Saturday, January 31, 2009

เดินทางตามความฝัน

แม็กซ์คิดว่าตัวเองโชคดีนะคะที่ได้ทำตามความฝันที่ตัวเองต้องการมาตลอด การเดินทางไปร่วมงาน RT Convention ไม่ใช่ความฝันอันแรกและอันเดียวที่แม็กซ์บรรลุ แม็กซ์ฝันมามาก และดิ้นรนไว้เยอะในการไปให้ถึง แต่ทริปการเดินทางไปอเมริกาครั้งนี้ ก็เป็นความฝันอีกอันที่แม็กซ์ไปถึง... ในที่สุด

ระยะเวลาทั้งหมดของทริปการเดินทางก็คือ 12 วัน 13 คืนในประเทศสหรัฐอเมริกา กับการท่องเที่ยวในสองเมืองคือพิสต์เบิร์ค และลอสแองเจลิส และรวมทั้งการเข้าร่วมงานหนังสือคนรักโรแมนซ์ที่จัดโดยนิตยสารโรแมนติค ไทม์ (ที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น RT Bookclub ไปแล้ว)

แม็กซ์ก็เลยขออนุญาตใช้บลอกของตัวเองเป็นที่บันทึกการเดินทางครั้งนี้แล้วกันนะคะ

กรุงเทพ - ไทเป - แอลเอ (11 - 14 เมษายน 2551)

แม็กซ์แบกกระเป๋าเดินทางไปหนึ่งใบที่ข้างในใส่กระเป๋าไว้อีกใบนึง เพราะคาดว่าคงต้องแบกของกลับมาจากเมกาเยอะกว่าขาไปมาก กะเป้สุดที่รักอีกหนึ่งใบ น้ำหนักรวมทั้งหมดสิบกิโล ของที่เอาไว้ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า แล้วก็ของฝากให้เพื่อนที่อยู่ทางโน้น

เครื่องบินออกจากเมืองไทยเวลาประมาณเก้าโมงเช้า แม็กซ์ต้องไปต่อเครื่องที่กรุงไทเป ไต้หวัน ก็อย่างที่บลอกก่อนหน้าพูดไว้ บนเครื่องที่ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงกว่า แม็กซ์ได้พบกับหนุ่มน้อย ที่น้อยจริง ๆ อายุประมาณ 15 - 16 ปี ที่กำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่น (ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่ไทเปเหมือนกัน) เราพูดคุยกันสนุกมากตลอดทาง ทำให้แม็กซ์ไม่หลับ (เพราะแม็กซ์เป็นคนที่หลับง่ายมากเวลาขึ้นเครื่อง) ไปจนถึงไทเป

การเดินทางขาไปไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหรหรอกนะคะ นอกจากแม็กซ์ง่วงมากตอนรอขึ้นเครื่องไปแอลเอ ก็เลยเผลอหลับไป กว่าจะได้ขึ้นเครื่องไปแอลเอก็สี่โมงเย็น (เวลาไต้หวัน) แล้ว ที่น่าสนใจก็คือ คนที่ร่วมเดินทางไปแอลเอด้วยเนี่ยเหมือนชมรมผู้สูงอายุเลย เพราะเชื่อไหมว่า มีรถเข็นส่งผู้สูงอายุขึ้นเครื่องไม่ต่ำกว่า 30 คัน นี่ไม่รวมผู้สูงอายุที่สุขภาพแข็งแรงพอจะเดินขึ้นเครื่องได้เองอีกนะ

การเดินทางต่อมาอีกสิบสองชั่วโมงกว่าราบเรียบ แม็กซ์ไม่มีอะไรจะเล่าค่ะ นอกจากบอกว่านอนหลับตลอดทาง จะตื่นก็เฉพาะตอนเขาเสิร์ฟอาหารเท่านั้นแหละ (ยังไงก็ต้องตื่นมากินค่ะ จะได้คุ้ม)

และนี่คือภาพจากบนเครื่องบิน ภาพแรกของแอลเอ

แม็กซ์ไม่ใช่นักเดินทางที่รักความสบาย (แปลว่าไม่มีเงินมากพอจะซื้อความสบายให้ตัวเองได้) ดังนั้นแม็กซ์จึงไม่เรียกแท็คซี่จากสนามบินให้ไปส่งที่บ้านพัก แม็กซ์เลือกที่จะขึ้น FlyAway Bus ซึ่งเป็นรถสาธารณะที่สะดวกนะ แต่ราคาถูก แค่สี่เหรียญ (เทียบกับ 20 เหรียญหากเรียกแท็คซี่) ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟใต้ดิน Union Station จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินราคา 1.25 เหรียญไปยังสถานี Hollywood/Highland ซึ่งอยู่ใกล้ที่พัก แล้วก็ทำการลาก ดึง และจูงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ผ่านย่านฮอลีวู้ดไปยังที่พัก ที่มีหน้าตาอย่างนี้

ซึ่งถือว่าดีมากนะสำหรับแม็กซ์ ในราคาคืนละ 25 เหรียญ มีทั้งครัวสำหรับทำอาหาร ห้องพักรวมที่นอนได้สี่คน แต่ช่วงที่แม็กซ์พักมีคนอยู่กันแค่สองคน ก็เลยถือว่าอยู่กันอย่างสบายไม่แออัด

ห้องพักไม่มีแอร์หรอกนะคะ แต่ตอนกลางคืนก็อาการเย็นสบายมาก ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

ค่าใช้จ่ายในแอลเอของแม็กซ์มีไม่เยอะนัก เพราะว่าซื้ออาหารมาทำกินเอง รวมทั้งเตรียมห่อเป็นอาหารกลางวันออกไปกินข้างนอกด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องกินน้อยมาก จะมีเสียเยอะก็ตรงที่ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์นี่แหละ เพราะแค่ค่าบัตรผ่านประตูเข้าไปก็หกสิบกว่าเหรียญแล้ว

แม็กซ์คิดว่าคนส่วนใหญ่คงอยากฟังเรื่องราวของการไปงาน RT มากกว่านะ ดังนั้นก็เลยจะขอข้ามเรื่องชีวิตในแอลเอไปก่อนแล้วกัน อันที่จริงมีอะไรสนุกและอยากเล่าให้ฟังนะคะ แต่เป็นวันหลังแล้วกัน

แอลเอ - ดีทรอยต์ - พิสต์เบิร์ค (15 - 20 เมษายน 2551)

การเดินทางไปพิสต์เบิร์คเริ่มต้นอย่างฮามาก เมื่อแม็กซ์ซึ่งโดนพิษอาการร้อนสุดสุดของแอลเอ (ไม่ใช่กรุงเทพแห่งเดียวที่ร้อนหรอกนะคะ) จนเลือดกำเดาไหล แล้วดันพกทิชชู่เปื้อนเลือดติดกระเป๋ากางเกงไปด้วย ถูกขอโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินให้ล้วงข้าวของทุกอย่างออก จากระเป๋าให้หมดเพื่อเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ ก็ถึงคราวแตกตื่นกันเมื่อทิชชู่เปื้อนเลือดปรากฎการออกมา แต่ก็ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกนะคะ เพราะหลังจากฟังคำอธิบาย กับดูท่าทางกระเหรี่ยงของแท้ของแม็กซ์แล้ว เขาก็ปล่อยให้ผ่านไปได้

แล้วก็มาถึงปัญหาของจริง เครื่องบินที่จะส่งแม็กซ์จากแอลเอไปดีทรอยต์ เพื่อต่อเครื่องไปพิสต์เบิร์คต่อดันมีปัญหาเครื่องเสีย จนต้องดีเลย์ ดีเลย์ และดีเลย์ ปัญหาคือ เกือบทุกคนบนเครื่องต้องไปต่อเครื่องที่ดีทรอยต์เพื่อไปที่ไหนสักแห่งทั้ง นั้น อาการโวยวาย ตะโกนด่าจึงเริ่มเกิดขึ้น และแน่ละ เมื่อมีการตะโกนด่า ก็ย่อมแน่ใจได้ว่า แม็กซ์ต้องเป็นหนึ่งในนั้น

ผลก็คือ แม็กซ์ได้คูปองแลกแทนเงินสดเพื่อใช้ในการซื้อของบนเครื่องบิน และบัตรกำนัลอีกสองสามอย่างมา และที่ดีไปกว่านั้น แม็กซ์วิ่งเร็วค่ะ ทำให้แม็กซ์แม้จะช้าไปสามชั่วโมงก็ยังทันขึ้นเครื่องต่อจากดีทรอยต์ไป พิสต์เบิร์ค

ดังนั้นในเวลาเก้านาฬิกาเช้า แม็กซ์จึงไปปรากฎกายที่เมืองพิสต์เบิร์ค สถานที่จัดงาน RT เมืองที่แม็กซ์บอกได้เลยว่ายังไม่พร้อมกับการชุมนุมกันของแฟนพันธุ์แท้โร แมนซ์

อากาศในพิสต์เบิร์คแตกต่างจากแอลเอชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า ขณะที่แม็กซ์ต้องเผชิญหน้ากับวันที่อากาศร้อนที่สุดในแอลเอ แม็กซ์ก็มาเจอกับฤดูร้องสไตล์พิสต์เบิร์ค ซึ่งนั่นก็คือ 6 องศาเซลเซียส คงไม่ต้องบอกว่าแม็กซ์แปลงร่างเป็นมนุษย์เอสกิโมได้รวดเร็วเพียงใดนะคะ

โรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานคือโรงแรมใหญ่และดังที่ชื่อคุ้นหูกันว่า ฮิลตัน แต่ขอบอกได้เลยว่าฮิลตันแห่งนี้คงเป็นลูกของที่พ่อแม่ไม่รักเป็นแน่ เพราะมันเป็นฮิลตันชนิดที่คุณไม่คิดว่าจะได้เจอไม่ว่าในชีวิตนี้ หรือชีวิตไหน

แม็กซ์ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับการพักโรงแรมราคาแพงหรอกนะคะ แต่กระนั้นแม็กซ์ก็รู้ดีว่าฮิลตันที่พักเนี่ย มันไม่ได้ดีไปกว่าโฮสเต็ลที่แม็กซ์พักในแอลเอเลยสักนิด การก่อสร้างเพื่อปรับปรุงสถานที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เศษผง เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ลิฟท์ที่ไม่พอกับจำนวนคนมาพัก ห้องอาหารที่ไม่พร้อมรับแขกที่อยู่

อันที่จริงไม่มีอะไรในพิสต์เบิร์คเลยที่พร้อมกับการมาของงาน RT

และนั่นหมายถึง RT เองด้วยค่ะ

No comments: