Friday, January 23, 2009

Master of Surrender // Karin Tabke

แม็กซ์หยิบเล่มนี้มาอ่านเพราะต้องการเปลี่ยนปรรยากาศ หลังจากอ่านโรแมนซ์ที่พระเอกนางเอกเป็นคนมีเหตุผลมาหลายเล่ม ก็คิดว่าถึงเวลาที่จะอ่านพระเอกที่คนแต่งเองโฆษณาว่าเป็น "Man's man" และนั่นหมายถึงพระเอกแนวย้อนยุค (ไม่ได้หมายความว่าเรื่องแนวย้อนยุคนะคะ เพราะเรื่องนี้มันเป็นแนวย้อนยุคอยู่แล้ว -_- อ่านไปแล้วงงดีไหมคะ แม็กซ์ตั้งใจให้งงนะ ไม่ได้คิดจะเลียนแบบเจ๊มั่วฮาหรอกค่ะ) แบบที่ย้อนไปที่สักยี่สิบ (ไม่เอาสามสิบปีดีกว่า) ที่แล้ว ยุคที่พระเอกเป็นอัลฟ่าแบบบ้ามากกว่าดี ชนิดเห็นนางเอกแล้วเกิดอาการหื่นแตกต้องคิดรวบหัวรวบหางให้เร็วที่สุดให้ เป็นไปได้ ยุคที่การข่มขืนนางเอกเป็นแฟชั่น (และข่มขืนหมายถึงข่มขืน ไม่ใช่ Forced Seduction นะคะ)

คารินคนแต่งเล่มนี้โฆษณาไว้ประมาณนั้น เธอบ่นว่า ตัวเองอ่านนิยายโรแมนซ์สมัยนี้แล้วรู้สึกคิดถึงพระเอกแนวเถื่อนผสมหื่นอย่าง มาก แต่นักเขียนยุคใหม่ก็เหมือนจะเลิกเขียนไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอมีโอกาสก็เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา

เป็นไงคะ แม็กซ์ขึ้นต้นได้ทำให้เล่มนี้น่าอ่านขนาดไหน (แม็กซ์รู้ใจแฟนหนังสือค่ะว่าชอบแนวนี้กันซ้า)

Master of Surrender ของคาริน แท็ปค์

และแม็กซ์ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ เพราะหลังจากอ่านเล่มนี้ไปแล้ว แม็กซ์ไม่รู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกของเรื่องยุคเมื่อสามสิบปีก่อนค่ะ โอเคพระเอกมันทำตัวทุเรศ (ในแงหื่นผสมเถื่อน) บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงดีกรีอย่างที่โรสแมรี่ โรเจอร์ทำเอาไว้กับสตีฟ (สำหรับคนที่ไม่รู้จักสตีฟ ก็กรุณาไปอ่านหนังสือเรื่อง Sweet Savage Love มันเป็นความบัดซบที่นักอ่านโรแมนซ์ควรจะได้รู้จักเอาไว้ เพราะจะทำให้รู้ว่าพระเอกดีดีมันเป็นยังไงกันบ้าง == ก็ตรงกันข้ามกะสตีฟทั้งหมด)

และนั่นถือเป็นข่าวดีสำหรับแม็กซ์ เพราะเราทนพระเอกแนวนั้นไม่ได้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้กำลังบอกว่าเล่มนี้มันดีอะไรหนักหนาหรอกนะคะ

โรฮานเป็นหนึ่งในอัศวินที่ถูกพวกซาราเซนจับขังคุกในไอบี เรีย (หรือก็คือบริเวณที่เรารู้จักกันในชื่อสเปน/โปรตุเกตนั่นแหละค่ะ) ในคุกแห่งนั้นมีอัศวินจากยุโรปถูกขังอีกเจ็ดคน (รวมเป็นแปด และแปลว่าชุดนี้น่าจะมีแปดเล่ม) อย่างไม่ชัดเจนนัก และไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร น้องสาวของลูกชายสุลต่าน (ก็ลูกสาวสุลต่านนั่นแหละ) ช่วยเหลือพวกเขา และทำนายชะตากรรมของพวกเขาว่า จะต้องเป็นประมาณพี่น้องร่วมสาบาน (ที่ใช้ประมาณเพราะมันไม่ชัดเจนเลยว่าเกิดอะไรขึ้น) จากนั้นก็บอกต่ออีกว่า พวกเขาจะมีลูกชายได้ก็ต่อเมื่อเจอหญิงสาวที่เกิดมาเพื่อพวกเขา ระหว่างนั้นก็มีแต่ลูกสาวไปเถอะ

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นับจากที่แหกคุกกันออกมาได้แล้ว พระเอกและพรรคพวกที่รู้จักกันในนาม The Black Sword (หรือดาบดำ) กลายเป็นทหารคู่ใจของพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่ง ซึ่งเข้ามายึดครองอังกฤษ โรฮานถูกส่งมายึดบ้านนางเอก (ก็แหง๋อยู่แล้ว) แต่พอเห็นนางเอกก็เกิดอาการหื่นออกหน้าออกตา และใช้ชีวิตของคนรับใช้นางเอกมาข่มขู่ให้นางเอกยอมเป็นนางบำเรอให้เขา

พล็อตมันออกแนวยอดฮิตแล้วล่ะนะ (แต่แม็กซ์พูดด้วยสัตย์จริงนะว่าไม่ชอบแนวนี้หรอกค่ะ) เพราะนางเอกก็สมกับเป็นนางเอกโรแมนซ์แสนดีแสนซื่อที่ตอบตกลงกับข้อเสมอ ยอมเอาตัวเข้าแลก (แม้ว่าแม็กซ์จะไม่ได้รู้สึกว่า การที่นางเอกจะยอมหรือไม่ยอมจะมีผลอะไรหรอกนะ พระเอกมันยึดทุกอย่างไปแล้ว จะเอานางเอกอีกคนก็ไม่แปลก) แต่แล้วการที่นางเอกสวมวิญญาณนางเอกของจูลี่ การ์วู้ด นั่นคือกลายเป็นหมอคนเก่งช่วยชีวิตลูกน้องของพระเอกเอาไว้ได้ ทำให้นางเอกต่อรองเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ได้

ดังนั้นคนที่อยากอ่านเรื่องที่พระเอกหื่นหน้าหม้อข่มขืนนาง เอกหลายซ้ำหลายซ้อนก็ไม่ต้องกลั้นใจรอนะคะ (เพราะอาจตายไปก่อนได้) เรื่องนี้มีฉากรักชนิดไปกันสุดสุดแค่ฉากเดียว และเกิดขึ้นตอนท้ายเรื่อง แต่แม็กซ์ก็ไม่ได้บอกหรอกนะว่ามันไม่ฮ็อต เพราะพระเอกก็ไม่ค่อยมีสัจจะเท่าไหร บอกว่าจะรักษาพรหมจรรย์นางเอกไว้ เขาก็ทำตาม แต่ที่เหลือก็ถือว่าทำได้ทุกอย่าง (และขอว่าอย่าคิดมาก เรื่องนี้ไม่ใจอีโรติค โรแมนซ์ ดังนั้นไม่มีอะไรที่ประหลาดมากนักหรอก)

อย่างที่บอกนะคะ พระเอกเล่มนี้ไม่ถือว่าชั่วจนข้ามเส้นสำหรับแม็กซ์ เขาอาจออกอาการหื่นและปฏิบัติต่อนางเอกอย่างแย่มากหลายฉาก แต่ก็ไม่ถึงกับเกินความอดทนสำหรับแม็กซ์ อาจเพราะทำใจคิดว่าจะเจออะไรที่มากกว่านี้มาแล้วก็ได้นะ

ประเด็นที่ขัดใจมาก ๆ ไม่ใช่บุคลิกพระเอกหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะแม็กซ์ไม่ใช่คนชนิดที่ชอบให้คนแต่งมา "บอก" แต่ต้องการให้แสดงให้เห็นมากกว่า ตลอดทั้งเล่ม คนแต่งย้ำแล้วย้ำอีกถึงความเก่งของพระเอก บอกว่าเป็นอัศวินเอกของพระเจ้าวิลเลี่ยน เป็นหัวหน้าขบวนการดาบดำ แต่แม็กซ์ "เห็น" สักนิดถึงความเก่ง ตอนที่โดนจับในคุกซาราเซน ก็ไม่มีฉากที่โรฮานแสดงความเป็นผู้นำ ตอนที่นำทีมมายึดบ้านนางเอกก็ไม่ได้ดูเก่งอะไร แถม (สปอยล์ค่ะ ลากลงถ้าอยากอ่าน) ตอนสู้กะผู้ร้ายเพื่อแย่งสิทธิในตัวนางเอก ก็ยังซุ่มซ่ามหกล้มลงบนดาบของผู้ร้ายอีกต่างหาก มันเป็นฉากต่อสู้ที่โคตรฮา

บอกตามตรงนะคะ หลังจากแม็กซ์อ่านหนังสือของแมรี่ โจ พุธเน่ย์เรื่อง Uncommon Vows แล้ว ไม่มีพระเอกคนไหนเก่งเท่ากับเอเดรียนแล้ว แมรี่ โจใช้แสดงให้แม็กซ์เห็นถึงความเก่งของเอเดรียนชนิดที่อ่านที่ไรก็ยังขนลุก ไม่หาย (มันเก่งมาก)

และด้วยความที่แม็กซ์ไม่เชื่อในความเก่งของพระเอก ก็เลยทำให้แม็กซ์ไม่เชื่อในพล็อตเรื่อง สำหรับเรื่องแนวย้อนยุคที่เขียนในยุคที่อังกฤษเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่าง นอร์แมนและแซกซอน อำนาจและความเก่งทางการรบเท่านั้นที่จะเอาชนะได้ แต่เมื่อพระเอกไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเก่งอย่างที่คนแต่งบอกเล่าไว้ แม็กซ์ก็หมดความเชื่อถือในเนื้อเรื่องไปเลย

แล้วยังความขัดแย้ง จนไปถึงความรักที่ดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นอีก แม็กซ์ไม่รู้สึกว่ามันมีความสำคัญ หรือน่าสนใจสักนิดเดียว แล้วยัง (สปอยล์ต่อค่ะ) ที่ ตอนหลังมาเฉลยว่าพระเอกเป็นคนฆ่าพ่อนางเอก แถมพ่อนางเอกยังฝากฝังให้พระเอกมาดูแลนางเอกกีอีกต่างหากยิ่งไม่น่าเชื่อ ตลอดเวลาทั้งเล่มก่อนหน้าไม่มีการพูดถึง พระเอกไม่มีกระทั่งคิดในใจว่ารู้จัก หรือรู้เรื่องนางเอกมาก่อน แต่แล้วจู่ ๆ ก็บอกว่ารู้เรื่องนางเอกมาแล้วจากพ่อ มันไม่น่าเชื่อสักนิดเดียว เหมือนคนแต่งเพิ่งคิดออกทีหลังแล้วก็ใส่เข้าไปในเรื่อง

แต่ถึงว่าขนาดนี้ เล่มนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนะคะ ท่ามกลางหนังสือแนวย้อนยุคที่แทบจะไม่มีเรื่องในยุคกลางเลย เล่มนี้ถือว่าแก้ขัดความอยากอ่านไปได้ชั่วขณะ อย่างน้อยก็ไม่งี่เง่าอย่างที่คิดว่าจะเป็น

คะแนนที่ 57

No comments: