Saturday, January 31, 2009

Bound by Shadow // Anna Windsor

นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่เข้าสูตรว่าออกเดือนละเล่ม สามเดือนติดกัน เพื่อให้น้องแอนนากลายเป็นนักเขียนระดับนิวยอร์คไทม์ให้ได้ แต่ดูลาดเลาก็คิดว่ายากเหมือนกัน เพราะเดือนนี้ (มิถุนายน) เป็นเดือนที่มีการแข่งขันกันสูงสุดสุดในตลาดหนังสือโรแมนซ์ เพราะทั้ง The Hallow ของเจ้าแม่โรแมนซ์ตลอดกาลนอร่า โรเบิร์ตก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งถึงสามอาทิตย์ติดกัน (ซึ่งหาได้ยากมากสำหรับหนังสือโรแมนซ์) พอ The Hallow ชักแผ่วเจ๊เจอาร์ วาร์ดก็ส่ง Lover Enshirned มาครองอันดับหนึ่งแทน ตอนนี้แม็กซ์ก็เลยกำลังรอดูอันดับอาทิตย์นี้ค่ะ (ผลจะออกอย่างเป็นทางการในวันเสาร์นี้) ว่าเรื่องนี้จะฟันฝ่าไปติดอันดับกะเขาได้ไหม

วกกลับมาพูดเรื่องนักเขียนกัน แอนนา วินเซอร์เป็นหนึ่งในเหล้าเก่าที่ถูกจับแปลงโฉมใส่ลงในขวดใหม่ เพราะเดิมเธอคือนักเขียนของสนพ.อีลอร่าสเคฟ ที่ชื่อว่า แอนนี่ วินเซอร์ แต่ที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้นก็คือ แอนนี่ในร่างของแอนนา พัฒนาฝีมือขึ้นมาจนแทบเป็นคนละคนทีเดียว

อ่านแล้วรู้รึกยังว่าแม็กซ์ชอบเล่มนี้

Bound by Shadow ของแอนนา วินเซอร์

นอกเหนือจากชื่อพระเอกที่ดันไปเหมือนพระเอกอีกคนที่แม็กซ์กรี๊ดสลบ หนังสือเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม และตัวละครที่ทำได้อย่างที่คนแต่งโฆษณาว่าเก่งยังงั้นยังงี้

เนื่องจากเป็นหนังสือชุดแนวพารานอมอล (อีกแล้ว) แม็กซ์ขอเริ่มด้วยการร่ายพล็อตคร่าว ๆ ของทั้งชุดก่อนแล้วกัน ริแอนน่าเป็นซิบิล หรือแปลความได้ภาษามนุษย์ว่า กลุ่มนักรบสาวที่สืบเชื้อสายพลังเหนือธรรมชาติ เหล่าซิบิลจะได้รับการฝึกฝนจากสำนักแห่ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในรัสเซียสำหรับคนที่มีพรสวรรค์ด้านดิน (ซึ่งเป็นสำนักของริแอนน่า) ในไอร์แลนด์สำหรับไฟ และกรีซสำหรับลม

ริแอนน่าและเพื่อนอีกสองคน (ก็นางเอกในอีกสองเล่มถัดไปนั่นแหละ) เป็นกลุ่มซิบิลที่คอยดูแลพื้นที่แมนฮันตันด้านเหนือ ศัตรูของพวกเธอก็คือพวกลีเจิน (Legion) ซึ่งเหล่าซิบิลก็ไม่รู้ข้อมูลของพวกนี้มากนักหรอก (ดังนั้นคนอ่านก็เลยไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพวกนี้ด้วย) นอกจากว่า พวกนี้น่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาแต่มีความไอคิวสูงโคตร และคงค้นพบตำราโบราณในเรื่องพิธีกรรมเหนือธรรมชาติ พวกนี้มีเป้าหมายในการครองโลก (โอเค แม็กซ์ยอมรับว่าพล็อตมันเห่ยนะ แต่อย่างน้อยพระเอกของเราก็รู้สึกอย่างนั้น และบอกกะริแอนน่าไปในเรื่อง)

เกิดคดีที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันสองคดีขึ้น หนึ่งคือการบุกปล้นพิพิธภัณฑ์เพื่อขโมยวัตถุที่มีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ และการฆาตกรรมลูกชายวัยสิบขวบของวุฒิสมาชิก ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องสงสัยสำคัญก็คือซิบิลที่คอยดูแลแมนฮัตตันด้านใต้

แน่นอนว่า ริแอนน่าไม่เชื่อว่าซิบิลผู้นั้นจะเป็นคนร้าย ก็ไม่มีซิบิลที่เลวอยู่ในโลก แม็กซ์ไม่ชอบทัศนคตินี้เท่าไหรหรอกนะคะ มันงี่เง่าไปนิดนึง แต่ยังดีที่ว่ามันไม่มากพอจะบั่นทอนความสนุกในเรื่อง ดังนั้นเมื่อแอนดี้ (ผู้หญิงนะคะ) ตำรวจแห่งหน่วย OCU (ที่แปลเป็นไทยให้เข้าใจว่า ตำรวจที่ดูแลคดีเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าตำรวจจะเชื่อว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาตินะคะ แต่เป็นคดีที่มีองค์ประกอบเหนือธรรมชาติ จำพวกพิธีกรรมอย่างนี้) และคู่หูของเธอ ครีด มาขอคำปรึกษา ริแอนน่าจึงถูกดึงเข้าไปเกี่ยวกับคดีทั้งสองนี้จนได้

เรื่องมันยุ่งก็ตรงที่ว่า ครีดไม่ใช่ตำรวจธรรมดา อันที่จริงเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำ ตลอดชีวิตครีดและฝาแฝดของเขา (แม็กซ์ยังไม่แน่ใจว่าโดมินิกเป็นน้องหรือพี่นะ) มีชีวิตแบบต้องแบ่งร่างกับ "คนอื่น"

โปรดอย่าคิดว่าคนอื่นที่จะมาในรูปของมนุษย์ต่างดาวที่ยึดครองร่างของมนุษย์ (Re. The Host ของสเตฟานี ไมเยอร์) แต่ในยามที่ครีดควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจะกลายร่างเป็นคลื่นพลังงานที่มีตัวตนไม่คงที่นัก และสติสะตังก็ไม่ค่อยครบถ้วนเท่าไหร เกือบครึ่งเรื่องแรก เจ้า "คนอื่น" เนี่ยเรียกร้องที่จะฆ่าริแอนน่า

ครีดไม่รู้ว่าเขาคืออะไร เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันแน่ และเมื่อเขาเข้าไปช่วยเหลือริแอนน่าจากผู้ร้าย เขาก็ถลำลึกลงไปมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อริแอนน่ารู้ว่า เขาไม่ใช่มนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอเริ่มค้นหาความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเขา ในขณะเดียวกันก็พยายามสืบหาความจริงว่าพวกลีเจินต้องการอะไรกันแน่

ก่อนจะพูดถึงข้อดี เราว่ากันด้วยข้อเสียก่อนแล้วกัน แม็กซ์อ่านเล่มนี้ด้วยความไม่เชื่อว่า ซีบิลมีน้ำยาอะไรเลย นั่นเพราะขนาดทำสงครามต่อสู้กับลีเจินมานับร้อยปี ซิบิลไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับลีเจินสักนิด ไม่รู้ว่าใครเป็นสมาชิก หรือมีแผนอะไร ไม่เคยพบตัวจริงเสียงจริงของลีเจินสักคน ที่ต่อสู้ก็เป็นเหล่าลูกน้องที่ถูกสร้างด้วยเวทมนตร์ อ่านแล้วรู้สึกว่า ถ้าโลกต้องพึ่งพาซีบิลในการรอด โลกคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ไม่ได้หรอกนะ

ความขัดใจอีกเรื่องก็คงเป็น การที่นางเอกไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับพระเอก แน่นอนว่าครีดไม่ใช่มนุษย์ เขามีร่างอื่นที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ แต่ในเรื่องก็พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า แม้กระทั่งร่างอื่นของครีด ก็ยังช่วยเหลือริแอนน่า อันที่จริงร่างนั้นเชื่อฟังริแอนน่าอย่างมากด้วยซ้ำ แต่หลายเหตุการณ์ที่ความภักดีของครีดถูกตั้งคำถาม ริแอนน่ากลับนั่งเฉย ไม่ออกมาปกป้องครีด คนที่ช่วยเหลือครีดสุดกำลังกลับเป็นแอนดี้คู่หูของเขามากกว่า และนั่นทำให้หลายครั้งแม็กซ์นึกอยากให้แอนดี้เป็นนางเอกแทน (แม้จะมีมีสป๊าค์กระหว่างครีดกะแอนดี้เลยก็ตาม แต่เธอเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างที่คู่หูควรจะเป็น)

แต่ก็ยังดีค่ะ ที่ถึงริแอนน่าจะเฉยเป็นส่วนใหญ่ เวลาที่ครีดโดนกล่าวหาจากซิบิลคนอืน แต่เธอก็ไม่เคยเชื่อในคำกล่าวหา เพียงแต่เธอไม่กล้าที่จะออกความเห็นขัด ซึ่งพยายามมองในแง่ดี แม็กซ์คิดว่า มันเป็นวิธีที่คนแต่งใช้ในการแสดงให้คนอ่านเห็นถึงการเติบโตของริแอนน่า ในฐานะของหัวหน้ากลุ่มซิบิล เธอยังไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง จึงกลัวที่จะขัดแย้งกับสมาชิกในกลุ่ม (ที่เห็นว่าครีดเป็นตัวอันตราย) เธอจึงเงียบ แต่ในท้ายที่สุด ในตอนที่สำคัญที่สุด เมื่อ "ผู้ให้กำเนิด" ครีดมารับตัวเขาไป ริแอนน่าเป็นคนเดียวที่บุกไปช่วยเหลือเขา และเชื่อในตัวเขาร้อยเปอร์เซ็นต์

นั่นมันไถ่โทษที่เธอนิ่งเฉยตลอดเรื่องได้ (บ้าง)

มาจุดที่แม็กซ์ชอบกัน แน่นอนว่าพระเอกเรื่องนี้เป็นหนึ่งในล้าน ที่อาจพอหาได้ตามหน้าหนังสือโรแมนซ์เท่านั้น ครีดรู้ว่าตัวเองแตกต่าง แต่เขาไม่เข้าใจว่าเป็นอะไรกันแน่ นอกจากว่าเขารักริแอนน่า และทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ร่วมกับเธอ ฉากที่เขาพูดในการขออนุญาตแต่งงานกับเธอในทำนองที่ว่า ถ้าเขาไม่อาจอยู่กับเธอโดยไม่เป็นอันตรายได้ เขาก็อยากจะตายเสียดีกว่า มันโดนใจแม็กซ์นะ

แม็กซ์ชอบที่เขาไม่หมดหวัง แม้จะรู้ว่า มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับซิบิล และสิ่งประหลาดอย่างเขาที่จะมีความรักและจบลงอย่างมีความสุข และเพราะอย่างนี้ แม็กซ์จึงเชื่อได้ว่า ทำไม "คนอื่น" ร่างที่ครีดกลายเป็น จะควบคุมตัวเองในตอนท้ายที่สุดได้

เล่มนี้ถือเป็นการเปิดเรื่องที่ดีค่ะ ทำให้ชุดนี้เป็นอีกชุดนึงที่น่าสนใจ แต่แม็กซ์ยังคิดอยู่นะคะว่า เล่มที่เหลือจะมีอะไรให้น่าสนใจอีกไหม เพราะดูการจับคู่พระเอกนางเอกแล้ว มันจะทำให้พล็อตเรื่องแตกต่างไปจากเรื่องของครีดและริแอนน่าอีกไหม (ในเมื่อนางเอกเป็นซิบิล และพระเอกก็เป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับ "คนอื่น" อีกแล้ว)

คะแนนที่ 70

No comments: