Saturday, February 7, 2009

Don't Talk back to your vampire // Michele Bardsley

เมื่อราวปีที่แล้ว แม็กซ์อ่านหนังสือของนักเขียนหน้าใหม่ (ในพรินต์บุ๊ค) ที่ชื่อมิเชล แบดสลีย์ เรื่อง Im the Vampire, thats why แล้ว ประทับใจมาก แม็กซ์ชอบตัวละครของเธอโดยเฉพาะนางเอกที่ไม่ทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้า ดูเป็นมนุษย์ปุถุชน ในขณะเดียวกันก็ไม่ถึงกับเห็นแก่ตัวเหมือนนางเอกชิคลิค

แม็กซ์คิดว่าเจสสิก้าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง นางเอกโรแมนซ์ยุคใหม่ ที่ไม่ต้องรอให้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย แต่ก็ไม่ใช่นิสัยของหญิงตะวันตกที่ดูเห็นแก่ตัวเกินเหตุ

ดังนั้นเมื่อเล่มสองในชุดเรื่อง Dont talk back to your vampire ออก มา แม็กซ์จึงรีบจับจองมาเป็นเจ้าของ และอ่านจบอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เขียนรีวิวถึงทันทีหรอก (นั่นหมายความว่าแม็กซ์อ่านเรื่องนี้จบไปเกือบเดือนแล้วล่ะ) เพราะมันไม่ได้น่าสนใจเหมือนเล่มแรกไง

ส่วนหนึ่งเพราะอีฟนางเอกเล่มนี้ไม่ใช่เจสสิก้า แต่ดูเหมือนคนแต่งจะพยายามใช้สูตรสำเร็จเดิมมาใช้ ด้วยการทำให้เธอเหมือนเจสสิก้า และนั่นคือปัญหา

อีกอย่างก็คือการเล่มเรื่องที่ใช้นางเอกเป็นผู้เล่าทั้งเรื่อง โดยผ่านมุมมองการบรรยายโดยใช้คำว่า ฉัน ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งเรื่อง คนอ่านจะรับรู้ทุกอย่างผ่านการประมวลผลของอีฟ ปัญหาคือ อีฟไม่รู้เรื่องอะไรเลย

มาดูพล็อตกันก่อนแล้วกัน

being a mother is never easy-especially when you're undead.

Eva LeRoy, Broken Heart, Oklahoma's librarian, got "vampified" when everyone else did: during a rogue vampire's feeding frenzy. But books still make her undead heart beat-and, strangely enough, so does Lorcan the Loner, the vampire who killed her...

เรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ต่อจากเล่มแรก เมื่อลอร์แคนซึ่งเสียสติจากการโรคระบาดในหมู่แวมไพร์อาลวาดไล่ฆ่าคน บริสุทธิ์ไปสิบกว่ารายในเมืองโบคเค่นฮาร์ท ทำให้บรรดาแวมไพร์ที่รวมตัวกันเรียกตัวเองว่า เดอะ คอนโซเตียม ต้องยื่นมือเข้ามาชุบชีวิตเหล่าคนตายด้วยการเปลี่ยนพวกเขาเป็นแวมไพร์ และอีฟนางเอกก็เป็นหนึ่งในผู้บริสุทธิ์ที่ต้องกลายเป็นแวมไพร์ด้วย

มันเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก เมื่อผู้ชายที่คุณแอบปิ๊งคือคนที่ฆ่าคุณ

แต่อีฟและลอว์ก็มีความสัมพันธ์กัน ปัญหาก็คือ แม็กซ์ไม่เห็นจะรู้สึกว่า อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้ทั้งสองคนนี่ปิ๊งกันเลย มีแต่คนแต่งบอก แล้วก็บอก แล้วก็บอกคนอ่านว่า ทั้งคู่ปิ๊งกัน

ยิ่งไปกว่านั้นพล็อตเรื่องที่ไม่ถึงกับซับซ้อน แต่ดันไม่ได้เกิดโดยที่อีฟรับรู้ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้าง หลัง นั่นเพราะวิธีการเล่าเรื่องที่อีฟเป็นผู้เล่าเรื่อง ดังนั้นเหตุการณ์ใดก็ตามที่อีฟไม่เกี่ยวข้อง คนอ่านก็จะไม่รู้เลย จนกระทั่งใครบางคนเล่าให้อีฟฟัง

และนั่นก็เหมือนกับหนังสือครึ่งเรื่องผ่านเลยไป โดยคนอ่านไม่รู้เลยว่า มันเกิดอะไรขึ้นวะ

อย่างฉากที่ควรจะซึ้งเมื่ออีฟติดโรคระบาดของแวม ไพร์ และถูกขังเดี่ยว คนอ่านได้แต่อยู่ในห้องขังกะอีฟ โดยไม่รู้หรอกว่าลอว์พยายามเช่นไรในการช่วยชีวิตเธอ หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มารู้อีกที ผู้ร้ายก็บุกมาแล้ว บอกว่าทำโน่น ทำนี่สารพัด

แล้วความน่าตื่นเต้นมันจะอยู่ตรงไหน

แม็กซ์เข้าใจนะว่าคนแต่งต้องการให้สมจริง อีฟไม่ใช่นักรบอย่างนางเอกแนว Urban Fantasy คนอื่น จึงเป็นไปไม่ต้องที่เธอจะอยู่ร่วมในการต่อสู้กับศัตรู แต่ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรเลือกวิธีเล่าเรื่องแบบนี้

มันไม่เหมาะกับเนื้อเรื่องเลย

ขัดใจค่ะ เพราะพล็อตเรื่องก็พอโอเค ตัวละครก็น่ารักดี แต่อ่านไปแล้วเหมือนดูเพิ่งออกไปเข้าห้องน้ำในโรงหนังค่ะ กลับมาดูไม่รู้เรื่อง

คะแนนที่ 53

No comments: