Friday, September 26, 2014

Review: Howl For It


Howl For It
Howl For It by Shelly Laurenston

My rating: 4 of 5 stars



เล่มนี้ได้รับการลัดคิวอย่างด่วนเพื่อมาอ่านเลยค่ะ หลังจากได้ตัวเล่มจากร้านหนังสือแล้ว ก็เริ่มต้นอ่านทันที เพราะเป็นเรื่องราวของคาแร็คเตอร์ที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง Big Bad Beast เรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อแม่ของนางเอกในเล่มนั้นค่ะ ซึ่งคนที่อ่านไปแล้วก็จะรู้ถึงความ "พิเศษ" ของผู้เป็นพ่อดีนะคะ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากอ่านเรื่องราวความรักของคู่พ่อแม่ อยากเห็นว่าพวกเขาจะ "จีบ" กันยังไง

อย่างไรก็ตามเล่มนี้เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นค่ะ นอกจากเรื่องของเชลลี ลอว์เรนสตันซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เราอยากอ่านแล้ว ก็ยังมีอีกเรื่องของซินเธีย เอเดน ซึ่งก็เป็นนักเขียนที่เราชอบมาก ๆ อีกคนนึง นั่นจึงทำให้ความคาดหวังในเล่มนี้ค่อนข้างสูงพอควร ซึ่งค่อนข้างแปลกเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรื่องสั้น ๆ อย่างเรา

Like a Wolf with a Bone ของเชลลี ลอว์เรนสตัน

เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุด Pride ค่ะ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเรื่องราวในชุดย้อนไปไกลประมาณสามสิบปีก่อน โดยเป็นเรื่องของคู่รุ่นพ่อแม่ของนางเอกเรื่อง Big Bad Beast

เอ็กกี เรย์ สมิธที่เพิ่งได้รับคำสั่งจากกองทัพให้พักร้อนโดยด่วน เพราะเขาเริ่มทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่สบายใจ (ซึ่งเอ็กกี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหรว่า เขาทำให้ใครไม่สบายใจได้ยังไง ในเมื่อเขาก็ไม่ชอบยุ่งกะใคร แค่ชอบในงานที่ตัวเองได้รับคำสั่งให้ทำ ก็คือการฆ่า) ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางกลับไปบ้านเกิด แต่พอไปถึงก็โดนเหล่าพี่น้องลากไปที่อีกเมืองนึง เพราะบรรดาพี่น้องของเขาแต่งงานกับสาว ๆ ของตระกูเลวิสซึ่งแต่ละคู่ก็สร้างปัญหาปวดหัวด้วยการเถียงกันตลอดเวลา

เอ็กกี้ไม่เข้าใจเสน่ห์ของสาวตระกูลเลวิสว่ามีอะไรดี แต่ละคนล้วนพูดมาก ขี้บ่น จนกระทั่งเขาได้พบกับดาร์ลา เมย์ เลวิส น้องสาวคนเล็กของตระกูล แค่เพียงแว่บแรก เอ็กกี้ก็หลงใหลเธอเข้าอย่างจัง ดังนั้นเมื่อดูเหมือนว่า ดาร์ลาตกเป็นเป้าหมายการตามปองร้ายของมนุษย์ที่ส่งทีมนักฆ่าออกมาล่าตัวเธอ เอ็กกี้ก็แสดงฝีมือเข้าปกป้อง พร้อมทั้งพาตัวดาร์ลาไปยังที่ปลอดภัยที่สุด

บ้านของเขาเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว (ประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่าหน้าของหนังสือไซด์เทรด) ซึ่งความยาวกำลังพอดีกับเนื้อเรื่องค่ะ เพราะตามสไตล์ของคนแต่งคนนี้ พล็อตไม่สำคัญเลยนะคะ ทุกอย่างอยู่ที่คาแร็คเตอร์ และการจับคู่เอ็กกี้ กับดาร์ลาก็เหมาะเจาะลงตัวมาก

ไม่เคยคิดนะคะว่า จะอ่านหนังสือที่มีพระเอกชื่อแสนจะไม่โรแมนติกแบบเอ็กกี้ได้ (ซึ่งเรื่องนี้ดาร์ลาก็เปรยเอาไว้ในเรื่อง ว่าผู้ชายของเธอนั้นดีทุกอย่างยกเว้นมีชื่อว่าเอ็กกี้) แต่เรื่องนี้กระทั่งชื่อก็ไม่ทำให้เราถอยค่ะ หมาป่าผู้รักความสันโดดอย่างเอ็กกี้เมื่อเจอความรัก เขาก็จัดการกับมันในแบบของเขาเอง เราชอบที่คนแต่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวตนของเขา เพียงแต่เขารวมเอาดาร์ลาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

ชอบมาก ๆ กับฉากตอนที่ (สปอยล์เล็กน้อย) ดาร์ลาเอารถของเอ็กกี้ไปขับ แล้วโดนชนมาพังยับ เขาไม่พูดอะไรสักคำ ไม่สนใจด้วยซ้ำ (ซึ่งแตกต่างจากคาแร็คเตอร์อื่น ๆ ในเรื่องชุดนี้พอควร) เพราะตัวตนของเขาไม่เหมือนกับคนอื่น สิ่งเดียวที่เขาห่วงก็คือดาร์ลา

งานเขียนของแชลลีเขียนรีวิวยากค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับอะไรดี การบรรยายงานเขียนของเธอทำได้ยาก ต้องลองอ่านเอาเองแล้วจะรู้นะคะ คือถ้าชอบก็คือชอบ แต่ถ้าไม่ชอบก็คงจะไม่มีวันชอบ เราเป็นพวกที่ชอบค่ะ เราชอบมุมมองของเธอ แตกต่างจากนักเขียนคนอื่น เธอเป็นคนที่เขียนเรื่องแนวตลกร้ายได้ดีมากที่สุดคนนึง

คะแนนที่ 83

Wed or Dead ของซินเธีย เอเดน

ซินเธีย เอเดนค่อนข้างโชคดี แต่ในขณะเดียวกันก็โชคร้าย นะคะที่ได้จับคู่ออกเรื่องสั้นในหนังสือเล่มเดียวกับเชลลี ลอว์เรนสตันมาหลายเรื่องแล้ว ที่โชคดีเพราะมีแฟนงานเขียนของเชลลีมากพอจะช่วยกันซื้อหนังสือจนติดอันดับหนังสือขายดี แต่ในขณะเดียวกันสไตล์การเขียนของซินเธียก็แตกต่างจากเชลลีมากมาย

สำหรับเราไม่มีปัญหากับสไตล์การเขียนที่แตกต่างนะคะ ไม่ได้คิดจะเอาไปเปรียบเทียบ เพราะคิดว่า นักเขียนแบบเชลลี ลอว์เรนสตันมีแค่หนึ่งเดียว ซินเธีย เอเดนเป็นนักเขียนแนวพารานอมอลทั่ว ๆ ไป ที่เขียนเรื่องค่อนข้างตามสูตรพอสมควร แต่เราชอบวิธีการเล่าเรื่อง และคาแร็คเตอร์ของเธอ จนทำให้ซินเธียเองก็เป็นหนึ่งในนักเขียนที่เราชอบมากคนนึง

ถ้าเปรียบเทียบเล่มนี้กับเรื่องสั้นเรื่อง ๆ ที่เะอเขียน (โดยเฉพาะที่รวมเล่มขายกะเชลลี) เราชอบเรื่องนี้อาจจะน้อยที่สุดนะคะ ทั้งที่เรื่องนี้ยาวกว่าเรื่องอื่น ๆ และเราเป็นคนชอบเรื่องขนาดยาวมากกว่านั้น

ส่วนหนึ่งเพราะเรารู้สึกว่า เรื่องนี้เริ่มต้นที่กลางเรื่อง เราไม่รู้จักคาแร็คเตอร์ดีพอที่จะเข้าใจแรงจูงใจของพวกเขา เลยทำให้เราไม่ผูกพันกับตัวละคร และไม่มีส่วนร่วมไปกับเนื้อเรื่อง

เรื่องเล่าถึงเคย์ลา นักล่าที่แฝงตัวเข้าไปสนิทสนมกับเกจ ไรเดอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของฝูงหมาป่าที่เพิ่งเข้ายึดครองลาสเวกัส เคย์ลาได้รับคำสั่งให้ทำทุกอย่างเพื่อใกล้ชิดกับเกจ และนั่นหมายความว่า เธอจะต้องยอมเข้าพิธีแต่งงานกับเขาด้วย

คืนวันแต่งงานยังไม่ทันจะสิ้นสุดลงด้วยซ้ำ เคย์ลาได้รับคำสั่งให้ลงมือสังหารเกจ คำสั่งที่เธอไม่อาจทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน

ขณะที่เคย์ลาไม่อาจลงมือได้ เจ้านายของเธอก็ส่งทีมตามเข้ามาจัดการเกจ ซึ่งแทนที่จะหนีไปตามลำพัง เขากลับพาตัวเคย์ลาไปด้วย เพราะเกจได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเคย์ลามาตั้งแต่ต้น และแม้รู้ว่าเคย์ลาจะทรยศเขาในที่สุด แต่มันก็ไม่สำคัญ เขายังคงต้องการเธอเป็นคู่

เรื่องนี้มันเริ่มต้นแบบขาดช่วงน่ะค่ะ เหมือนเดินเข้าไปดูหนังแล้วฉายไปแล้วครึ่งเรื่อง เราไม่เห็นตอนที่เกจ และเคย์ลาพบกัน ไม่เห็นความสัมพันธ์ในส่วนนั้น มันเลยทำให้เรายากที่จะเชื่อในความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้ต่อกัน เลยดูเหมือนทุกอย่างเป็นการ "กำหนด" จากคนแต่ง ให้เคย์ลาเลือกเกจ แทนที่จะเป็นทีมของเธอที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต ทำให้เกจเลือกเคย์ลา แม้จะหมายถึงนำอันตรายมาสู่ฝูงที่เขาเป็นผู้ดูแล

ความเชื่อในความผูกพันของพระเอกนางเอกเป็นเหตุผลใหญ่ที่เราไม่อาจเข้าถึง หรือซึ้งไปกับเรื่องราวได้ เราไม่รู้สึกว่า การเสียสละของเกจ หรือเคย์ลาเป็นสิ่งที่สูงส่ง ดังนั้นแม้ว่าเนื้อเรื่องต่อมาจากนั้นจะถือว่า สนุกและน่าติดตาม (เหมือนหนังแอ็คชั่นในระดับนึง) เราก็ไม่อาจเข้าไปในเนื้อเรื่องได้

เราคิดว่า ถ้าเรื่องนี้เขียนเป็นหนังสือเต็มเล่มอาจจะดีกว่านี้ ทำให้คนอ่านได้เห็นความผูกพัน เห็นความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างเกจ และเคย์ลา อาจจะทำให้เราเข้าใจแรงจูงใจในการกระทำของพวกเขามากกว่านี้ได้

คะแนนที่ 63

สรุปว่า ถ้าเป็นแฟนงานเขียนของเชลลี ลอว์เรนสตัน ก็คุ้มค่าที่จะซื้อมาอ่านนะคะ เราอ่านเรื่องสั้นของเธอจบไป ตอนนี้อยากกลับไปอ่าน Big Bad Beast อีกรอบแล้วล่ะค่ะ อยากเปรียบเทียบว่า เอ็กกี้ในวัยกลางคนเหมือนหรือแตกต่างจากตอนเป็นหนุ่มยังไงบ้าง (เท่าที่จำได้ไม่เปลี่ยนนะคะ ยังชอบคุ้ยถังขยะเหมือนเดิม)




View all my reviews

No comments: