Saturday, January 31, 2009

Highland Warrior // Monica McCarty

หลังจากทนทุกข์พยายามอ่านหนังสือชุดไตรภาคชุดแรกของโมนิก้า แม็คคาตี้ไปได้สองเล่ม (จากทั้งหมดสามเล่มในชุด) แม็กซ์ก็คิดได้ว่า ขืนทำอย่างนี้ต่อไป มีหวังเป็นได้เลิกอ่านงานของเธอเสียก่อนที่จะถึงเล่มที่เพื่อนแนะนำให้อ่าน เป็นแน่

แม็กซ์เลยตัิดสินใจลัดคิวหยิบเอาเล่มนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เพื่อนแนะนำให้อ่าน

Highland Warrior ของโมนิก้า แม็คคาตี้

หนังสือเล่มนี้ถูกโฆษณาว่าเป็นเล่มแรกในหนังสือชุดไตรภาคของพี่น้องตระกูล แคมเบลล์ แต่ว่าไปแล้วเล่มนี้ก็มีความเกี่ยวเนื่องกับหนังสือชุด Highlander ซึ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลแม็คคลาวด์เล็กน้อย ตรงที่พระเอกในเล่มนี้ เป็นตัวละครรองในเรื่อง Highlander Unmasked แต่ก็แค่นั้นนะคะ เรื่องราวไม่ได้เกี่ยวเนื่องกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องอ่านเรื่องไหนก่อนเล่มนี้

เจมี่ แคมเบลล์ไม่ใช่แขกผู้เป็นที่ต้องการในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยเผ่าลามอนต์ เขาเป็นคนสนิทของชายผู้ถูกเกลียดที่สุดในไฮแลนด์ เป็นลูกน้องของเอิร์ลแห่งอาร์กิลล์ผู้โหดร้าย และปกครองไฮแลนด์แทนที่กษัตริย์ เจมี่ในฐานะหลานชายและมือขวาของอาร์กิลล์ จึงเป็นเป้าหมายแห่งความเกลียด แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจมี่หวั่นไหว เขายึดมั่นในหน้าที่การรักษาความสงบ เพื่อทำให้ไฮแลนด์เป็นดินแดนแห่งกฎหมาย ไม่ใช่เต็มไปด้วยพวกนักรบนอกรีต

และหน้าที่นั้นก็นำเจมี่ไปยังเผ่าลามอนต์ เขาได้ข่าวว่าผู้นำเผ่าแม็คเกรเกอร์ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการตัวของ กฎหมายกำลังหลบซ่อนตัวอยู่กับลามอนต์ ดังนั้นเจมี่จึงใช้ประโยชน์ของความงามของเคททิน่า ลามอนต์เป็นข้ออ้างในการมาเยือนเผ่าลามอนต์

เขาแสดงความสนใจในตัวเคททิน่าเพื่อปกปิดเป้าหมายที่แท้จริง แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์แห่งงานเลี้ยง เขาจะต้องการตัวเคททิน่าเป็นภรรยาของเขาจริง ๆ เจมี่เอ่ยปากของเคททิน่าแต่งงาน แต่เธอไม่อาจมองข้ามความเป็นแคมเบลล์ของเขาได้ เจมี่จึงจากไป

สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ พี่ชายของเขาซึ่งได้ข่าวการหลบซ่อนของพวกแม็คเกรเกอร์เช่นกัน ได้ยกทัพมาโจมตีเผ่าลามอนต์ และเป็นต้นเหตุให้เคทสูญเสียครอบครัวทั้งหมดของเธอไป

อย่างเดียวที่เจมี่จะช่วยเคทได้ก็คือ การแต่งงานกับเธอ และเริ่มต้นกอบกู้เผ่าลามอนต์ขึ้นมาอีกครั้ง

เพื่อนคนที่แนะนำเรื่องนี้ให้แม็กซ์อ่าน เป็นคนที่รู้จักแม็กซ์อย่างแท้จริง หลายคนคงจะพอรู้กันว่า พระเอกสไตล์ที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดก็คือ คนที่เคยเป็นตัวร้ายมาก่อน หรือมีนิสัยติดเจ้าเล่ห์ หรือเป็นตัวละครที่มีสีเทาชัดเจน แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ (แต่เพื่อนคนนี้รู้) ก็คือ แม็กซ์ยังมีพื้นที่เล็ก ๆ ในหัวใจให้กับพระเอกที่มีเกียรติ

แม็กซ์ไม่ได้หมายความถึงพระเอกแนวแสนดีนะคะ แม็กซ์หมายถึงสิ่งที่พูดไป นั่นคือ เกียรติ และการยึดมั่นในความถูกต้อง แม้มันอาจจะไม่ดีต่อตัวเขาเอง นางเอก หรือใครก็ตาม ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตัวละครก็จะทำ แม้จะทำให้เขาเจ็บปวด

และเจมี่ แคมเบลล์พระเอกของเรื่องนี้ก็มีคาแร็คเตอร์ตามนั้นเป๊ะ เจมี่ไม่ใช่หัวหน้าเผ่าผู้กล้าหาญและได้รับการยกย่องไปทั่วทั้งไฮแลนด์ (เหมือนอย่างที่รอรี่พระเอกใน Highlander Untamed) เขาเป็นหลานชายของตัวละครในประวัติศาสตร์ที่ถูกนักเขียนนำมาใช้เป็นตัวร้าย ในหลายเล่ม (อาร์กิลล์เป็นตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่เจมี่ถูกนักเขียนสร้างขึ้นมา) แต่เขาไม่ได้รับใช้อาร์กิลล์เพราะความเป็นครอบครัว เจมี่เชื่อมั่นในสิ่งที่อาร์กิลล์ทำ นั่นเป็นการมองประวัติศาสตร์ในอีกรูปแบบนึง เพราะถ้าใครอ่านโรแมนซ์ในสก๊อตแลนด์ เราจะได้เห็นเรื่องแค่ด้านเดียว ด้านที่แคมเบลล์เป็นความชั่วร้าย แต่ในเล่มนี้เจมี่ทำให้เรามองโลกจากอีกมุมนึง

เจมี่รู้ว่า หากไฮแลนด์ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงยึดในรูปแบบเดิม ๆ สุดท้ายแล้วชาวไฮแลนด์ก็จะถูกพวกโลว์แลนด์ยึดครอง ถึงอาร์กิลล์อาจจะไม่ใช่คนดีที่สุด แต่เจมี่รู้จักเขาดีพอที่จะรู้ว่า อาร์กิลล์ไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่ทุกคนคิด ที่สำคัญอาร์กิลล์เชื่อมั่นในสิ่งเดียวกับเขา นั่นก็คือกฎหมายและความถูกต้อง

ตลอดทั้งเรื่องเจมี่ตกเป็นเป้าของความเกลียด กระทั่งเคททิน่าเองก็ยังไม่อาจเอาชนะความลำเอียงที่เธอมีต่อเขาได้โดยง่าย เธอต้องใช้เวลาในการยอมรับเขา ซึ่งนี่ทำให้แม็กซ์มองเห็นความเข้มแข็งของนางเอกอย่างมาก เคททิน่าไม่ใช่นางเอกชนิดที่แสนดีและมองโลกแบบขาวและดำ เธอรักครอบครัวของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มองออกถึงเหตุผลที่พวกเขาถูกทำลาย เธออาจไม่ยอมรับมัน แต่เธอเข้าใจ

ดังนั้นเคททิน่าจึงเป็นคนที่เข้าใจเจมี่ได้ดีที่สุด เธออาจจะไม่ได้มองโลกแบบเขาทั้งหมด (เพราะสำหรับเจมี่มันคือถูกและผิด) แต่เธอเข้าใจพลังที่ผลักดันให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็น หลายครั้งเธอออกมาปกป้องเขา การดำเนินเรื่องผ่านช่วงเวลาทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเคททิน่า จากเด็กสาวไร้เดียงสาที่ปฏิเสธคำขอแต่งงานของชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในไฮแลนด์ มาจนถึงหญิงสาวที่จำใจต้องตอบรับคำขอแต่งงานเพื่อดำรงรักษาเผ่าของตัวเองเอา ไว้ เคททิน่าโตขึ้นในสายตาเรา และแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เธอแสดงความไม่เชื่อใจในเจมี่อย่างมากที่สุด แม็กซ์ก็ยังให้อภัยเธอได้ อันที่จริงมันไม่ต้องการการให้อภัยด้วยซ้ำ เพราะเคททิน่าทำทุกอย่างตามคาแร็คเตอร์ที่ถูกวางมา และมันเหมาะเจาะกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินไป

แม็กซ์ชอบอารมณ์ในเรื่อง ชอบการที่เจมี่คิดว่า แค่การได้แต่งงานกับเคททิน่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่เมื่อเขาได้ตัวเธอมา เขาก็ต้องการมากกว่านั้น "He didn't want her duty, he wanted her love and desire. He wanted her of her own free will - because she wanted to, not because she had to."

สำหรับโรแมนซ์ที่ตัวเอกอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันและกัน มันเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าถ้าจะสรุปเรื่องโดยให้ใครคนนึงยอมตามทางเลือกของ อีกฝ่าย ในเล่มนี้ก็เป็นในเรื่องที่ใช้พล็อตที่พระเอกและนางเอกยืนอยู่ตรงข้ามแห่ง ความเชื่อ แต่แม็กซ์ชอบทางออกที่โมนิก้ามอบให้ตัวละคร เพราะแม้ว่าเจมี่จะรักเคททิน่าเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ทิ้งหลักการที่เขามี เพราะสำหรับเจมี่แล้ว ความรักไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้คนละทิ้งเกียรติ และความถูกต้องที่ยึดมั่น

"Damn it, Caitrina, don't you know how much I love you? So much that there is almost nothing I wouldn't do for you. But I can't change who I am."

หนังสือเล่มนี้ทำให้แม็กซ์เริ่มมีความหวังกับผลงานของโมนิก้า แม็คคาตี้ หลังจากที่ผิดหวังไปกับสองเรื่องแรกที่เธอเขียน เราคิดว่าเธอเติบโตขึ้นมาก ๆ ในฐานะนักเขียนกับหนังสือเล่มนี้

และขอบคุณเพื่อนมาก ๆ ที่แนะนำให้อ่าน และขอบคุณที่รู้จักแม็กซ์ดีพอว่าเราจะตกหลุมรักเจมี่ แคมเบลล์

คะแนนที่ 73

No comments: