หลายคนคงจะพอรู้ว่าแม็กซ์เคยบ้าชุดดาร์คฮันเตอร์ของเชอริลีน เคนย่อน และกำลังบ้าหนังสือชุด BDB ของเจอาร์ วาร์ดมากแค่ไหน สำหรับหนังสือทั้งสองชุด มันเป็นรักแรกค่ะ อ่านเล่มแรกก็ทำให้เกิดอาการรู้สึกว่า ชุดนี้มันช่างน่าสนใจ และน่าติดตาม ทำให้เกิดอาการรอคอยหนังสือแต่ละเล่มให้ออกมาอย่างใจจดจ่อ
และแม็กซ์ไม่เกิดอาการเช่นนี้กับหนังสือชุด Darkyn ของลินน์ วีลล์เลยแม้แต่น้อย อันที่จริงแม็กซ์ไม่สบอารมณ์กะพระเอกและนางเอกของเล่มแรก (If angel burns) เลยด้วยซ้ำ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่ค่ะ
แต่แล้วก็เหมือนกับผู้หญิงที่สวยแบบงามพิศ ที่ความงามไม่ได้เปล่งประกายมาตั้งแต่แรกเห็น มันค่อย ๆ ก่อตัว จึงถึงวันนึง ผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นคนที่สวยที่สุดที่คุณเคยพบ หนังสือชุดดาร์คคินก็เช่นกัน
เพราะหลังจากอ่านมาแล้วห้าเล่ม ในเล่มที่หกเล่มนี้ แม็กซ์รู้สึกว่า มันมาถึงชุดที่แม็กซ์ชอบชุดนี้เหลือเกิน
Twilight Fall ของลินน์ วีลล์
อย่างที่บอกค่ะ หนังสือชุดนี้ไม่ได้ทำให้เกิดอาการอยากอ่านชนิดจะลงแดง หรือต้องตั้งหน้าตั้งตารอคอย แต่มันเป็นหนังสือที่แม็กซ์ซื้อทันทีที่ออกวางขาย และรีบอ่านในเวลาอันสั้น และอย่างช้า ๆ โดยที่แม็กซ์ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ แม็กซ์พบว่าตัวเองชื่นชอบชุดนี้ไปไม่น้อยกว่าชุดแนวพารานอมอลเล่มอื่น ๆ เลย
สำหรับการเป็นเล่มที่หกในชุด และในฐานะที่ตัวเองเป็นคนที่อ่านเรื่องชุดนี้ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เล่มแรก แม็กซ์คงต้องบอกว่า ถ้าคิดจะเริ่มอ่านที่เล่มนี้อาจจะทำให้เกิดอาการงงชีวิตอยู่เล็กน้อย มันไม่จำเป็นที่ต้องนั่งอ่านเรียงกันตั้งแต่เล่มหนึ่งไล่มาจนถึงเล่มหก แต่แม็กซ์ก็คิดว่า อย่างน้อยน่าจะอ่านเล่มสองก่อน
เพราะพระเอกในเรื่อง วาเลนติน จอร์ส (มาจาก Jaus ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าให้ออกเสียงเหมือนคำว่า jaws) เป็นชายหนุ่มผู้อกหกจากนางเอกในเล่มสอง ทั้งที่แอบหลงรักเจ้าหล่อนมาตั้งนาน แต่สุดท้ายก็โดยพระเอกเล่มสองแอบงาบไป แถมที่แสบกว่า พระเอกเล่มสองก็ยังชนะการประลองตัดแขนวาเลนตินไปอีก แต่พระเอกไม่ได้เป็นเดช ไอ้ด้วนนะคะ เพราะนางเอกเล่มหนึ่งเป็นหมอที่เก่งมาก ต่อแขนให้ เพียงแต่ใช้การไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง
ก่อนจะเล่าต่อ ของปูพื้นประวัติบรรดาเหล่าดาร์คคินก่อนแล้วกัน เพราะแม้จะเป็นหนังสือชุดแนวแวมไพร์เหมือนกัน แต่เราก็รู้กันดีกว่า คนแต่งมีวิธีการในการสร้างประวัติศาสตร์ของแวมไพร์ที่ต่างกัน เตือนนิดเดียวก็คือ เรื่องที่เล่านี้มันอาจจะเป็นการสปอยล์เล่มหนึ่งได้นะคะ
เหล่าดาร์คคิน (หรือก็แวมไพร์นั่นแหละ) เป็นอดีตนักรบพระที่รู้จักกันในนามของไนท์ เทมเพาลล์ ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขาได้รับชีวิตที่เป็นอมตะ แต่ต้องดื่มเลือด และทำให้กลายเป็นเป้าหมายในการตามล่าของกลุ่ม บรีธเทน ซึ่งแฝงตัวเป็นพระปลอมอยู่ในคาธอริก (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ แม็กซ์ว่าลินน์ไม่กล้าพอที่จะให้ผู้ร้ายเป็นพระคาธอริกก็เลยเน้นและย้ำเสมอ ว่า กลุ่มบรีธเทนนี่เป็นพระปลอม ไม่ใช่พระจริง ๆ เพียงแต่ปลอมตัวอยู่ในศาสนา และถูกส่งมาทำงานเพื่อเป้าหมายของกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่วาติกันต้องการ -- คาดว่าเธอคงกลัวโดนประท้วงอย่างเรื่องดาวินชี่ โค้ดน่ะค่ะ)
การตามล่า + ฆ่าระหว่างคาร์คคิน และบรีธเทนเป็นพล็อตหลักของเรื่อง แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีปริศนาโผล่มาให้คบคิดกันหลายเรื่อง ทั้งนี้ทุกเล่มติดตามความสัมพันธ์ของไมเคิล ไซเปี้ยน และอเล็กซานดร้าซึ่งเป็นคู่พระเอกนางเอกเล่มหนึ่งโดยตลอด (สรุปว่าแต่ละเล่มนี่จะมีเรื่องของคู่พระเอกนางเอกหลัก แล้วมีพล็อตรองเป็นเรื่องของไมเคิลและอเล็ก)
ในเล่มนี้วาเลนตินซึ่งเป็นดาร์คคินที่ดูแลเขตชิคาโก้ คาร์คคินจะแบ่งเขตการปกครองออกเป็นทวีป ทางยุโรปมีกษัตริย์สูงสุดอยู่ที่ไอร์แลนด์ ในอเมริกามีไมเคิลเป็นคนดูแล -- สองกลุ่มนี้เคยเกือบทำสงครามกันมาแล้ว เรื่องอยู่ในเล่มสี่ในชุด เรื่อง Night Lost จากนั้นไมเคิลก็เอาอเมริกามาแบ่งแยกเป็นจาร์ดิน (jardin) แล้วส่งมอบให้แวมไพร์แต่ละคนเป็นคนครอบครอง มีศักดิ์เรียกว่า ซยูสะเรน (Suzerian)
วาเลนตินซึ่งปัจจุบันเป็นซยูสะเรนแห่งชิคาโก้ หากแต่ในอดีตเขาเป็นนักรบชาวออสเตรียนในศตวรรษที่ 14 หลังจากแพ้ในเกมส์ความรักเมื่อสองปีก่อน วาเลนตินมีชีวิตอย่างว่างเปล่า เขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบหญิงที่รู้ใจอีกแล้ว จนกระทั่งเมื่อเขาไปเยี่ยมเด็กสาวที่อเล็กให้ความช่วยเหลือไว้ (อยู่ในเล่มหนึ่ง) ในสถานพยาบาลที่ตัวเองเป็นเจ้าของ เขาได้พบกับลีหลิง ฮาร์เปอร์ (สะกด Liling ซึ่งแม็กซ์ถามผู้รู้ก็ได้ความว่าควรจะออกเสีย LeeLing) คนสวนที่ถูกจ้าง เขาพบว่าเธอมีความพิเศษและน่าสนใจอย่างยิ่ง
แต่ในฐานะดาร์คคิน เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสานความสัมพันธ์กับเด็กสาววัยเพียงยี่สิบ หกปีคนนี้ เธอใสบริสุทธิ์ และเป็นมนุษย์เกินไป
สิ่งที่วาเลนตินไม่รู้ก็คือ ลีหลิงก็มีความลับเช่นกัน ความลับที่ยิ่งไปกว่าการที่เขาเป็นแวมไพร์
เมื่อรูปที่ช่างภาพถ่ายรูปสวนที่ลีหลิงจัด และติดภาพด้านหลังของเธอปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์ ศัตรูในอดีตก็รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อล่าตัวเธอกลับมา เช่นเดียวกันเมื่อเห็นภาพตัวเองในหนังสือพิมพ์ลีหลิงก็รู้แล้วว่า เธอต้องหนีอีกครั้ง ด้วยความบังเอิญ (ไม่มากขนาดไม่น่าเชื่อหรอก) วาเลนตินที่กำลังจะเดินทางไปแอตแลนต้าพอดี เสนอมาเธอไปพร้อมกับเขาด้วยเครื่องบินส่วนตัว และเมื่อศัตรูตามพบ เครื่องบินพวกเขาตก ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
แม็กซ์ชอบพล็อตเล่มนี้นะคะ ปริศนาในเรื่องน่าสนใจมาก และเป็นการเปิดช่องให้กับการเขียนพล็อตอีกหลายเล่มทีเดียว และด้วยคำเฉลยเดียวกัน คนแต่งก็ช่วยไขปริศนาถึงชาติกำเนิดของอเล็กได้ด้วย (แม้ว่าแม็กซ์จะไม่น่าใจนักหรอกนะว่า คนแต่งตั้งใจจะกำหนดให้อเล็กซ์มีภูมิหลังเช่นนี้ แต่เมื่อมันมาในทางนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอกค่ะ กลับทำให้เรื่องน่าอ่านขึ้นด้วยซ้ำ)
และแม้ปกติแม็กซ์จะไม่ค่อยชอบพล็อตเรื่องที่พระเอกรักผู้หญิงคนอื่นอยู่ ก่อนมาเจอนางเอก แต่เล่มนี้เขียนได้ดี และโดยที่ไม่ต้องบอก แม็กซ์คิดว่าตัวเองตีความรักที่วาเลนตินมีให้หญิงอื่นว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความโดดเดี่ยว และเป็นภาพที่เขาสร้างขึ้นมาในสมองตัวเอง เจม่า (นางเอกเล่มสอง สาวที่วาเลนตินหลงรัก) ไม่ได้เป็นอย่างวาเลนตินคิดว่าเธอเป็น ทุกอย่างเป็นเพียงภาพที่เขาหลอกตัวเอง -- อันนี้แม็กซ์ตีความเองนะคะ ไม่ได้บอกชัดเจนในเรื่อง ในขณะที่ลีหลิงคือความจริง คือคนที่เขาต้องการมาตลอดชีวิต
และก็ชอบมาก ๆ ตรงที่ (สปอยล์ค่ะ ถ้าคิดจะอ่านเล่มนี้ ก็อย่าอ่านนะคะ) สุด ท้ายแล้วลีหลิงคือคนที่เก่งกว่าวาเลนตินเสียอีก พลังของเธอน่าเหลือเชื่อ เธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เธออาจจะมากเกินกว่าที่ดาค์คคินจะรับมือได้ด้วยซ้ำ ชอบค่ะเล่นพล็อตอย่างนี้
สุดท้ายแล้ว เล่มนี้เป็นเล่มที่อ่านสนุกตลอดเล่ม พล็อตเรื่องน่าสนใจ และทำให้แม็กซ์รู้ตัว (อย่างจริงจัง) ว่า แม็กซ์ก็ติดชุดนี้หนึบเหมือนกัน
คะแนนที่ 73
No comments:
Post a Comment