Saturday, January 31, 2009

Fire and Ice // Anne Stuart

หนังสือเล่มสุดท้ายในชุด The Committee หรือชุดไอซ์ (แม็กซ์เรียกเอง) ของแอน สจ๊วต ซึ่งแม็กซ์บอกได้เลยว่าเป็นชุดที่น่าอ่านมากสำหรับแฟนหนังสือที่ต้องการอะไร มากกว่าพระเอกรวย หล่อ เริ่ด เชิด หยิ่ง เพราะพระเอกของแอน สจ๊วตทุกคนไม่ใช่ผู้ชายที่ง่ายในการยอมรับ

แต่หลังจากอ่านไปสักพักนึง คุณก็จะพบว่า ตัวเองตกหลุมรักพวกเขาไปอย่างรุนแรง

พวกเขาไม่ใช่คนดีพร้อม ไม่ใช่คนเลวชั่ว แม้พฤติกรรมหลายอย่างอาจจะดูชี้ไปในทางนั้น แต่คนอ่านก็จะรู้ได้เสมอว่า มันมีบางอย่างดีงามอยู่ในตัวพวกเขา ความดีงามที่นางเอกในเรื่องเท่านั้นที่สามารถดึงมันออกมาได้

และใน Fire and Ice ก็ไม่แตกต่างกันนัก

แม้ว่ารีโนจะไม่ใช่พระเอกที่สุดขอบนัก (หากคิดตามมาตรฐานของแอน) เขาเป็นหลานยากูซ่าใหญ่ในญี่ปุ่น คนที่เพิ่งถูกส่งตัวออกนอกประเทศหลังจากก่อเรื่องโดยปู่ของเขา รีโนหวังจะเป็นหนึ่งในสายลับที่ทำงานให้กับ The Committee ตามรอยญาติผู้พี่ แต่ไม่ทันได้ผ่านพ้นช่วงฝึก องค์กรที่เขาหวังทำงานด้วยก็เกิดปัญหา ทั้งหมดที่เล่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดในเล่มนี้ หากแต่เป็น Ice Storm หนังสือเล่มก่อนหน้า แต่ที่ต้องเล่าก็เพื่ออธิบายว่าทำไมคนที่เป็นสายลับให้กับองค์กรลับระดับโลก กลับมีบุคลิกที่โดดเด่น และนิสัยที่ไม่น่าจะเป็นสายลับ

และด้วยปัญหาที่เกิดขึ้น นักฆ่าถูกส่งออกไปตามฆ่าบรรดาสายลับของเดอะ คอมมิตตี และหนึ่งในเป้าหมายก็คือทากะ ญาติผู้พี่ของรีโน่ ทากะพาซัมเมอร์ภรรยาหนีไปซ่อนตัว (พวกเขาเป็นพระเอกนางเอกในเรื่อง Ice Blue) เรื่องก็คือ จิลลี่ น้องสาวของซัมเมอร์ไม่รู้ และเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อพบกับพี่สาว และนั่นทำให้เธอกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ของบรรดานักฆ่า

รีโน่ซึ่งทราบเรื่องนี้จึงรีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ขัดคำสั่งของปู่ที่เป็นเจ้าพ่อ เพื่อปกป้องจิลลี่ นั่นก็เพราะเมื่อสองปีก่อน เขามีโอกาสได้พบกับเธอสั้น ๆ และไม่อาจลบเธอออกไปจากใจได้

หนังสือเล่มนี้เข้าสูตรในชุดไอซ์ทุกอย่าง พระเอกนางเอกที่จำใจต้องหนีไปด้วยกัน เผชิญหน้ากับศัตรูที่ตามล้างตามฆ่าอย่างไม่หยุด พระเอกที่ปากแข็งทั้งที่การกระทำทุกอย่างของเขาก็เพื่อนางเอกทั้งนั้น ในเล่มนี้แม็กซ์ว่า รีโน่อ่อนกว่าพระเอกคนอื่น ๆ ในชุดเดียวกันเยอะ และนั่นเป็นเสน่ห์ของเขา ปากก็ปฏิเสธว่าจิลลี่ไม่มีความสำคัญ แต่ดูจากการกระทำแล้วกัน

ส่วนจิลลี่ถ้าไม่คิดถึงปัจจัยที่ว่าเธออายุแค่ยี่สิบเอ็ดปี ก็มีหลายฉากเหมือนกันนะที่แม็กซ์อยากจะเบิดกระโหลกหล่อนหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลอทะล่าวิ่งหนีไปจากรีโน่ ทั้งที่รู้ว่ามีมือสังหารนับสิบจ้องจับเธอไปเป็นตัวประกัน (และเธอก็โดน เสียเวลาพระเอกมาช่วยอีก) แต่อย่างน้อยเธอก็ฉลาดพอจะรู้ตัวว่าตัวเองโง่ อันนี้เป็นคุณสมบัติที่แม็กซ์ให้อภัยเธอนะ

และที่สำคัญจิลลี่ฉลาดในเรื่องสำคัญที่สุด นั่นคือ เธอเป็นคนบอกรีโน่เองว่า เขารักเธอ เธอดูออกจากการกระทำ ไม่ว่าหนุ่มพังค์ปากแข็งจะปฏิเสธยังไง เธอก็มั่นใจในความจริงข้อนี้

ด้วยอาการปากแข็งของรีโน่ ก็เลยทำให้เล่มนี้มีหลายฉากที่โดนใจแม็กซ์ เพราะปากอาจจบอกว่า ไม่รัก ไม่สนใจ แต่เขายอมตัดผมยาวที่ไว้มานานเพื่อประชดสังคมอย่างง่ายดาย ด้วยความคิดที่ว่า "Only for you, Ji-chan" Ji-chan เป็นชื่อที่เขาเรียกจิลลี่

แล้วยังช่วงเวลาที่เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่รอดอีกล่ะ เมื่อเขาหันไปบอกเธอว่า "Did I ever told you that I can't live without you"

และเมื่อเขาบ่นถึงช่วงเวลาสามสัปดาห์ที่ทั้งสองแยกจากกัน (เพราะรีโน่ดื้อเกินกว่าจะยอมรับความจริงว่าเขารักเธอ) "I haven't had sex in three weeks, not since you left, and I'm not the kind of man who goes without sex easily. You need to let me go and try to save your life, because otherwise I won't be able to keep my hands off you"

ด้วยอายุของตัวเอก (รีโน่ยี่สิบเจ็ด ส่วนจิลลี่ ยี่สิบเอ็ด) หนังสือเล่มนี้ไม่เรื่องของผู้ใหญ่ แม็กซ์ไม่ได้หมายความว่ามันเลวร้ายนะ แต่การกระทำหลายอย่างของทั้งรีโน่ และจิลลี่ยังมีความเป็นเด็ก และนั่นเป็นเสน่ห์ของพวกเขา แม็กซ์ยกย่องแอน สจ๊วตที่เขียนแล้วให้ความรู้สึกของความรักแรก (และรักแท้) ของคนที่คิดว่าตัวเองเด็กเกินกว่าจะพบรัก (ในอายุแค่นี้)

แม็กซ์ถือว่าเป็นการปิดชุดอย่างสวยงามค่ะ แม้แน่นอนว่าเล่มนี้จะไม่อาจเทียบเท่ากับ Black Ice หรือปีเตอร์สุดที่รักของแม็กซ์ใน Cold as Ice ได้ก็ตาม

คะแนนที่ 77

ป.ล. สำหรับคนที่สนใจ อยากอ่านเหตุการณ์ตอนที่รีโน่และจิลลี่เจอกันครั้งแรก (และปิ๊งกัน) ก็หาอ่านได้ตามลิงค์นี้ค่ะ (แม็กซ์ลิงค์ให้ไปที่เว็บของแอน สจ๊วตนะคะ ไม่ได้ตรงไปที่เรื่องสั้น ให้เกียรติเจ้าของบทประพันธ์เขาหน่อย)

No comments: