Saturday, February 7, 2009

Jacob // Jacquelyn Frank

แม็กซ์ไม่รู้ว่า นักอ่านคนอื่นสนใจคำชมที่นักเขียนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว กล่าวชมนักเขียนเจ้าของหนังสือที่คุณกำลังอ่านอยู่ไหม เพราะแม็กซ์แทบไม่ได้สนใจคำชมเหล่านั้น ไม่ได้คิดว่าความเห็นของนักเขียนจะดีไปกว่าคนอื่น อีกอย่างแม็กซ์คิดว่า มันน่าจะมีลับลมคมนัยอยู่นะ ที่จู่ ๆ นักเขียนคนนึงจะชมนักเขียนอีกคน ซึ่งถือเป็นคู่แข่งกันด้วย นอกไปจากเสียว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกัน และรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ดังนั้นคำชมเหล่านั้นจึงไม่น่าเชื่อถือ เพราะเพื่อนก็ย่อมต้องบอกว่าดีอยู่แล้ว

แต่เมื่อแม็กซ์ได้อ่านบลอกของลินน์ วีลที่พูดถึงเรื่องนี้ก็เลยเกิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ลินน์พูดถึงสมัยที่เธอเริ่มเขียนนิยายใหม่ ๆ แล้วนักเขียนชื่อดังคนนึง (ซึ่งเธอไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร) ปฏิเสธไม่ยอมอ่านหนังสือของเธอ โดยบอกว่าไม่มีเวลา ซึ่งเธอก็พูดว่า ไม่ได้โกรธเคืองหรอกนะ (แต่ดันเอามาเล่าให้ฟังในบลอก) แล้ววันนึง หลังจากที่เธอเริ่มสร้างชื่อในแวดวงแวมไพร์โรแมนซ์กับชุดดาร์คคินของเธอ บรรณาธิการของเธอก็ขอให้เธออ่านหนังสือของนักเขียนหน้าใหม่คนนึงที่เขียน เรื่องในแนวแวมไพร์โรแมนซ์เช่นกัน ลินน์ตอบตกลง และเธอก็นั่งลงอ่าน (เป็นศัพท์ที่เธอใช้นะ แม็กซ์ไม่รู้ว่าเธอมีอาการยืนอ่าน หรือนอนอ่านรึเปล่า) แล้วพบว่ามันเป็นหนังสือที่ดีที่สุดเล่มนึงที่เธอมีโอกาสได้อ่าน จากนั้นเธอจึงเขียนรีวิว ซึ่งทางสำนักพิมพ์ก็เอารีวิวนั้นไปแปะที่ในหนังสือเล่มนั้น รวมทั้งเอาเป็นจุดโฆษณาด้วยว่า เรื่องนี้ ลินน์ วีลชมว่า....

อยากรู้ไหมคะว่าหนังสือเล่มนั้นคือเรื่องอะไร

นั่นก็คือ Dark Lover ของเจอาร์ วาร์ด ซึ่งต่อมาเพียงปีกว่าหนังสือชุดนี้ก็กลายเป็นหนังสือขายดีระดับนิวยอร์คไทม์ ผลที่กลับมาน่ะเหรอ ลินน์บอกว่า ยอดขายหนังสือของเธอเองก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะคนอ่านซึ่งไม่เคยรู้จักลินน์ แต่อ่านงานของเจอาร์ หันมาให้ความสนใจงานของนักเขียนที่มีชื่อแปะอยู่ในหนังสือของเจอาร์ ซื้องานของเธอมาอ่านด้วยความอยากรู้ว่าดาร์คคินมันเป็นยังไงนะ

สถานการณ์กลับกันแล้ว การตัดสินใจเขียนคำชมของลินน์ (ซึ่งเริ่มต้นเขียนแวมไพร์โรแมนซ์ก่อนเจอาร์) ทำให้ชื่อเสียงของเธอเองดังขึ้น ผ่านทางความโด่งดังที่เจอาร์ได้รับ

นี่เป็นมุมมองที่แม็กซ์ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วยังมีอีกอย่างที่แม็กซ์รู้สึก นั่นคือ สำนักพิมพ์มักจะหานักเขียนที่มีแนวการเขียนคล้ายคลึงกันมาอ่านงานของนัก เขียนหน้าใหม่ แล้วให้นักเขียนเหล่านั้นรีวิว ซึ่งถ้าผลการรีวิวออกมาดี ทางสนพ.ก็จะตัดคำชมมาแปะในหน้าสือ

นี่ก็เลยทำให้แม็กซ์คิดได้ว่า ถ้าเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนักเขียนคนนี้ ลองดูชื่อนักเขียนที่รีวิวหนังสือของเธอดูดิว่าเป็นใคร เราอาจจะได้ข้อมูลเลา ๆบ้างก็ได้

และก็นำมาถึงเรื่องที่แม็กซ์จะรีวิววันนี้ นักเขียนที่เล่าลือกันว่ามาแรงแซงทางโค้ง เพราะด้วยหนังสือเพียงสองเล่ม เธอกลายเป็นนักเขียนที่ติดอันดับนิวยอร์คไทม์ไปแล้ว (แม้ว่าข้อมูลวงในจะบอกแม็กซ์ว่า เป็นเพราะการทุ่มโฆษณาของเคนซิงตัน) นักเขียนแนวพารานอมอลโรแมนซ์อีกคนที่เริ่มสะสมสาวกแฟนคลับเหมือนที่เชอริลีน เคนยอนทำ

แจ๊คเกอลิน แฟรงค์ กับชุด คนเดินกลางคืน ของเธอ โอเคแม็กซ์อาจจะแปลไนท์วอร์คเกอร์ไม่ถูกต้องนัก เพราะเหล่าไนท์วอร์คเกอร์ไม่ใช่คน แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเหนือธรรมชาติ (อีกแล้ว)

ตัวละครที่ถูกโฟกัสก่อนก็คือเดม่อน ที่ไม่ใช่ปีศาจในความหมายที่เราคุ้นเคย เดม่อนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนคนธรรมดานี่แหละ พวกเขามีข้อดียิ่งกว่าไนท์วอร์คเกอร์ชนิดอื่น ตรงที่แสงอาทิตย์ไม่อาจฆ่าพวกเขาได้ เพียงแต่จะทำให้ง่วงนอน จนเป็นจุดอ่อนที่เปิดโอกาสให้ศัตรูฆ่าพวกเขาได้ เดม่อนเป็นอมตะ และแข็งแกร่งมาก จุดอ่อนเดียวของพวกเขาก็คือ พ่อมดจากโลกของมนุษย์ ที่ท่องมนตร์แล้วเรียกชื่อจริงของพวกเขา ร่ายคาถาที่เปลี่ยนแปลงร่างกายและจิตใจของพวกเขา จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในเรื่องเล่าของมนุษย์ และเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ก็ไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เดม่อนตัวนั้นต้องถูกกำจัด เพื่อความปลอดภัยของมนุษย์โลก

เจค็อบเป็นผู้คุมกฎ (นึกถึงหนังจีนเข้าไว้) เป็นผู้รักษาระเบียบในหมู่เดม่อน กฎบังคับข้อสำคัญที่ว่า จะต้องไม่มีความสัมพันธ์ข้ามเผ่าพันธุ์เป็นอันขาด เพราะในเดือนที่พระจันทร์เต็มดวงเหล่าเดม่อนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะออกล่ามนุษย์เพื่อมีความสัมพันธ์ด้วย การกระทำนั้นเป็นเรื่องผิดมหันต์ เพราะบันทึกของเหล่าเดม่อนที่สืบทอดกันมานานบอกเอาไว้อย่างชัดเจน เดม่อนจะทำร้ายมนุษย์เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ ความสัมพันธ์ที่พังมาตั้งแต่เริ่มต้น

และก็เหมือนโรแมนซ์ที่ดี เจค็อบพบว่าตัวเองติดใจอิซาเบลมนุษย์สาว แน่ละว่าต้องสวย แต่เธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ในระหว่างที่เจค็อบออกล่าเดม่อนที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยมนตร์ดำ เขาได้พบกับเธอ ที่ถูกกระตุ้นด้วยเสียงเรียกเช่นกัน และก็เป็นอิซาเบลต่างหากที่เป็นผู้ลงมือฆ่าเดม่อนตัวนั้น

ไม่เคยมีมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์เดม่อน ที่มนุษย์ธรรมดาจะทำร้ายเดม่อนได้ ดังนั้นอิซาเบลย่อมต้องเป็นคนพิเศษแน่นอน

คำที่เขียนคำชมให้กับเรื่องนี้ก็คือ คริสตีน ฟีแฮน ดังนั้นด้วยทฤษฎีของแม็กซ์ก็ย่อมต้องเดาได้ว่า เรื่องของแจ๊คเกอลินย่อมต้องให้กลิ่นอายของ มือว่าง อยู่แน่ และก็จริง องค์ประกอบหลายอย่างในเรื่องเตือนให้นึกถึงชุดคาร์พาเธียนของเธอ แต่เป็นไปในทางที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยแม็กซ์ก็กล้าบอกว่า เจค็อบเล่มนี้ ดีกว่าดาร์ค พรินซ์ซึ่งเป็นเล่มแรกของฟีแฮน

แต่อย่าเข้าใจผิดว่า แจ๊กเกอลินจะเหมือนฟีแฮนหรอกนะ เพียงแต่บรรยากาศในเรื่องคล้ายคลึงกัน แต่อย่างน้อยเหล่าเดม่อนก็ไม่อยู่ท่ามกลางความรันทด เหมือนตัวละครผู้ชายของฟีแฮนอยู่กัน เดม่อนมีสังคมของตัวเอง สังคมที่อาจปิดกั้น แต่ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลง

แม็กซ์ชอบการที่เจค็อบยอมรับกับตัวเองว่าต้องการ อิซาเบลทั้งที่รู้ว่าผิดหน้าที่ ในขณะเดียวกันก็พยายามห้ามตัวเองให้ถือที่สุด ชอบที่อิซาเบลที่ถูกบรรยายว่าเป็นคนพิเศษ มีพลังพิเศษ และเป็นบุคคลในตำนานที่จะมาเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของเดม่อน ทำตัวเป็นคนเช่นนั้น เพราะนางเอกหลายคนที่ถูกบรรยายว่าเป็นอย่างนั้น เอาเข้าจริงในเรื่อง ก็รอพระเอกมาช่วยอย่างเดียว

อิซาเบลเป็นางเอกที่โอเค พอกับเจค็อบที่เป็นพระเอกที่ใช้ได้ ไม่ถึงกับฮือฮา แต่ก็มากพอจะทำให้แม็กซ์คิดจะติดตามอ่านเรื่องชุดนี้ต่อ

คำบ่นมีอย่างเดียวก็คือ ภาษาของแจ๊กเกอลินมันโบราณไปสักสามสิบปี ถ้าไม่ดูเนื้อเรื่องหรือหน้าปก แม็กซ์ก็คงคิดว่าเรื่องนี้เขียนโดยเคธลีน วู้ดดิวิสแล้วล่ะ ภาษาดอกไม้ ผึ้งตอมมาก

อ่านไปแล้วอยากจะพูดเหมือนกันว่า มนุษย์เขาไม่พูดกันแบบนี้หรอก แต่พอนึกอีกที เดม่อนมันก็ไม่ใช่มนุษย์นี่นา

ก็เลยปล่อยอีไป

คะแนนที่ 70 ค่ะ (เทียบกับ Dark Prince ที่ 53, Dark Lover ที่ 70, Night Pleasures ที่ 85, If angel burn ที่ 57 เทียบกันในฐานะที่เป็นเล่มแรกของชุด)

No comments: