ดูเหมือนช่วงอาทิตย์นี้จะเป็นไล่ตอบคำถามที่ฝากแม็กซ์เอาไว้ ไม่ว่าจะทิ้งไว้ที่บลอกแห่งนี้ ในอีเมลล์ หรือถามกันเป็นการส่วนตัวนะคะ (สำหรับคนที่ไม่รู้อีเมลล์ของแม็กซ์คือ maxtreming@yahoo.com)
วันนี้ก็เป็นตอบคำถามที่ว่า อะไรทำให้แม็กซ์กลายเป็นนักอ่านที่ชื่นชอบพระเอก/นางเอกที่เคยเป็นตัวร้ายมา ก่อน หรือมีพฤติกรรมที่ออกกึ่งดีกึ่งเลว (และแม็กซ์ไม่ได้หมายความของคำว่าร้าย กับการทำร้ายจิตใจนางเอกนะคะ แม็กซ์ทนพระเอกชนิดที่ทำอย่างนั้นไม่ค่อยจะได้หรอก)
พอโดนถามเราก็เลยกลับไปคิด และได้คำตอบมาเป็นหนังสือเล่มนี้
Knight Errant
นึกถึงแม็กซ์ตอนเริ่มอ่านโรแมนซ์ใหม่ ๆ แม็กซ์เริ่มต้นอ่านจากงานของนอร่า โรเบิร์ต และเจนย์ แอน เครนซ หนังสือของพวกเธอทันสมัย ตัวละครน่าอ่าน พล็อตเรื่องสนุกสมใจ มันเป็นการเปิดตาของแม็กซ์ให้รู้จัก และรักโรแมนซ์มาจนถึงทุกวันนี้
ต้องยอมรับนะคะ ตัวละครของนอร่า และเจนย์เป็นคนดี พวกเขาอาจไม่สมบูรณ์แบบ หรือรวยล้นฟ้า (มากนัก) แต่พวกเขาอยู่ฝ่ายธรรมะ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย (การที่แม็กซ์ชอบพระเอกที่เคยเลวมาก่อน ไม่ต้องทำให้ความชอบพระเอกที่นิสัยดีลดลงนะคะ มันไม่ใช่ Mutually Exclusive)
แม็กซ์อ่านงานของนักเขียนสองคนนี่ยาวนานเลยค่ะ (เพราะรวมหนังสือที่เธอสองคนเขียนในหลายนามปากกาก็มากกว่าสองร้อยเล่มแล้ว) จนกระทั่งเพื่อนที่รู้ใจ (you know who you are) ยื่นหนังสือเล่มนี้ และอีกห้าเล่มในชุดเดียวกันมาให้แม็กซ์อ่าน พร้อมพูดว่า
"ทนอ่านเล่มหนึ่งถึงเล่มสามหน่อยนะ แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่ทุกอย่างจะคุ้มค่าถ้าอ่านถึงเล่มนี้"
หนังสือทั้งหกเล่มอยู่ในชุด Southern Knights เล่าเรื่องของผู้พิทักษ์ธรรมในเมืองนิวออร์ลีน (จึงเป็นที่มาของชื่อชุดที่ว่า อัศวินแห่งภาคใต้ -- นิวออร์ลีนอยู่ทางใต้ของเมกา) ดั้งเดิมชุดนี้ตั้งใจจะเขียนออกมาแค่สามเล่ม เล่าเรื่องของนายตำรวจสามคนที่พยายามเอาผิดและนำตัวจิมมี่ ฟอลโคนมาลงโทษ แต่ด้วยความฮิตทำให้คนแต่งเขียนต่อมาอีกสามเล่ม เล่าเรื่องคนธรรมดาที่สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่บนซากความล่มสลายที่จิมมี่ทำเอา ไว้ (เพราะอัศวินไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจเสมอไป)
สามเล่มแรกเป็นจริงอย่างที่เพื่อนของแม็กซ์เตือน มันน่าเบื่อ และกว่าจะอ่านจบได้ แม็กซ์ก็เกือบบอกศาลากับคนแต่งคนนี้เด็ดขาดหลายต่อหลายรอบ แต่ด้วยความเชื่อมั่นในเพื่อนคนนี้ (เขาเป็นคนที่รสนิยมดีมาก -- ที่บอกว่าดี เพราะมันตรงกับแม็กซ์สุดสุด) แม็กซ์ทน ทน ทน แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน อ่าน อ่าน อ่านให้จบ
สิ่งเดียวที่ทำให้สามเล่มนี้น่าสนใจก็คือ นิโคลัส คารุทชี่ ทนายความตัวแสบของจิมมี่ ฟอลโคน เขามีเสน่ห์ และร้ายได้ใจ เป็นคนที่ทำให้งานแห่งความชั่วร้ายของจิมมี่สำเร็จลงได้ แม็กซ์ควรจะไม่ชอบเขาเหมือนอย่างที่เกลียดจิมมี่ (ก็เขาเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรแห่งความเลว) แต่ก็พบว่าเกลียดเขาไม่ลง ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง แม็กซ์พบว่าเขาเป็นตัวละครที่น่าค้นหาที่สุดในชุดนี้แล้ว
หลังจากจบสามเล่ม เรื่องราวที่ควรจะจบลงด้วยการจับคุมจิมมี่ และนิโคลัสเข้าคุก หนังสือชุดนี้ก็ถูกเปิดตอนต่อมาด้วยเรื่องราวของตัวละครรอง (ที่ออกในสามเล่มแรก) เล่าเรื่องการฟื้นฟูย่านสลัมอันเคยเป็นถิ่นหากินของจิมมี่
หนังสือสามเล่มหลัง เป็นหนังสือที่ดีที่สุดชุดนึงที่แม็กซ์เคยได้มีโอกาสอ่าน ตัวละครที่ไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษ แต่พวกเขาก็เป็น ตัวละครที่ต้องการแค่ทำในส่วนที่ต้องทำ กลับกลายเป็นการกระทำอันยิ่งใหญ่
แต่ในบรรดาสามเล่มหลัง (ที่ดีมากแล้ว) มันเป็นเล่มสุดท้ายเล่มนี้ที่ชื่อว่า Knight Errant ที่กำหนดความชอบของแม็กซ์มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของนิโคลัส คารุทชี่
ตัวละครที่จับความสนใจของแม็กซ์ตั้งแต่แรกที่เขาออกมา แม้จะในฐานะของตัวร้าย เมื่อเขากลับมาในฐานะของพระเอก มันยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก
เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วหลังจากนิโคลัสขึ้นให้การเพื่อปรักปรัมจิมมี่ ฟอลโคน มันเปิดเผยออกมาว่า เหตุผลที่นิโคลัสเลือกที่จะทำงานให้กับมาเฟียอย่างจิมมี่ ทั้งที่เรียนจบจากฮาร์วาร์ดด้านกฏหมาย และควรจะได้ออกไปไกลจากสลัมอันเป็นบ้านเกิด เขาละทิ้งอนาคตอันยาวไกลทั้งหมดก็เพื่อการแก้แค้น
คนรักของเขาตายโดยฝีมือของจิมมี่ นับจากนั้นนิโคลัสก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ใกล้ชิดกับจิมมี่ และนั่นหมายความถึงการทำทุกอย่างที่ผิดกฎหมายเพื่อให้จิมมี่ไว้ใจ เขาถลำลึกลงไปอย่างไม่อาจถอนตัวได้ แม็กซ์ชอบการที่เขาพูดกับนางเอกเล่มสาม เมื่อความจริงเปิดออกมาว่า เขาคือสายที่ให้ข่าวเกี่ยวกับจิมมี่ (แล้วเธอรู้สึกผิดอย่างมากที่เกลียดเขามาตลอด) เขาบอกให้เธอไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะเขาเป็นคนเลวอย่างที่เธอเข้าใจ การที่จะทำให้ความชั่วอย่างจิมมี่ไว้ใจ เขาไม่อาจเป็นคนดีได้ เขาต้องเลว และเขาก็เลวอย่างที่จำเป็นต้องเป็น
นิโคลัสไม่เคยหาข้ออ้างให้กับการกระทำของตัวเอง และนั่นเป็นคุณสมบัติที่แม็กซ์ตกหลุมรักเขา
ห้าปีผ่านไปหลังจากการเปิดโปงการกระทำผิดของจิมมี่ นิโคลัสซึ่งได้รับโทษจำคุกห้าปีสำหรับการกระทำในส่วนของเขา เขาออกจากคุก และกลับไปบ้านเกิดในสลัมอย่างผู้แพ้ จิมมี่แทบจะไม่ได้ใช้เวลาในคุกเลยด้วยซ้ำ (จิมมี่ชนะคดีด้วยการข่มขู่พยาน) ในขณะที่นิโคลัสสูญเสียทุกอย่าง ใบอนุญาตทนายความของเขาโดนยึดจากการที่เขาทำงานให้จิมมี่ ชีวิตที่อยู่บนเส้นด้าย เพราะจิมมี่ได้ออกคำสั่งฆ่าเขามาแล้ว
ไม่มีใครยินดีที่จะช่วยเหลือนิโคลัส เพราะการกระทำในอดีตของเขา และเขาก็ไม่ต้องการมันด้วย เขาหมดหวัง เพราะแม้เขาจะเสียสละทุกอย่าง ก็ยังไม่อาจล้มจิมมี่ได้ เขาทำดีที่สุด แต่กลับไม่ได้อะไรเลย จะว่าไปเขารอวันตาย
ลานี่ ฟาร์เรลเป็นเอฟบีไอที่ถูกส่งมาคุ้มกันนิโคลัสอย่างลับ ๆ เพราะเขาปฏิเสธการคุ้มกันทุกอย่าง เธอไม่อาจบอกความจริงเขาได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยพัฒนาขึ้น หัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่การเอาผิดจิมมี่ หรือการต่อสู้กับนักฆ่าที่ตามล่านิโคลัส หากแต่เป็นการรักษาแผลใจของชายหญิงสองคน นิคสูญเสียรักแรกของเขา เสียทุกอย่างที่สร้างมาทางอาชีพเพื่อการแก้แค้น และไม่ต้องการรักใครอีก เพราะรู้ว่า มันจะเป็นการเซ็นต์คำสั่งฆ่าเธอเช่นกัน (จิมมี่จะฆ่าทุกคนที่เขารัก) ในขณะที่ลานี่ต้องต่อสู้กับอดีตที่มารดาฆ่าตัวตาย และความลับที่ตัวเองเป็นเอฟบีไอ และกำลังหลอกลวงนิคอยู่
การแก้ปัญหาเรื่องจิมมี่มันง่ายโคตร ๆ แต่ก็นะ แม็กซ์ไม่ได้อ่านเรื่องนี้โดยคิดว่ามันเป็นแนวโรแมนติกสืบสวนอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีผลอะไรต่อความชอบ นั่นเพราะหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่ว่าด้วยความรู้สึกล้วน ๆ (แม็กซ์ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้) มันเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบของคนที่ไม่สมบูรณ์แบบเอาเสียเลย
นิโคลัส คารุทชี่เป็นจุดเริ่มต้นแรกของแม็กซ์ในการชอบอ่านเรื่องราวของคนที่ไม่ สมบูรณ์แบบ คนที่ในบางมุมมองอาจจะเป็นคนเลว แต่แม็กซ์คิดเสมอว่า ทุกคนมีหลายด้าน บางครั้งด้านที่เราเห็นอาจจะเป็นมุมที่มืดที่สุดของคนคนนั้น และถ้าเราคิดว่าด้านที่มืดของเขาน่าสนใจ ลองคิดดูสิคะว่า มุมที่สว่างกว่า (หรือมืดน้อยกว่า) มันจะยิ่งน่าสนใจขนาดไหน
คะแนนที่ 93
No comments:
Post a Comment