7, 2009

ย้อนอดีต

ความรักที่แม็กซ์มีต่อหนังสือ เริ่มต้นตั้งแต่วันปิดเทอมอันแสนยาวนานในปี 2529 ที่แม็กซ์ได้ใช้เวลาสามวัน และน้ำตาอีกหลายกระบุงอ่านหนังสือเรื่อง Exodus ของ Leon Uris หนังสือ ที่ฝังใจ และทำให้แม็กซ์ไม่มีความเป็นกลางแม้แต่น้อยในการพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นใน ตะวันออกกลาง (แต่นั่นคืออีกเรื่องนึง) หลังจากนั้น นิทานสำหรับเด็กก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แม็กซ์เลือกอ่านอีกเลย

แม็กซ์ตะลุยอ่านนิยายแปลทั้งเก่า (เอาของแม่มาอ่าน) และใหม่ (สั่งซื้อเอง) ที่มีอยู่จนเกือบหมด ค้นพบนักเขียนมากมาย ทั้งโรเบิร์ต ลัดลั่ม (คนแต่งเรื่องเจสัน บอร์น) ทอม แคลนซี่ (ที่แจ๊ค ไรอันยังเป็นพระเอกในดวงใจ ไม่ว่าจะแก่แค่ไหนแล้ว) ซิดนีย์ เชลด้อน (ที่สอนให้แม็กซ์รู้ว่า ตัวเองไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี) และอีกหลายคน จากนั้นก็มาถึงช่วงเวลาที่บ้านิยายไทย ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่น่าจดจำ แต่แม็กซ์ก็ไม่อาจปฏิเสธรักแรกของตัวเองได้ แม็กซ์กลับไปหาหนังสือแปลอีกครั้ง เพื่อที่จะพบว่า ตลาดหนังสือแปลในเมืองไทยกำลังตายลงช้า ๆ

คนที่จำเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ก็จงดีใจว่าตัวเองอายุยังน้อยอยู่ หรือคุณอาจไม่ใช่คนที่เป็นแฟนหนังสือแนวเบสเซลเล่อร์ ในยุคที่กม.ลิขสิทธิ์ฉบับแรกมีผลบังคับใช้ นิยายแปลที่เคยทำกันอย่างเสรีก็ถูกจำกัด ปีนึงมีหนังสือแปลใหม่ (ที่ไม่ใช่โรแมนซ์นะ) ออกมาไม่ถึงสิบเรื่องด้วยซ้ำ แถมแต่ละเล่มก็แพงหูฉีก (รู้ค่ะว่าคำที่ถูกสะกดยังไง แต่ความรู้สึกมันฉีกจริง) หนังสือของจอห์น กริสชั่มเล่มนึงราคา 350 บาท แล้วลองเทียบกับเด็กมัธยมอย่างแม็กซ์ในตอนนั้นดู ไม่มีเงินซื้อหรอกค่ะ

แล้วความใจกล้าก็ส่งให้แม็กซ์ซื้อหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกมาอ่าน จำได้ว่าคือเรื่อง Patriot Games ของทอม แคลนซี่ที่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังอ่านไม่จบ จากนั้นก็เป็นเรื่อง It ของ Stephen King ที่ทนอ่านจนจบจนได้ และก็เป็นการเริ่มต้นความรักของแม็กซ์กะหนังสือภาษาอังกฤษ

แล้วแม็กซ์บ่นเรื่องราคาหนังสือภาษาไทยแพง ไม่มีเงินซื้อ แล้วไหงมีเงินมาซื้อภาษาอังกฤษที่แพงกว่าเล่า คำตอบง่าย ๆ ก็คือ ขอแม่ซื้อไง

เด็ก ๆ ลองมุขนี้ดูก็ได้ ลองขอเงินแม่สามร้อยไปซื้อหนังสือไทย นิยายไทย หรือหนังสือแปล แม่จะหยุดนิ่งคิดอยู่นาน แต่ถ้าบอกแม่ว่า แม่จ๋า จะซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านน่ะ แม่จะควักให้ทันควัน เพราะท่านคิดว่า ลูกเรามันเก่งจิงจิง อ่านภาษาอังกฤษออกด้วย

แม่ของแม็กซ์ตกหลุมพรางอันนั้นของแม็กซ์อยู่ปีกว่าค่ะ ก่อนจะฟื้นคืนสติแล้วรู้ความจริงว่า ลูกของเรามันบ้าไปแล้ว ขืนให้เงินมันซื้อ มีหวังหมดตัว

อีกอย่างสมัยนั้นค่าเงิน 1 ยูเอส = 25 บาท หนังสือเล่มละประมาณ 150 200 บาท

แล้วโรแมนซ์ล่ะ เข้ามาในชีวิตตอนไหน

แม็กซ์แก่แดดพอควรนะ อ่านโรแมนซ์เล่มแรกตอนเรียนป. 6 เรื่องกัปตันยอดรัก จำได้แค่นี้เองนะ และไม่คิดจะย้อนอดีตหาหนังสือเล่มนี้มาเก็บไว้เป็นของสะสมหรอกนะ เพราะมันทำให้แม็กซ์ลี้หนีห่างจากโรแมนซ์ไปอีก 3 ปีทีเดียว หนังสืออะไร พระเอกแก่ (36) หลอกนางเอกเด็ก (18 มั้ง) แล้วก็โคตรไม่พูด มีอะไร อีไม่พูด ปล่อยให้นางเอกเข้าใจผิด ผิด ผิด ผิด แล้วก็ผิด ก่อนจะมาลงเอยด้วย ผมรักคุณ ยายนางเอกคิดมากก็อ่อนระทวย

เล่มที่สองคือตามหัวใจไปสุดหล้า ที่นิดาแปลนั่นแหละ หนังสือที่แม็กซ์เข้าใจว่าเป็นสุดโปรดของใครหลายคน (รวมทั้งเธอด้วย) แต่แม็กซ์ไม่โปรด (ขอโทษด้วยนะค้า) และทำให้แม็กซ์เข็ดขยาดทะเลทรายไปจนถึงทุกวันนี้ (ที่แม้กระทั่งหนังสือสุดยอดของทุกคนอย่างฟ้าจรดทราย ก็ไม่เป็นที่โปรดของแม็กซ์)

และแม็กซ์ก็พอแล้วกับโรแมนซ์ จนกระทั่งอีกหลายหลายปีต่อมา เมื่อแม็กซ์อ่านนอร่า โรเบิร์ต และเจนย์ แอนด์ เครซ โดยไม่รู้ว่า นั่นแหละคือหนังสือโรแมนซ์ พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแฟนโรแมนซ์ไปแล้ว ไม่ว่าผลงานในปัจจุบันของทั้งสองคนนี้จะเป็นยังไง ทั้งคู่ก็เป็นนักเขียนที่เปิดตาให้แม็กซ์เห็นว่า โรแมนซ์ไม่ใช่ กัปตันยอดรัก โรแมนซ์มีทางเลือกที่มากมาย แล้วแต่ความชอบของคุณ แม็กซ์เชื่อนะ ว่าทุกคนอ่านโรแมนซ์ได้ ขึ้นอยู่กับว่า คุณค้นพบแนวเรื่องที่ถูกใจคุณหรือเปล่าเท่านั้นเอง

แต่เรื่องที่อยากเล่าจริงในวันนี้เป็นหนังสือ เล่มนึง ที่ตอนนี้คิดย้อนกลับไป มีความเป็นโรแมนซ์มากยิ่งกว่าหนังสือโรแมนซ์แท้ ๆ อีกหลายเรื่อง หนังสือที่อยู่ในใจของแม็กซ์เสมอ

Lightning ของดีน คูลซ์

แม็กซ์อ่านเล่มนี้ตอนเรียนม. 4 จำได้ว่าต้องไปสอบเทียบเพื่อเอาวุฒิม.ปลาย แล้วพกเล่มนี้ไปอ่านที่โรงเรียน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการหนีเรียนภาคบ่าย เพื่อกลับมานอนอ่านที่บ้านให้จบเล่มในวันเดียว หนังสือแนวตื่นเต้นสืบสวน ปนความลึกลับ เหนือธรรมชาติ ที่ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากความรัก

ในคืนวันฝนตกหนัก ชายลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในวันที่ลอร่า เชนเกิด เขามาพร้อมกับสายฟ้า เขาหยุดหมอติดเหล้าที่กำลังจะไปทำคลอดให้แม่ของเธอ และการกระทำเช่นนั้นก็ช่วยเธอไว้จากความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่าง คลอดจากฝีมือของหมอที่ไร้ความรับผิดชอบคนนั้น ตลอดเวลานับจากนั้น สายฟ้าฟาดอีกหลายครั้ง และทุกครั้งจะมีชายแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยลอร่าในยามคับขัน แต่เขาก็ไม่อาจช่วยเธอจากการสูญเสียพ่อและแม่ รวมทั้งเพื่อนสนิทได้ ด้วยอายุเพียงสิบสามปีเธอถูกส่งเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และโตขึ้นมาตามลำพัง เธอปรารถนาจะได้พบกับเทพผู้พิทักษ์เธออีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เหมือนทุกครั้ง เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น ลอร่าจะต้องสูญเสียคนผู้เป็นที่รักไป

ในคืนวันฝนตก ลอร่า สามี และลูกของพวกเขาเดินทางกลับบ้าน เธอเป็นนักเขียนมีชื่อ มีสามีผู้ที่รักเธออย่างยิ่ง มีลูกที่วิเศษสุด ทุกอย่างจบลงเมื่อมีคนลอบทำร้ายพวกเธอ และคราวนี้ชายแปลกหน้าคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาช่วยเธอและลูกได้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่มีความสูญเสียเกิดขึ้น สามีของเธอตาย และเธอ ลูก และชายลึกลับต้องหนีเอาชีวิตรอด

ความเป็นมาของสเตฟาน ชายลึกลับเป็นปริศนาใหญ่ที่สุดของเรื่อง ซึ่งเมื่อเผยออก หลายคนบอกว่า เรื่องนี้หมดความสนุกลงไป แต่สำหรับแม็กซ์มันเป็นความทึ่งที่ ผู้ชายคนนึงจะเดินทางข้ามเวลามาเพื่อปกป้องผู้หญิงที่เขารัก มันเป็นความรักที่เด็กม. 4 (ที่ไม่ได้อ่านโรแมนซ์) พบว่า น่าทึ่ง และยิ่งใหญ่

สเตฟานพบกับลอร่าครั้งแรก ในอนาคต ตอนที่เธอเป็นนักเขียนพิการเพราะการทำคลอดที่ผิดพลาด ลอร่าอยู่ตามลำพัง ไม่มีสามี และลูก เธอเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสลัดตัวเองออกจากระบอบความเชื่อล้างสมองที่ผู้นำ ของประเทศของเขา สั่งให้ทำลายโลก เขาข้ามเวลามาหลายครั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอดีต เพียงเพื่อจะพบว่า เขาไม่อาจทำให้ชีวิตของเธอสวยหรูตามต้องการได้ เขาเปลี่ยนชีวิตของเธอจากคนพิการที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว มาเป็นแม่ม่ายผู้ไว้อาลัยกับความตายของสามี นั่นก็ดีที่สุดที่เขาทำได้แล้ว

เล่มนี้อาจไม่ลึกลับเมื่อเทียบกับเล่มอื่นของ คูลซ์ ซึ่งเป็นนักเขียนที่มีชื่อในด้านนี้ แต่อาจเป็นองค์ประกอบของส่วนโรแมนซ์นี่แหละที่ทำให้เล่มนี้อยู่ในใจของแม็ก ซ์

แล้วก็ขอถือโอกาสแนะนำ คนที่ชอบความแตกต่าง หรือเริ่มเบื่อโรแมนซ์ หนังสือของดีน คูลซ์มีองค์ประกอบของโรแมนซ์อยู่ครบถ้วน อาจไม่ใช่พล็อตแนวโรแมนซ์ แต่คุณปฏิเสธความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องไม่ได้เลย

No comments: