Saturday, January 31, 2009

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากงาน RT

ถือว่าบลอกนี้เป็นควันหลงแล้วกันนะคะ ไม่ได้เกี่ยวกับงาน RT Convention โดยตรง (เพื่อจะได้ไม่ผิดคำพูดว่าจะพูดถึงเป็นบลอกสุดท้ายไปเมื่อวาน) แต่เป็นสิ่งที่แม็กซ์ได้เรียนรู้จากการได้พบกับบุคคลในแวดวงโรแมนซ์ชนิดตัว ต่อตัว

1. นักเขียนบางคนก็... ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร

แม็กซ์เป็นเพียงแฟนหนังสือ ที่ทำงานเต็มเวลาในบริษัทเอกชน มีผู้ชายที่เกือบเป็นแฟน มีเพื่อนที่ยังไม่เกลียดขี้หน้า ติดซีรี่ย์มากจนจำไม่ถูกว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แล้วยังต้องหาเวลามานั่งอ่านนิยายอีก (ซึ่งหมายความว่าแม็กซ์ไม่ได้มีเวลามา นั่งติดตามข่าวคราว หรือทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับเรื่องที่เกิดในวงการโรแมนซ์) แต่แม็กซ์ก็ยังรู้ว่าสนพ.อีลอร่าส เคฟ และเจ้าของสนพ.ซอว์อิน (ใครรู้ไหมว่ามาจากภาษาอังกฤษคำว่าอะไร) มีเรื่องฟ้องร้องกัน นั่นเพราะเจ้าของซอว์อินเคยเป็นหุ้นส่วนและเป็นประธานอีลอร่า แต่ต่อมาถูกหุ้นส่วนที่มีหุ้นมากกว่าไล่ออก เธอจึงมาตั้งซอว์อิน และตอนนี้ก็ฟ้องต่อศาลเพื่อขอส่วนแบ่งตามที่เธอถือหุ้นในอีลอร่า

เรื่องนี้เป็นประเด็นที่แพร่หลายในเน็ต แม็กซ์ถึงขนาดได้อ่านคำฟ้อง แต่เชื่อไหมว่า มีนักเขียนของอีลอร่าเป็นสิบคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่รู้อะไรเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาด้วยซ้ำ

โอเคถ้าจะคิดว่านี่เป็นเรื่องลึกลับ หรือห่างไกลเกินตัวเกินไป แต่เชื่อไหมอีกล่ะว่า นักเขียนบางคนไม่รู้จักสัญญาที่ตัวเองเซ็นต์ว่ามีลักษณะยังไงบ้าง

แม็กซ์ซึ่งในชีวิตไม่เคยเซ็นต์สัญญาขายหนังสือให้สนพ.ไหนนะคะ ขอเล่าความรู้ที่มีเพียงหางอึ่งให้รู้กันอย่างคร่าว ๆ (และขอบอกว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติของเมกานะคะ ไม่ใช่เมืองไทย แม็กซ์ไม่ค่อยรู้เรื่องเมืองไทยค่ะ อยู่เมืองนอกนาน -- ว่าไปนั่น) ปกติถ้าคุณขายหนังสือเล่มเดียวก็เซ็นต์สัญญาขายเล่มนั้น รายละเอียดในสัญญาก็แล้วแต่ต่อรองกัน แต่บางครั้งมีสัญญาชนิดที่เรียกว่า สัญญาขายหนังสือสองเล่ม หรือสามเล่ม (หรือสี่เล่มแล้วแต่นะ) ซึ่งในความเป็นจริงตัวนักเขียนอาจจะเพิ่งเขียนนิยายเสร็จไปเล่มเดียวก็ได้

สัญญาประเภทนี้ทางสนพ.ก็จะให้กับนักเขียนที่ดูมีอนาคต ก็เลยอยากจะจองตัวไว้ให้เขียนให้ตัวเองต่อ สัญญาประเภทนี้ก็จะผูกพันนักเขียนว่า ถ้าเขียนนิยายเล่มถัดไป ก็ต้องเอามาขายให้กับสนพ.นี้ก่อน ในราคาที่ตกลงกันตามสัญญา (อันที่จริงรายละเอียดมีมากกว่านี้นะคะ แต่นี้คร่าวที่สุดแล้ว)

ลองคิดดูง่าย ๆ ว่า สัญญาประเภทไหนจะดีกว่ากัน ส่วนตัวแม็กซ์แล้วคิดว่าสัญญาขายหลายเล่มย่อมดีกว่า เพราะมันเป็นการรับประกันรายได้ให้นักเขียนว่ายังไงก็มีคนซื้อเล่มต่อไปแน่ ส่วนคนที่ได้สัญญาเล่มเดียว จริงอยู่มีอิสระที่จะขายเล่มต่อไปให้ใครก็ได้ แต่มีใครอยากร่อนเร่หาที่พักไปเรื่อย ๆ บ้างล่ะ

ในงาน RT แม็กซ์ก็ได้เจอกับนักเขียนที่ไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ เธอขายงานมาแล้วสี่ห้าเล่มให้กับสนพ.เดียวกัน แต่เธอได้เพียงสัญญาเล่มเดียวมาตลอด (นั่นหมายความว่า เธอขายทีละเล่ม เมื่อเขียนเสร็จ) เท่าที่รู้ยอดขายหนังสือของเธอไม่ค่อยดีนัก (และอาจจะเป็นเหตุผลของสัญญาเล่มเดียว) เธอคุยอวดให้แม็กซ์ฟังถึงสัญญาที่เธอได้จากสนพ.ของเธอว่า "ดีกว่า" นักเขียนของคนอื่นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะคนอื่น ๆ ที่เธอคุยด้วย ล้วนถูกจองตัวให้เขียนหลายเล่ม

เธอบอกว่า พวกนั้นถูกผูกมัด ทำให้ไม่สามารถย้ายไปเขียนให้คนอื่นได้ ในขณะที่เธอมีอิสระ (ซึ่งแม็กซ์มองว่าเป็นความเสี่ยง) และเมื่อแม็กซ์ซักว่า ทำไมสนพ.ถึงเลือกปฏิบัติเช่นนั้น เธอก็ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า สนพ.คงรู้ว่า หากขอให้เธอเซ็นต์สัญญาขายหลายเล่ม เธอคงไม่ยอมเซ็นต์ ดังนั้นจึงต้องยอมตามเธอ (แต่เมื่อซักก็รู้ว่า สนพ.ไม่เคยถามเธอ เพียงแต่ส่งสัญญามาทางไปรษณีย์ให้เซ็นต์เท่านั้นเอง)

นอกจากเรื่องนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องมากที่แม็กซ์คิดว่านักเขียนน่าจะรู้ แต่ไม่รู้ ซึ่งเข้าใจนะ เพราะพวกเขาก็ย่อมมีความสนใจที่แตกต่างกัน เขาอาจรู้ในบางเรื่องเก่งมาก แต่ไม่สนใจในบางเรื่อง แต่การไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปในอาชีพของตัว เอง นั่นแปลกมาก

2. นักเขียนบางคนก็แปลกมาก ๆ

ยังขอยืนยันว่า นักเขียนทุกคนที่แม็กซ์เจอ (กับตัว) น่ารัก และเป็นกันเองบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดแม็กซ์จากการคิดว่า บางคนก็แปลกจิงจิง

มีอยู่คนนึง (ซึ่งเป็นนักเขียนดังระดับนิวยอร์คไทม์) ที่พูดย้ำไปย้ำมาว่า ตัวเองถูกเลี้ยงมาโดยพวกภูติพรายสารพัดสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ และนี่เป็นเหตุผลที่เธอหันมาเขียนเรื่องเหนือธรรมชาติ

ตอนแรกแม็กซ์ก็คิดว่าเธอพูดเล่นนะคะ แต่หลังจากย้ำคำพูดนี้อยู่สิบกว่ารอบ แม็กซ์ก็เลยเชื่อว่า เธอเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง

แต่หากคิดว่านักเขียนก็เป็นคนกลุ่มนึงที่ย่อมมีความแตกต่างในตัวเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยนะคะ

3. คนแปลกหน้าก็มีน้ำใจต่อกันได้

แม็กซ์เจอนักอ่านซึ่งเป็นแฟนหนังสือของแมรี่ บาล็อคธ์ เชื่อไหมว่า แม็กซ์บังเอิญเดินเจอกับเธออยู่สองสามครั้งในสองวัน พอวันสุดท้ายเธอเดินมาและถามแม็กซ์ว่า "มีหนังสือเรื่อง..." ซึ่งเป็นหนังสือที่หายากมาก ๆ ของแมรี่ ราคาขายกันในอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ร้อยเหรียญอัพ เธอบอกว่า เธอมีอยู่สองเล่ม และอยากจะให้แม็กซ์เล่มนึง

แม็กซ์ไม่ได้รับมาหรอกนะคะ ไม่ใช่เพราะหยิ่ง แต่เพราะมีแล้ว ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นความมีน้ำใจของคนแปลกหน้า สิ่งที่แม็กซ์เสียใจก็คือ ด้วยความยุ่งและวุ่นวาย แม็กซ์ลืมของที่อยู่ติดต่อเธอเอาไว้

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของความมีน้ำใจนะคะ ซึ่งเมื่อปีก่อนแม็กซ์ผิดหวังในเรื่องน้ำใจจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนไปคนนึง ถึงจะไม่ได้ทำให้แม็กซ์ท้อหรือหมดกำลังใจหรอกนะคะ แต่การได้พบกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นเพื่อน ไม่เคยให้ของหรือความช่วยเหลือกับเขา แต่เขาคิดถึงแม็กซ์ในแง่ดีมากพอที่จะเอ่ยปากถาม (แค่ถามมันก็มากพอแล้วล่ะค่ะ เพราะมันเป็นเครื่องแสดงว่าเขามีน้ำใจให้เรา)

เพราะสุดท้ายแม็กซ์ก็ไม่ได้อยากได้ของเขาหรอกนะคะ ของก็แค่นอกกายค่ะ เพราะถ้าแม็กซ์งกและอยากได้ ก็คงโกหกบอกเธอว่ายังไม่มีเล่มนั้น รับของมา แล้วเอามาขายในอินเตอร์เน็ต (และคงช่วยแบ่งเบาภาระเครดิตการ์ดตอนนี้ได้เยอะเลยล่ะ จะบอกให้) แต่แม็กซ์ไม่ได้อยากได้ แค่คำพูดก็มากพอแล้ว

4. แอนย่า แบสไม่รับปากที่จะเขียนเรื่องของสเตฟาน คนที่ตามอ่านบลอกแม็กซ์ก็คงพอรู้ว่า แม็กซ์มีความผูกพันกับ "ตัวเกือบร้าย" ในชุด Elemental Witches มากแค่ไหน แอนย่าบอกว่า "เขาไม่ใช่พระเอกในเล่มสี่ แต่เธอยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้เขากลับตัวหรือไม่" แม็กซ์ทั้งขอทั้งร้อง แต่ดูเหมือนแอนย่าจะมีปัญหากับการเขียนให้สเตฟานกลับตัว ข่าวดี (นิด ๆ) ก็คือลอเรน เดนซึ่งเป็นนักเขียนและเพื่อนของแอนย่า ก็คิดเหมือนแม็กซ์ และดูเหมือนจะกระตุ้นให้เธอเขียนเรื่องของสเตฟานเช่นกัน

5. มาย่า แบงค์บอกว่า คนที่ชอบเรื่อง Colter's Woman น่าจะชอบเรื่อง Be with me ซึ่งจะออกปลายปีนี้ แม็กซ์นั่งคุยกับเธอนานเหมือนกัน เรื่องที่ว่าแม็กซ์ชอบเรื่อง CW ไม่มากอย่างที่ควรเป็น เธอคิดว่าประเด็นที่ทำให้แม็กซ์ลังเลคือเรื่องพี่น้องใช้ผู้หญิงร่วมกัน ซึ่งแม็กซ์ก็แก้ความเข้าใจผิดไปว่า ไม่ใช่เลย แต่เป็นเรื่องที่ CW มันสั้นไปต่างหาก ทุกอย่างดูรวบรัดและสรุปเร็วไป ทางมาย่าก็เลยบอกว่า อย่างนั้นต้องอ่าน BWM เพราะว่าเล่มนี้จะยาวกว่า และลึกกว่าในด้านอารมณ์ แล้วจะรอดูค่ะ

6. หนังสือเล่มถัดไปจาก The Northern Devil ของไดแอนด์ ไวด์ไซด์ไม่ใช่เรื่องของโลเวลล์และพอร์เชีย แต่จะเป็นเรื่องลูกชายของวิลเลี่ยม โดโนแวนซึ่งจะเป็นการเขียนก้าวกระโดดไปจากเส้นเวลาในเรื่องหลายปี แต่เธอบอกว่า เธอไม่อาจสลัดความคิดที่ว่าวิลเลี่ยมจะต้องหลานออกไปได้ ดังนั้น The Blue Eye Devil (ที่ไม่ใช่ของลิซ่า เค.) น่าจะออกปีหน้ากลางปีค่ะ จากนั้นถึงจะเป็นคิวของโลเวลล์ ส่วนชุดเท็กซัสแวมไพร์ของเธอก็จะจบชุดไปพร้อมกับ Bond of darkness แต่ถ้าโชคดีเบิร์คเลย์ยอมรับข้อเสนอของเธอ เราก็จะได้อ่านกันต่อเกี่ยวกับตัวละครที่เธอทิ้งท้ายเอาไว้ในเล่มนั้น

7. หากคุณอยู่ในงานปาร์ตี้ไปจนถึงดึก ๆ ก็อาจจะเห็นของดีที่เด็ดไม่แพ้นิยายอีโรติกโรแมนซ์ก็ได้ อันนี้แม็กซ์ไม่ได้เห็นกะตาหรอกนะคะ แต่มีคนเล่าให้ฟัง ระหว่างนายแบบหน้าปกหนังสือ (ที่ไม่ดังหรอกค่ะ) กะหญิงสาวที่พันกันนัวเนียไปหมด

8. มาร์เจอรี่ เอ็ม หลิวเป็นผู้หญิงที่สวยโคตร นี่เป็นคำพูดในฐานะผู้หญิงด้วยกันนะคะ ทั้งสูงและสวย สง่า เสียงเพราะมาก ไม่รู้จะบรรยายอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

9. เชอริล โฮลต๋จะเลิกเขียนอีโรติก โรแมนซ์แล้ว (ข่าวร้ายของสนพ.น้อยตร.นะคะ) แต่จะหันไปเขียนแนวย้อนยุคธรรมดาแทน ยังเป็นโรแมนซ์อยู่ แต่ไม่เน้นเซ็กส์เป็นอาจิณอีกต่อไป ซึ่งแม็กซ์ที่ชอบงานในอดีตของเธอมากกว่าดีใจนะคะ แต่จะเปลี่ยนไปออกกะสนพ.แกรนต์เซ็นทรัล

10. เซเลส แบรดลีย์บอกว่ายังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเขียนชุด The Liar's Club ต่อหรือเปล่า เธออยากเขียนแต่สนพ.ไม่พูดออกมาให้เด็ดขาด ไม่ยอมตัดสินใจ --- ข่าวนี้เศร้ามากสำหรับแม็กซ์ค่ะ

11. หนังสือชุดเบ็ตซี่ กะวินด์แฮมเวอร์วูลฟ์ของแมรี่ เจนิส เดวิสสันจะมาเจอกันใน Undead & Unworthy เมื่อเบ็ตซี่และซินแคลร์เดินทางไปพบกับไมเคิลเพื่อเคลียร์ปัญหาระหว่างแวมไพ ร์และหมาป่า ฉากเด็ดที่เธอบอกให้คนอ่านรอก็คือฉากที่เบ็ตซี่สั่งให้ซิลแคลร์หุบปากและ นั่งลง เพราะ "ฉันเป็นราชินีนะยะ"

12. ในเล่มปกแข็งชุดคาร์พาเธียนที่จะออกของคริสตีน ฟีแฮนเรื่อง Dark Curse จะมีฉากที่สภาแวมไพร์ออกกฏห้ามผู้หญิงลุกขึ้นต่อสู้ (เรียกเสียงฮือฮาจะจากคนทั้งห้องที่ประชุม)

13. แมรี่ โจ พุธเน่ย์ยืนยันว่าเธอจะเขียนเรื่องของแอช (ที่ไม่ใช่แอชรอนของเจ๊เชอรี่) ซึ่งเป็นตัวละครในเรื่อง The Marriage Spell ซึ่งเป็นแนวพารานอมอล ให้ออกมาในรูปแบบที่ไม่ใช่พารานอมอล เพราะเธอเปลี่ยนสนพ.

14. หนังสือชุดต่อจาก Simply ของแมรี่ บาล็อคธ์จะออกติดกันสี่เล่มในสี่เดือน เริ่มต้นปีหน้าประมาณเดือนกุมภา/มีนา แต่เล่มที่สี่จะออกเป็นปกแข็งเรียกเงินคนอ่าน เป็นเรื่องราวของพี่น้องสี่คนที่น้องชายคนเล็กลาภลอยทับด้วยการได้รับ บรรดาศักดิ์จากญาติห่าง ๆ ทำให้พวกเขาต้องเดินทางเข้าลอนดอน

15. นิโคล จอร์แดนบอกว่าเธอเปลี่ยนแนวเขียนนิยายของตัวเองหลังจากเหตุการณ์ 9/11 ทำให้เธออยากเขียนเรื่องที่เบาและสนุกขึ้น ไม่มีประเด็นหนัก ๆ มาให้เครียดอีก และข่าวดีคือ เธอเพิ่งเซ็นต์สัญญากับบัลเลนไทน์เพื่อออกหนังสืออีกสามเล่ม

16. เจอาร์ วาร์ดจะเขียนชุด BDB จนถึงเรื่องของรีเวจน์ (ซึ่งจะออกในเดือนมิถุนา/กรกฏาปีหน้า เป็นปกแข็ง) จากนั้นเธอจะเริ่มต้นชุดใหม่แนว Urban Fantasy ที่น่าจะจบในเจ็ด หรือสิบสี่เล่ม (แม็กซ์ไม่แน่ใจว่าเป็นมุขตลกหรือพูดจริง) เธอยังไม่รู้ว่า BDB เล่มต่อจากรีเวจน์จะมีคิวออกหรือเขียนเมื่อไหร แต่เธอเชื่อว่าถ้าเขียนน่าจะเป็นเรื่องของจอห์น แมธทิว และประเด็นเรื่องทอร์จะกลับมาหรือไม่ จะถูกไขในเล่มของฟิวรี่

อันที่จริงคำตอบของคำถามเกือบทุกอย่างอยู่ในเล่มของฟิวรี่ และอันนี้แม็กซ์คิดเอาเองโดยไม่มีคำใบ้นะ เพนย์อาจจะเป็นนางเอกของรีเวจน์ เพราะเธอจะถูกปลดปล่อยโดยเวอร์จิ้น และบอกให้ "แม่" ไปตายซะ

ในอีกตัวตนนึง เจสสิก้า วาร์ดยอมรับว่าเธอมีสัญญาเขียนเรื่องพี่น้องตระกูลโอแบนยันอีกสองเล่ม แต่... ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเขียนให้ได้เมื่อไหร

17. เรเชล วินเซ็นต์ซึ่งเป็นนักเขียนแนว Urban Fantasy ที่กำลังมาแรงมาก บอกว่า เธอไม่สามารถการันตีได้ว่า นิยายของเธอจะจบลงอย่างมีความสุข (และนี่เป็นเหตุผลที่แม็กซ์ไม่ซื้อหนังสือของเธอกลับมาสักเล่ม ทั้งที่ตั้งใจว่าจะซื้อ)

18. นิยายเรื่องใหม่ของแองเจล่า ไนท์อยู่ในโลกเดียวกับเรื่อง Jane's Warlord แต่ไม่ถึงกับต่อเนื่องกันมากนัก ชื่อเรื่องว่า The Time Hunter: The warrior จะออกขายเดือนกรกฎา/สิงหานี้แหละ

19. เดไลล่าห์ เดฟลินยังจะเขียนเรื่องในชุด Darkness ต่อไป โดยเล่มสามเป็นเรื่องของอเล็กซ์ (กรี๊ดมาก เพราะแม็กซ์อยากอ่าน) ตัวละครลึกลับที่ปรากฎตัวใน Seduced by darkness (เล่มสอง) แม็กซ์ยอมรับตามตรงนะว่าหนังสือของเดไลล่าห์นี้เป็น Guilty Pleasures ของแม็กซ์อย่างแรง เพราะอ่านไปก็หน้าแดงไป เรื่องไม่มีพล็อตนักหรอก แต่เซ็กส์ซู้ดยอด

20. ซานดร้า ฮิลล์แปลกใจมากที่มีนิยายของเธอวางขายในประเทศไทยด้วย เธอถามแม็กซ์ว่ามีขายในลักษณะไหนบ้าง เป็นของใหม่ หรือมือสอง แม็กซ์บอกว่ามีทั้งสองอย่าง แต่ก็ยังอุบไว้นะว่า แท้จริงแล้วมีฉบับแปลไทยอีกต่างหาก ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่นไปกว่านี้แล้วค่ะ เพราะแค่พี่บานตามเล่มงาน สนพ.ในเมืองไทยก็แย่แล้ว

21. แม้กระทั่งรองประธานบริษัทที่เป็นเจ้าของสนพ.ฮาร์ลิควิน ก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไม นิยายของฮาร์ลิควินจึงไม่ยอมพิมพ์เดือนและปีที่หนังสือเล่มนั้นออกจำหน่ายใน ปกในของเล่ม ข้อมูลนี้ได้มาตอนที่แม็กซ์เข้าฟังการสัมนาของฮาร์ลิควิน แล้วมีแฟนหนังสือถาม

ส่วนแม็กซ์ถามเขาไปว่า ทำไมหนังสือของฮาร์ลิควินถึงได้สั่งยากสั่งเย็นยิ่งนัก ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบที่รู้เรื่องเช่นกัน (คาดว่ารองประธานคงดูเรื่องหนังสืออย่างเดียว การตลาดบ่ฮู้)

22. อลิซาเบ็ธ สก๊อตคือคนคนเดียวกับจานิซ เมย์นาร์ด นี่เป็นความรู้ใหม่อย่างมาก

23. ในที่สุดแคธเทอลีน อาร์ซาโร่ก็เขียนเรื่องต่อจาก The Moon's Shadow

No comments: