Saturday, January 31, 2009

When Darkness Comes // Alexandra Ivy

หนังสือเล่มนี้ออกขายมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วแล้วล่ะค่ะ และเป็นเล่มที่แม็กซ์หยิบแล้ววาง วางแล้วหยิบมาตลอดปีครึ่งที่ผ่านมา บอกตามตรงนะคะว่าไม่คิดว่ามันจะสนุกแล้วล่ะ (เพราะถ้าสนุกก็น่าจะอ่านจบตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่าน ไม่ทำให้เกิดอาการเบื่อจนเลิกอ่านไปอย่างงี้)

แต่ผิดคาดนะคะ เพราะหยิบมาอ่านหนนี้ กลับอ่านได้ตลอดรอดฝั่ง และบอกได้ว่า ดีกว่าที่คาด (แต่ก็นั่นแหละนะ อ่านแล้วเลิกอ่านไปสามสี่รอบ ความคาดหวังมันก็หดจนเหลือต่ำกว่าศูนย์ไปแล้วล่ะ)

หนังสือชุดนี้ มีชื่อเรียกเท่ห์ ๆ ว่า Guardians of eternity ซึ่งแม็กซ์ก็บอกตามตรงว่าอ่านเล่มหนึ่งจบลงไปแล้วก็ยังไม่รู้สึกนะว่ามัน การ์เดี้ยนอะไรกัน นอกจากพระเอกในเล่มนี้ต้องคอยคุ้มครองนางเอก ซึ่งโอเคล่ะ (เป็นการพูดไทยสำเนียงสิงคโปร์) ถือเป็นการ์เดี้ยน (ที่แปลว่าผู้คุ้มครอง) ได้ แต่ยังงงว่า เรื่องชุดนี้มีต่อมาอีกสองเล่มแล้ว (และจะมีต่อไปอีกหลายเล่ม) ตัวละครตัวอื่น เช่นพระเอกเล่มสอง (ที่โผล่มาให้ยลโฉมกันในเล่มนี้) ก็ไม่เห็นว่าจะมีภาระหน้าที่ในการคุ้มครองอะไร จะว่ารวมกลุ่มกันเป็นขบวนการมดแดงมดเขียวก็ไม่น่าจะใช่ คงต้องอ่านกันต่อไปค่ะว่าทำไมถึงเรียกชื่อชุดว่าอย่างนี้ (แต่โดยส่วนตัวคิดว่าคงเลียนแบบประมาณ Black Daggers Brotherhood ประมาณนี้ล่ะ)

กลับมาเข้าพล็อตเรื่องกัน ดังเต้พระเอกของเราเป็นแวมไพร์ ตามความฮิตของนิยายโรแมนซ์ยุคนี้ ที่โดนเหล่าแม่มด (ที่ว่ากันว่าเป็นฝ่ายดี) ลากตัว (เพราะไม่ได้มาอย่างเต็มใจ แต่คาดว่าคงไม่ได้ลากกันจริง ๆ หรอกนะ) ก็บังคับนั่นแหละด้วยเวทมนตร์ให้มาคุ้มครองพลังฝ่ายดีที่เรียกกันว่าฟีนิกซ์ ถ้าอธิบายให้เข้าใจกันง่ายก็คงบอกว่า ฟีนิกซ์เป็นพลังที่เป็นตัวแทนของเทพเจ้า (ฝ่ายดี) ที่ไม่อาจมีตัวตนเป็นของตัวเองได้ เวลาอยู่ในโลกมนุษย์ก็เลยต้องอาศัยร่างของมนุษย์เป็นผู้คุ้มครองพลังฟินิกซ์ อันนี้ แต่ก็ใช้ร่างก็ไม่ได้หมายความว่า มนุษย์คนนั้นจะถูกครอบงำโดยฟีนิกซ์หรอกนะ ตัวตนของคนคนนั้นยังอยู่ครบ เพียงแต่จะมีพลังพิเศษในการสู้กับผู้ร้ายได้ แต่ในขณะเดียวกัน การมีฟีนิกซ์อยู่ในร่างก็ใช่ว่าจะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนดีได้ เพียงแต่อาจจะทำชั่วได้ไม่ถนัดเพราะว่าจะถูกฟีนิกซ์ในกายยับยั้งไว้

เมื่อสามร้อยสี่สิบเอ็ดปีก่อน ที่จำได้แม่นไม่ใช่เพราะว่าแม็กซ์ความจำดีหรอกนะคะ แต่เพราะมันเขียนไว้ที่ปกหลังของเรื่อง ดังเต้ถูกพิธีกรรมโดยเหล่าแม่มด ผูกพันความภักดีของเขาให้มีต่อมนุษย์ที่มีพลังฟีนิกซ์แฝงไว้ในกาย และนั่นหมายความว่า เขาต้องกลายเป็นผู้พิทักษ์และคุ้มครองเซเรน่า ซึ่งเป็นผู้ที่มีพลังฟีนิกซ์อยู่ในตัวในเวลานั้น เขาไม่อาจปฏิเสธหรือขัดคำสั่งของเซรีน่า และนั่นไม่ใช่ชะตากรรมที่สุขนักของแวมไพร์

สามร้อยสี่สิบเอ็ดปีผ่านไป จากยุคอดีตมาสู่ยุคปัจจุบัน จู่ ๆ เซรีน่าก็ถูกลอบทำร้ายชนิดที่ดังเต้ไม่อาจคุ้มครองหรือช่วยเหลือได้ทัน แต่ก่อนที่เธอจะตาย เธอส่งผ่านพลังฟีนิกซ์มาสู่หญิงสาวใกล้ตัว นั่นก็คือแอ็บบี้ ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเซรีน่า

และจากหญิงสาวธรรมดา ๆ คนนึง แอ็บบี้ก็ถูกบีบให้เข้าไปในโลกเหนือธรรมชาติ ที่ทุกคนจ้องจะฆ่าเธอเพื่อบูชายันให้กับเทพเจ้าฝ่ายมืด (ที่เรียกกันในเรื่องว่า The Prince และแม็กซ์คิดว่าคงหมายถึงซาตาน) และด้วยความที่ยังใหม่ต่อพลัง เธอก็แทบจะปกป้องตัวเองไม่ได้เลย (เพราะใช้พลังไม่เป็น) ดังนั้นมันจึงกลายเป็นหน้าที่ของดังเต้ในการคุ้มครองเธอ

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับการคุ้มครองเซรีน่า เพราะเขายินดีและยิ่งกว่าเต็มใจในการคุ้มครองแอ็บบี้ อันที่จริงเขาค่อนข้างจะปิ๊งเธออยู่แล้วด้วยก่อนที่เซรีน่าจะตาย การที่แอ็บบี้ได้รับพลัง ก็เลยยิ่งกลายเป็นการทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น

เรื่องนี้เวิร์คสำหรับแม็กซ์นะคะ ท่ามกลางหนังสือแนวแวมไพร์โรแมนซ์ที่ขายกันดาษดื่น เล่มนี้ถือว่าสอบผ่านค่ะ อาจไม่ถึงกับดีเลิศจนทำให้แม็กซ์สติแตก (เหมือนอย่างที่กำลังเป็นกับชุด BDB อยู่) แต่ก็ดีพอจะทำให้แม็กซ์คิดจะหยิบเล่มสองมาอ่าน

ตัวละครถือเป็นจุดแข็งสุดในเรื่องนี้ แม็กซ์พบว่าชอบทั้งดังเต้และแอ็บบี้ โดยเฉพาะดังเต้ที่เป็นแวมไพร์ซึ่งโดนบังคับมาตลอดชีวิตด้วยพลังของแม่มด และ (คาดว่า) คงโดนอะไรมาเยอะไม่น้อย แต่เขาไม่ทนทุกข์น่ารำคาญ ไม่ขี้บ่นถึงอดีต (ที่แก้ไขไม่ได้) และเขารู้ใจตัวเอง และพฤติกรรมก็ออกมาตรงกับใจ (ไม่ใช่ประเภทที่คิดว่ารัก แต่ทั้งด่าและเสียดสีนางเอกสารพัด)

ส่วนแอ็บบี้ก็ถือว่าโอเคล่ะ ไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่เลวร้าย ไม่มีพฤติกรรมโง่จนสมควรตาย ซึ่งก็ถือว่าดีแล้ว

แต่เพราะแม็กซ์คิดว่ายังมีช่องโหว่งในการเล่าเรื่องอีกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นอดีตของดังเต้ ที่เปิดมาว่าเขาจำอดีตตัวเองก่อนเป็นแวมไพร์ไม่ได้เลย เพราะตื่นขึ้นมาที่ท่าเรือคืนนึงก็พบว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ไปแล้วโดยไม่รู้ ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ไม่มีการพูดถึงประเด็นนี้ต่อ ทั้งที่แม็กซ์คิดว่ามันน่าเอามาเล่นมาก หรืออย่างมิตรภาพระหว่างดังเต้และไวเปอร์ (พระเอกเล่มสอง) ที่ในเรื่องเห็นได้ชัดว่าสองคนสนิทและรักกันมาก แต่แม็กซ์ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อดังเต้ต้องใช้เวลาอยู่กับเซรีน่าเพื่อคุ้มครองเธอ นอกจากการพูดว่าไวเปอร์เป็นคนที่รับเอาดังเต้เข้ามาในเผ่าแวมไพร์ เป็นไกด์แนะนำวิธีการใช้ชีวิตของแวมไพร์ให้เขา ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม มันก็เลยทำให้แม็กซ์ไม่รู้สึกถึงความผูกพันของสองคนนี้นัก ในขณะที่พฤติกรรมไวเปอร์ช่วยดังเต้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

บางทีการบกพร่องในพล็อตและขั้นตอนการเล่าเรื่อง อาจเป็นเพราะคนแต่งให้เวลาในเรื่องไปกับดังเต้และแอ็บบี้ก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแม็กซ์ก็ไม่บ่นหรอกนะคะ เพราะแม็กซ์ชอบเล่มนี้ก็ด้วยสาเหตุนี้แหละ

โดยรวม ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องแวมไพร์โรแมนซ์ที่ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องลุ้นมาก ไม่ต้องบ้าคลั่งมากขนาดแทบจะรอให้เล่มต่อไปออกขายไม่ไหว แต่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครสองตัวที่คุณพอใจ ก็แนะนำเล่มนี้นะ คะ เป็นการฆ่าเวลาที่โอเคทีเดียว

คะแนนที่ 67

No comments: