หนังสือเล่มที่ห้า (ที่เป็นเรื่องขนาดยาว ไม่ใช่เรื่องสั้น) ของชุด Immortal after dark ของเครสลี่ย์ โคล เล่มนี้ถือว่าเป็นอีกเล่มนึงในชุดที่ไม่ผิดหวังเลย
แม็กซ์ปิ๊งกับหนังสือชุดนี้ตั้งแต่ได้อ่านเรื่องสั้น The Warlord wants forever ที่อยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ Playing easy to get และต้องขอยกให้เป็นความดีของเพื่อนคนนึง (AV) ที่แนะนำและเร่งให้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนั้น ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้แม็กซ์ได้พบกับหนังสือชุดแนวพารานอมอลที่แม็กซ์ยกให้ ว่าอยู่ในระดับแถวหน้าในเวลานี้เลย
จุดเด่นของหนังสือชุดนี้คือความทันสมัย เท่ห์ และฮิปมาก ๆ ของตัวละคร ในขณะเดียวกันไม่ใช้วิธีเล่าเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย ที่ดูเหมือนจะฮิตกันในหมู่หนังสือชุดแนวพารานอมอล ที่มีปริศนาลึกลับดำมืดเต็มไปหมด จนอ่านเล่มใดเล่มหนึ่งในชุดแล้วเกิดความติดขัดและสงสัยไปเรื่อย แต่ในชุด IAD นี่ แม้จะเป็นเรื่องชุด แต่คนแต่งก็เก่งพอจะให้ข้อมูลที่พอสมควรที่จะทำให้อ่านเรื่องได้สนุก และน่าสนใจ ทิ้งท้ายในน่าอ่านสำหรับเล่มถัดไป แต่ไม่ทิ้งปริศนาอันน่าหงุดหงิดสำหรับคนอ่าน
ตอนแรกที่แม็กซ์รู้ว่าเครสลี่ย์จะเขียนเรื่องของเคเดียน (หรือจะอ่านว่าเคดีออนก็ได้นะ แต่แม็กซ์คิดว่าด้วยวิธีการออกเสียงแล้วคำว่า ดีออนน่าจะรวมกันเป็น เดียนมากกว่า) ซึ่งเป็นตัวละครที่ออกใน Wicked deeds on a winter's night แม็กซ์ไม่รู้สึกว่าเรื่องจะน่าสนใจตรงไหนเลยนะคะ เขาไม่เด่น หรือน่าสนใจพอ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเครสลี่ย์ไม่ได้ทำให้ตัวละครตัวไหนเด่นเกินหน้าตัวเอกในเรื่องอยู่แล้ว (แปลว่าเธอไม่มีแอชรอนในเรื่อง ไม่มีตัวละครที่มาขโมยซีน) ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกผิดหวังหรืออะไร ก็แค่ไม่น่าสนใจ
แต่หลังจากอ่านเล่มนี้จบ ด้วยเวลาอันรวดเร็ว แม็กซ์ก็ขอรายงานว่า แม็กซ์คิดผิดที่บอกว่าเล่มนี้ไม่น่าสน เพราะแม็กซ์ถือว่าเล่มนี้เป็นแนวพารานอมอลที่ดีที่สุดเล่มนึงที่แม็กซ์ได้ อ่านในปีนี้เลยนะคะ อันที่จริงถือว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มนึงของเครสลี่ย์ โคล (แม้จะไม่เท่าระดับของ No Rest for the wicked แต่ก็เหมือนที่เคยพูดหลายหน ไม่มีเล่มไหนดีกว่าเล่มนั้นมานักหรอกค่ะ)
เล่มนี้ใช้เหตุการณ์ต่อเนื่องจากเรื่อง Dark Needs at night's edge ที่หลังจากเคเดียนพลั้งมือฆ่านาโอมิ และทำลายโอกาสที่เขาและพี่ชายจะได้ความลับในการกำจัด โอมอร์ต พ่อมดผู้ชั่วร้ายซึ่งเป็นศัตรูที่มาแย่งราชบัลลังค์ของพี่ชายของเขา และทำ ให้เขาจำใจต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ นั่นก็คือส่งตัวโฮลี่ แอชวิน สาวน้อยที่เขาแอบปิ๊ง และเฝ้าตามมาเป็นปี ให้กับกรูท พี่ชาย (หรือน้องชาย) ของโอมอร์ต ที่สัญญาว่าจะทำดาบที่ฆ่าโอมอร์ตให้ได้
เมื่อหลายร้อยปีก่อน เพราะความเพิกเฉยต่อคำบัญชาของพี่ชาย เคดปฏิเสธที่จะเดินทางกลับเข้าเมือง เพื่อรับบทบาทผู้สำเร็จราชการ และนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้โอมอร์ตนำทัพกองทัพซอมบี้เข้ายึดเมืองของพวกเขา นับจากนั้นเคดและไรด์สตรอมพี่ชายของเขาก็ต้องร่อนเร่ เป็นนักรบรับจ้าง และหาโอกาแย่งราชบัลลังค์คืนกลับมาให้ได้
โอกาสสุดท้ายมาในรูปของข้อเสนอของกรูท ที่เสนอให้เคดนำตัวเดอะ วาสเซล (หรือที่แปลว่า ผู้หญิงที่จะให้กำเนิดนักรบที่ออกจะดีหรือโคตรชั่ว ขึ้นอยู่กับคนที่เป็นพ่อเด็ก) มาส่งให้กรูท เพื่อแลกเปลี่ยนกับดาบที่จะสามารถโอมอร์ต ซึ่งมีฉายาว่า ผู้ไม่ตายได้
สำหรับเคดแล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในฐานะนักรบรับจ้าง เขาทำสิ่งที่ล่อแหลมต่อความถูกต้องชอบธรรมมามาก แต่ที่เขาไม่คิดก็คือ หญิงสาวที่เป็นเดอะวาสเซลจะเป็นคนคนเดียวกับสาวน้อยโฮลี่ หญิงสาวที่เขาหลงรัก
ทางเลือกของเคดยิ่งน้อยลงไปอีก เมื่อไรด์สตรอมพี่ชายดันถูกแม่มดซาบีนจับตัวไป (แม็กซ์คิดว่านั่นจะเป็นประเด็นที่ต้องขยายต่อไปในอีกเล่มค่ะ) ทำให้ภาระในการกู้บัลลังค์หล่นมาอยู่ที่เขาคนเดียว และในฐานะของคนที่ทำให้ไรด์สตรอมสูญเสียบัลลังค์ไปตั้งแต่ต้น เคดดูจะไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากส่งตัวโฮลี่ให้กับกรูท และกำกลืนความเจ็บปวดไว้คนเดียว
พล็อตเรื่องดูเหมือนจะสร้างมาเพื่อให้ดูว่าโฮลี่เป็นสาวน้อยไร้เดียวสา อ่อนแอ แต่ขอโทษนะครับว่า ไม่ใช่เลย แม็กซ์ชอบโฮลี่มาก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ชอบ การเข้าไปพัวพันกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำให้ความเหนือธรรมชาตในกายเธอตื่นขึ้น โฮลี่พบว่าตัวเองไม่ใช่แค่นักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มีอาการย้ำคิดย้ำทำ ธรรมดาคนนึงเท่านั้น เลือดในกายเธอครึ่งนึงคือวาลไครี่ (หรือนับรบหญิงที่เกิดจากเทพเจ้าเฟรย่า) การเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของโฮลี่จากคนธรรมดา เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะเป็นไปอย่างมีขั้นตอน และไม่เร่งรัด คนแต่งทำให้แม็กซ์เชื่อว่า สุดท้ายแล้วโฮลี่เติบโตขึ้น และกลายมาเป็นคนที่เธอควรจะเป็นตามที่โชคชะตากำหนด
แม็กซ์ชอบที่โฮลี่ปกป้องตัวเอง ในฉากตอนเผชิญหน้ากับกรูท และการหลบหนี โฮลี่พิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร แต่ในขณะเดียวกันเครสลี่ย์ก็เก่งพอจะเขียนให้คนอ่านไม่รู้สึกว่า เคดไม่ได้เรื่อง มันเป็นเพียงแค่โฮลี่เก่ง และฉลาดเท่านั้นเอง
อีกส่วนที่แม็กซ์ชอบในเรื่องนี้ก็คือตัวเคดเอง เขายังคงเป็นคนคนเดิม เรจ เดม่อน (เดม่อนที่ถ้าโกรธแล้วจะมีพลังมหาศาล) ที่มักจะทำก่อนคิด และไม่มีการวางแผนการอะไรล่วงหน้าเลย ชายหนุ่มที่ดูจะเถื่อนไปสักหน่อย (ชอบดูหนังโป๊ในโรงแรม) และห่ามเกินความจำเป็น เขาเป็นคนคนเดิม แต่ในขณะเดียวกัน เครสลี่ย์ก็แสดงให้เห็นอีกด้านของเขา ด้านที่อ่อนโยน และรับฟังนางเอก และโอเคนะ แม็กซ์ยอมรับว่า เธอเขียนให้แม็กซ์ชอบตัวตนที่ดู "โลว์คลาส" ของเคดได้
ตอนนี้ยิ่งอ่านยิ่งชอบเครสลี่ย โคลค่ะ รู้สึกว่าเธอเป็นนักเขียนที่ใช้ความทันสมัย พล็อตเรื่องที่น่าสนใจ และตัวละครที่มีเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยนะคะที่เธอไต่ขึ้นอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์คไทม์ ขึ้นเรื่อย ๆ (ว่ากันว่า กำลังลุ้นอยู่ว่าเล่มนี้จะขึ้นถึงอันดับหนึ่งของ NYT ไหม เท่าที่แม็กซ์เช็คอันดับล่าสุด อาทิตย์แรกอยู่ที่อันดับ 18 ส่วนอันดับหนึ่งเป็นของขวัญใจแม่ยกแม็กซ์ที่ชื่อนอร่า โรเบิร์ตค่ะ)
คะแนนที่ 83
No comments:
Post a Comment