หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกของหนังสือชุดที่แม็กซ์รอคอยด้วยความอยากอ่านมาก ที่สุดแห่งปีนี้ เพราะเพื่อน (ที่โชคดีโคตรได้ ARC ของหนังสือเล่มนี้ -- ARC ย่อมาจาก Advance Reading Copy หรือหนังสือที่พิมพ์ขึ้นมาเพื่อให้บรรดานักวิจารณ์มืออาชีพอ่านกันก่อน เพื่อจะได้มีบทวิจารณ์ออกทันเวลากับการออกขายของหนังสือ) โฆษณาข้ามประเทศมาจากเมกาว่าเล่มนี้เป็นหนังสือชุดแนวพารานอมอลที่น่าอ่าน ที่สุดในพ.ศ.นี้
แล้วความรู้สึกหลังได้อ่านเหรอคะ
คงต้องบอกว่า อาจเพราะความคาดหวังมันสูงมาก (เพราะเพื่อนคนที่แนะนำนี่ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เรารสนิยมตรงกันมาก) ก็เลยรู้สึกว่า มันน่าจะดีกว่านี้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สนุกนะคะ เพียงแต่เราคิดว่า นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ประสบปัญหาในการขึ้นต้นชุดใหม่ นั่นคือ คนแต่งต้องใช้เวลากับตัวละคร และพื้นฐานของเรื่องมาก จนทำให้รู้สึกว่า เรื่องโรแมนซ์ระหว่างพระเอกกะนางเอกด้อยลงไป
ชื่อชุดอย่างเป็นทางการคือ The Final Prophecy หรือคำทำนายวันสิ้นโลก ตอนนี้แม็กซ์ก็ขอบอกว่าพล็อตเรื่องนี้คือ พล็อตสุดฮิตในวงการหนังสือ อันมีที่มาของปฏิทินของชาวมายาที่สิ้นสุดลง ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2012 (คือปฏิทินไม่มีวันต่อจากวันนั้นอีก) ทำให้หลายคนเชื่อว่า นั่นเป็นคำทำนายว่าโลกของเราคงจบลงในวันนั้น (ปฏิทินจึงไม่มีอีก)
นักเขียนหลายคนเอาพล็อตเรื่องปฏิทินของชาวมายามาสร้างสรรเป็นพล็อตเรื่อง อย่างเรื่อง First you run ของร็อคแซนด์ ซินแคลร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ข้อดีคืออะไรรู้ไหมคะ อย่างน้อยการที่มีจุดกำหนดเวลาที่ปี 2012 ก็เป็นการทำให้เราแน่ใจได้ว่า หนังสือชุดนี้จะต้องปิดชุดลงในปี 2012 แน่ ๆ ไม่ยาวเลยเถิดออกไปไม่จบไม่สิ้น
โอเคเข้าเรื่องของเราดีกว่า
คนแต่งคือ เจสสิก้า แอนเดอร์เซ่น เธอเป็นนักเขียนของฮาร์ลิควิน อินทรีคมาก่อน (อินทรีคเป็นหนังสือโรแมนซ์ที่ความยาวสั้น ๆ พล็อตเรื่องเน้นแนวสืบสวนเป็นหลัก) นี่เป็นแนวพารานอมอลเล่มแรกของเธอ แต่สิ่งที่ดึงดูดแม็กซ์ (นอกจากคำโฆษณาของเพื่อน) ที่ทำให้อยากอ่านหนังสือของเธอก็คือ เธอเป็นหนึ่งทีมที่ให้คำปรึกษาเจอาร์ วาร์ด (หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Critique Partners) และคนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลก BDB นั่นย่อมเป็นเครื่องการันตีที่มากพอแล้ว
จุดที่เหมือนกันระหว่างชุดนี้และ BDB ไม่ได้มีมากนะคะ (นอกจากความหนา) หนึ่งในนั้นคือคำศัพท์เฉพาะอันเป็นภาษาของชาวมายัน แม็กซ์ว่ามันจะเวิร์คต่อ เมื่อมีคำอธิบายคำศัพท์แนบไว้ในเล่ม เหมือนอย่างที่ชุด BDB มี เพราะมันอ่านไปก็ขัดอารมณ์ไป เพราะแปลไม่ออกว่ามันหมายความว่ายังไง (แม็กซ์คาดว่าเล่มหน้าน่าจะมีนะคะ)
อย่างที่บอกพล็อตของเล่มนี้วางอยู่บนพื้นของปฏิทินของชาวมายัน แต่ตัวละครในเรื่องไม่ใช่ชาวมายัน ตามตำนานพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากชาวแอตแลนติส ที่โลกถูกระรานจากปีศาจที่บุกเข้ามาในโลกของเราทุก ๆ สองหมื่นหกพันปี (ครั้งหลังสุดที่เกิดเป็นช่วงที่แอตแลนติสเจริญสุดสุด แต่ถูกปีศาจบุกมาทำลาย จนโลกเราถอยหลังสู่ยุคหินอีกรอบ) แต่นักรบที่เรียกตัวเองว่าไนท์คีพเพอร์ก็รวมตัวกันและไล่ปีศาจกลับไปยังมิติ ที่พวกมันอยู่ได้สำเร็จ พวกเขายังอยู่เบื้องหลังการสร้างวัฒนธรรมของโลกเราใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะผ่านอาณาจักรอียิปต์ และมายา พวกเขาแฝงกายอยู่ในโลกของเรา เพื่อรอวันที่คำทำนายถึงการบุกรุกของปีศาจจะกลับมาอีกครั้ง พวกเขาฝึกฝน และรวมตัวกันเพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียว นั่นคือกำจัดปีศาจที่จะมายังโลกของเราในปี 2012
แต่แล้วเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อนความหายนะก็เกิดขึ้น เมื่อกษัตริย์ที่เป็นผู้นำของเหล่าไนท์คีพเพอร์ฝันถึงนิมิตรที่จะหยุดการมา ของปีศาจในปี 2012 ได้ แต่นั่นเมื่อเขาและเหล่าไนท์คีพเพอร์ทำพิธีกรรมนั้น กลับเป็นการทำให้ไนท์คีพเพอร์เกือบทั้งหมดถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตมาได้ และส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงชาติกำเนิด และภาระอันใหญ่หลวงของตัวเอง
ตัวเองในหนังสือเล่มเปิดชุดคือสไตร์คกิ้ง จากัวร์ (พระเอกที่ชื่อประหลาดที่สุดคนนึงที่เคยได้อ่าน) เขาเป็นลูกชายของกษัตริย์องค์ก่อน เป็นเจ้าชายที่ไม่ได้ครองบังลังค์ เขาคิดว่าการเสียสละของผู้เป็นบิดามันเพียงพอแล้วที่จะหยุดยั้งการมาของ ปีศาจ แต่แล้วสี่ปีก่อน 2012 (หรือปี 2008 ปีนี้นั่นแหละ) เขาก็พบว่าตัวเองคิดผิด
เมื่อเวทมนตร์ที่เขาคิดว่าเลือนหายไปหมดแล้ว กลับมาอีกครั้ง ม่านระหว่างมิติโลกของเรากับปีศาจกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น โดยเหล่ามนุษย์ที่บูชาปีศาจ พวกเขาได้จับตัวลีอาห์ เดเนียล ตำรวจสาวจากฟลอริด้าไปเพื่อทำพิธีสังเวย แต่สไตร์คซึ่งรับรู้ถึงการกลับมาของเวทมนตร์โผล่ไปช่วยเธอได้ทัน และอย่างไม่น่าเชื่อ เธอคือผู้หญิงในฝันของเขา สไตร์คฝันถึงเธอก่อนหน้านั้นหลายเดือน และเธอก็เช่นกัน
แต่การกลับมาของเหล่าปีศาจกลับเป็นอุปสรรคสำคัญในการสานความสัมพันธ์ของสอง หนุ่มสาว เพราะลีอาห์ไม่ใช่ชาวไนท์คีพเพอร์ เธอไม่อาจเป็นคู่ชีวิตของราชา เธอไม่อาจก้าวเข้าสู่ภารกิจในการปกป้องโลกของไนท์คีพเพอร์ได้ สไตร์คต้องตัดสินใจอันใหญ่หลวงในการล้างความทรงจำของเธอที่มีต่อเขาทั้งหมด และมุ่งหน้ารวมรวบพลไนท์คีพเพอร์ที่รอดตายจากเหตุการ์ณเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม
ทว่าคนที่รอดตายส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงทารก ที่ปัจจุบันโตขึ้นมาโดยไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของตัวเองสักนิด เวลาส่วนใหญ่ในหนังสือเล่มนี้ใช้ไปกับการทำความรู้จักตัวละครเหล่านั้น (และดึงโฟกัสของเรื่องออกจากพระเอกและนางเอกไป) บางคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีธุรกิจ มีครอบครัว มีลูก แต่พวกเขาต้องละทิ้งทุกอย่างเพื่อพิทักษ์ตามที่สายเลือดของพวกเขาเรียกร้อง
ถ้าจะว่าไป หนังสือเล่มนี้ก็เหมือนการรวมพล การฝึกเพื่อพร้อมรบ การร่วมใจกันเป็นหนึ่งเพื่อเป้าหมายเดียว หนังสือเล่มนี้ต่างจากหนังสือชุดแนวเดียวกันเล่มอื่น ที่มักจะนำเสนอกลุ่มของนักสู้แนวพารานอมอลที่เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว เช่นดาร์คฮันเตอร์ก็เกิดขึ้นมานานก่อนจะเริ่มเรื่อง หรือแบล็คเด็กเกอร์ก็มีมานานก่อน Dark Lover จะเริ่มต้น แต่ในชุดนี้ เหล่านักสู้มาจากสารพัดที่ พวกเขาแตกต่าง มีภูมิหลังความเป็นมาที่ต้องกล่าวถึง (แม็กซ์ชอบการที่สามีภรรยาคู่หนึ่งต่างปกปิดความลับที่ตัวเองเป็นไนท์ คีพเพอร์แก่กันและกันมาตลอด แล้วมาเจอกันในเมื่อถูกเรียกตัวกลับมาฝึก)
ตัวละครน่าสนใจมากทุกตัว (และนั่นเป็นจุดเด่นของเรื่อง) และเช่นเดียวกันแม็กซ์ก็ชอบทั้งพระเอกและนางเอก แต่อย่างที่บอกค่ะ เวลาในเรื่องถูกใช้ในการเริ่มต้นและปูพื้นฐานของชุดมาก ทำให้เวลาสวีทกันไม่ค่อยจะมีนัก (กว่าพระเอกนางเอกจะกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ปาไปครึ่งเรื่องแล้ว)
และแม็กซ์ชอบพล็อตที่ไม่เอาการบูชายันมาเป็นหัวใจหลักของการแก้ปัญหา (เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแม็กซ์คงเลิกอ่านเป็นแน่) เพราะหลายคนคงรู้ว่าประเพณีบูชายันเป็นของฮิตมากในหมู่ชาวมายัน ซึ่งแม็กซ์ไม่เชื่อนะ (แม็กซ์ไม่เชื่อว่าการเอาชีวิตของใครสักคนจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาได้) แม็กซ์ชอบมากเมื่อสไตร์คตอบกลับนางเอก เมื่อเธอพูดถึงคำทำนายที่บอกว่า เธอต้องเป็นเครื่องบูชายันเพื่อปลดปล่อยเทพเจ้าของเหล่าไนท์คีพเพอร์
ลีอาห์พูดว่า "I do not want to live four more years knowing the world is going to end because I'm still in it"
สไตร์คตอบว่า "You know what? Maybe I do"
โดยรวมขอบอกว่า แม็กซ์ติดตามอ่านต่อแน่นอนค่ะ แต่ก็เป็นเหมือนหนังสือเปิดชุดทั่วไป ที่อาจจะยังไม่ใช่หนังสือที่ดีที่สุดในชุด แต่มันก็มากพอที่จะติดตาม และค้นหา
คะแนนที่ 70 (อย่าคิดว่าน้อยนะคะ เพราะ Dark Lover ก็ได้เท่านี้เหมือนกัน แล้วคิดดูว่าตอนนี้แม็กซ์บ้าหนังสือชุดนั้นมากแค่ไหน)
ป.ล. ลืมบอกไปว่า คนที่สนใจว่าแม็กซ์อ่านหนังสืออะไรไปบ้าง เพราะแม็กซ์ก็ไม่ได้รีวิวทุกเล่มที่ได้อ่านหรอกนะคะ เข้าไปดูได้ที่หน้า Reading List ที่อยู่ข้างบนสุดของบลอกนั่นแหละค่ะ แต่แม็กซ์เริ่มอัพเดทไว้เฉพาะเรื่องที่ได้อ่านในช่วงเมษายน ถึงตอนนี้เองนะคะ ถ้าอ่านไปนานแล้ว จะไม่อยู่ในลิสต์นี้ค่ะ เล่มไหนที่เขียนรีวิวไปแล้วก็จะขีดฆ่าออกไปค่ะ แม็กซ์จะลงชื่อเรื่องที่ขีดฆ่าไปทุกสิ้นเดือนค่ะ
No comments:
Post a Comment