Saturday, January 31, 2009

In the midnight hour // Patti O'Shea

หนังสือเล่มนี้แม็กซ์อ่านจบไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วล่ะค่ะ แต่เพิ่งมาเขียนรีวิวก็เพราะเล่มที่กำลังอ่านอยู่ (และท่าทางจะสนุก) ยังไม่จบค่ะ

แม็กซ์ค่อนข้างประทับใจกับงานของแพ็ตตี้ โอเชย์ เรื่อง Though the Crimson Veil ที่เธอเป็นคนที่เขียนได้ดีที่สุดในบรรดาสี่นักเขียนที่รวมตัวกันเขียนเรื่อง ชุดเคมสัน ซิตี้ (หนังสือชุดเคมสันซิตี้มีแปลไทยแล้วนะคะ และถือว่าเป็นงานแปลที่น่าประทับใจในทางเลวร้ายมาก เพราะสนพ.นี้แสดงความชุ่ยแบบทุเรศให้เห็นกันเลยล่ะ พิมพ์ออกมาขายได้นะคะ ทั้งที่เรื่องยังไม่จบ และทำให้คนอ่านเข้าใจว่าพระเอกตาย แม็กซ์เห็นหนังสือเล่มนี้แล้วก็สวดมนต์กรวดน้ำให้กับสนพ.แห่งนั้นไปเลยล่ะ ชาตินี้ไม่ต้องมาเผาผีกันอีกก็จะดีมาก)

ดังนั้นแม็กซ์จึงค่อนข้างหวังกับหนังสือเรื่องนี้ของเธอพอควรเลยนะคะ และนั่นอาจเป็นความผิดของเราเองด้วยแหละที่ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อย สนุกนัก

In the Midnight Hour ของแพ็ตตี้ โอเชย์

หนังสือเรื่องนี้เป็นเล่มแรกในชุด Light Warrior ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีเวทมนตร์ และมีหน้าที่ในการปกป้องมนุษย์จากสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ

เห็นพล็อตอย่างนี้ก็บอกได้เลยค่ะว่า ไม่มีอะไรใหม่น่าสนใจ ไรน์นางเอกของเราเป็นหนึ่งในนักรบผู้มีเวทมนตร์ แต่ความผิดพลาดของเธอเมื่อหลายปีก่อนที่อาจารย์ของเธอซึ่งหันไปหามนตร์ดำ แต่ไรน์ไม่รู้หรือจับผิดได้ ทำให้เธอถูกเพ่งเล็งจากทุกคนว่า ไรน์เองก็คงเล่นมนต์ดำเช่นกัน

นั่นเป็นเหตุผลใหญ่ที่ไรน์พยายามทุกวิถีทางในการตายจับอนิเซ่อาจจารย์ของเธอ ให้ได้ การตามล่าทำให้เธอได้เบาะแสสำคัญ นั่นคือคาถาบทนึง และโดยไม่ปรึกษาผู้อาวุโสในองค์กร ไรน์ก็ตัดสินใจทำพิธีด้วยตัวเอง

และก็ทำให้เธอได้พบกับเด็ค ซัมเมอร์ จริงแล้วไรน์เคยพบกับเด็คมาก่อนแล้วล่ะ แต่เป็นในการ์ตูนเรื่อง ยอดนักสืบเด็ค ซัมเมอร์ เธอไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะมีตัวตนจริง

ด้วยเหตุผลบางอย่างอนิเซ่ร่ายมนตร์ขังเด็คไว้ในโลกแห่งการ์ตูน พิธีของไรน์ปลดปล่อยเขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก็แค่ชั่วคราว ไรน์มีเวลาไม่กี่วันในการตามล่าอนิเซ่ ค้นหาคาถาที่จะปล่อยเด็คออกจากคำสาปที่จะทำให้เขากลับสู่โลกการ์ตูนอีกครั้ง

การที่อนิเซ่จับเด็คขังเอาไว้ ทำให้ไรน์รู้ในทันทีว่าเด็คต้องมีความหมายสำคัญบางอย่างต่ออนิเซ่ ปัญหาก็คือ ทั้งสองไม่รู้ว่าคืออะไร เด็คไม่รู้จักอนิเซ่ด้วยซ้ำ ระหว่างค้นหาความจริงด้วยกัน ทั้งสองก็ได้ค้นพบความรักที่คาถาอันใดก็ไม่อาจห้ามพวกเขาได้

ปัญหาใหญ่ของแม็กซ์ในการอ่านเรื่องนี้ก็คือ มันแทบจะไม่มีอะไรน่าสนใจในพล็อตเรื่อง ทุกอย่างดูเหมือนเป็นสูตรสำเร็จไปทั้งหมด ที่สำคัญการสืบหาความสัมพันธ์ระหว่างเด็ค และอนิเซ่ก็ไม่ได้รับความสนใจอย่างจริงจัง ทั้งที่เรารู้สึกว่า ทั้งไรน์และเด็คน่าจะทุ่มเทเวลาให้กับมันมากกว่านั้น (แม้ว่าตอนหลังจะเฉลยว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ตาม) เพราะว่า พวกเขาไม่มีเบาะแสอะไรเลยกับอนิเซ่ เด็คดูเป็นส่วนต่อเชื่อมที่สำคัญที่สุด

แล้วยังเรื่องที่ไรน์เคยอยู่กับอนิเซ่ แล้วเธอบูชาทุกก้าวที่อนิเซ่เดิน (และเป็นเหตุให้ไรน์ช้ำใจมากเมื่อค้นพบว่าอนิเซ่หันไปหามนตร์ดำ เืรื่องพูดเสมอว่าไรน์รักอนิเซ่ ปัญหาก็คือทุกครั้งที่ไรน์ทบทวนความหลัง แม็กซ์ไม่รู้สึกเลยว่าอนิเซ่มีอะไรดี มันเลยยิ่งทำให้แม็กซ์รู้สึกเหมือนไรน์โง่เหลือเกินที่มองไม่เห็นความเลวขอ งอนิเซ่ (เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมา ก็เห็นได้ชัดเลยว่า เลวมาก)

เรื่องเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกรอบเมื่อเด็คและไรน์ผูกพันกันลึกซึ้งมากขึ้น เราชอบการที่เด็คฉลาดพอที่จะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่กำลังจะพรากพวกเขาออกจาก กัน แต่มันอาจจะช้าเกินไปค่ะ

เพราะคะแนนก็ได้แค่ 53

No comments: