ขอแยกหัวข้อมาเป็นอีกบลอกนึงเลยนะคะ เพราะแม้งานนี้จะเป็นเหตุผลทำให้แม็กซ์ตัดสินใจไปเที่ยวเมกาครั้งนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ตัวตัดสินว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าหรือไม่ (ความคุ้มค่าสำหรับแม็กซ์มันเกินพอไปตั้งแต่วันที่แม็กซ์เข้าไปใน LACMA ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของเมืองแอลเอแล้วล่ะค่ะ แต่นั่นเป็นเรื่องเล่าสำหรับวันอื่น)
แม็กซ์มาร่วมงานนี้โดยมีเพื่อนมาด้วยอีกสองคน คนนึงลงทะเบียนร่วมงานนี้เช่นเดียวกับแม็กซ์ แต่ในฐานะของเจ้าของร้านหนังสือ แม็กซ์มาในฐานะนักอ่าน ส่วนเพื่อนอีกคนเป็น companion นั่นคือไม่เข้าร่วมการสัมนา แต่ร่วมงานเลี้ยงตอนกลางคืน เราสามคนต่างคนต่างเดินทางมากัน แม็กซ์เป็นคนแรกที่มาถึง และพบว่า ห้องพักของแม็กซ์ยังไม่เรียบร้อย ยังไม่พร้อมให้แม็กซ์เข้าพัก
โอเค แม็กซ์ก็เลยไปเดินเที่ยวในเมืองพิสต์เบิร์ค (ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องเล่าของมันเองอีกเช่นกัน) หลังจากเดินอยู่หลายชั่วโมง กลับมาก็ยังได้ยินคำตอบเดิมว่า ห้องพักยังไม่พร้อม คราวนี้ก็เลยมีการแสดงงิ้วจากเมืองไทยให้ฝรั่งดู ผลก็คือ แม็กซ์ได้เข้าไปพักในห้องพัก ที่แม้ทางเดินภายนอกจะยังระเกะระกะไปด้วยสายไฟ ภายในห้องก็ถือว่า อยู่ได้คร้าบ
หมดเรื่องโรงแรมแล้วก็มาถึงตัวงาน RT เอง
ถ้าถามแม็กซ์ว่า ไปงานนี้มาแล้ว ปีหน้าคิดอยากจะไปอีกไหม คำตอบของแม็กซ์ก็คงเป็นว่า "ถ้าแม็กซ์ไปในฐานะของนักอ่านอีกครั้ง แม็กซ์คงไม่ไป"
เพราะอะไรน่ะหรือ
ตามความเห็นของแม็กซ์ ขอย้ำว่าเป็นความเห็นของแม็กซ์ คนที่ไปร่วมงานนี้เสียเงินเท่ากัน แต่ได้ในสิ่งที่ไม่เท่ากัน และนักอ่านคือกลุ่มที่ถูกละเมิดมากที่สุด นักอ่านถูกปล่อยให้ต่อสู้ดิ้นรนในการแย่งหาโต๊ะอาหาร แย่งหนังสือที่แจก แย่งทุกอย่างกันเอง ในขณะที่คนอีกกลุ่มได้รับของเหล่านั้นฟรี ชนิดที่ประเคนให้กัน
แต่แม็กซ์ไม่เสียใจนะที่ไป เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่สามารถรับฟังการเล่าจากใครอื่นได้ คุณต้องเห็น และได้ยินด้วยตัวเอง และการได้พบกับนักเขียนที่คุณชื่นชอบ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรเทียบได้
และสิ่งที่แม็กซ์ประทับใจที่สุดในงานนี้ก็คือ การได้เจอกันนักเขียน ซึ่งแม็กซ์บอกได้เลยนะว่าเป็นกันเองกันคนอ่านมาก นักเขียนหลายคนที่ดังมาก ๆ ไม่มีอาการถือตัว เล่นตัว หรือทำอะไรกับตัวเลย
งานนี้จัดทั้งหมด 5 วัน โดยตอนกลางวันจะเป็นเวิร์คช็อปที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้พูดคุย กัยนักเขียนในบรรยากาศที่คล้ายกับห้องเรียน เราสามารถถามนักเขียนในสิ่งที่เราอยากรู้ ส่วนตอนกลางคืนก็เป็นงานปาร์ตี้แฟนซีที่แต่ละคนแต่งตัวกันสุดสุด
แม็กซ์ชอบเวิร์คช็อปที่เข้าไปฟัง แต่บอกตามตรงนะคะว่า นักเขียนไม่ได้มีการเตรียมตัวในการพรีเซ้นต์งานเท่าไหร ส่วนมากจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เข้าไปฟังถามคำถามกันมากกว่า
เวลาส่วนใหญ่ในงานนี้ของแม็กซ์ก็คือการตามล่านักเขียนเพื่อขอลายเซ็นต์ ซึ่งอันนี้เป็นเป้าประสงค์ใหญ่ที่สุดเลยล่ะ และก็ขอรายงานด้วยความภาคภูมิใจว่า นอกจากนักเขียนในเป้าหมายสองสามคน แม็กซ์ได้ลายเซ็นต์มาครบค่ะ
มาดูบรรยากาศทั่ว ๆ ไปกัน ผ่านรูปนะคะ
เป็นรูปของบรรดานายแบบภาพปกของสนพ.อีลอร่าส เคฟ ที่มารับจ้างถ่ายภาพเพื่อหาเงินสนับสนุนการกุศล ผู้หญิงตรงกลางนี่ บอกตามตรงว่าแม็กซ์ไม่รู้ว่าคือใครหรอกค่ะ พอดีเห็นเค้าถ่ายกันอยู่ ก็เลยไปถ่ายบ้าง กะจะเอามาให้ดูกัน
ข่าวลือ (ที่น่าจะจริง เพราะได้ยินมาจากปากของเพื่อนคนที่ประสบเหตุกับตัว) มีหนึ่งในนายแบบเหล่านี้ปิ๊งนักเขียนสาวสวยมาก (ยืนยันว่าสวยจริง) ถึงขนาดตามสาวเจ้าไปยังห้องพัก ซึ่งสร้างความแตกตื่นอย่างรุนแรงให้เธอ (เธอแต่งงานแล้ว และรักสามีมาก) จนเกิดเหตุการณ์ตบแต่ไม่จูบกันขึ้น ข่าวล่ามาเร็วก็คือบรรดานายแบบเหล่านี้ถูกส่งตัวกลับบ้านในวันศุกร์ ทั้งที่งานมีจนถึงวันอาทิตย์
พูดถึงบรรดานายแบบภาพปกแล้ว แม็กซ์ก็สงสารพวกนี้นะ เพราะเหมือนกับผู้หญิงที่ถูกกระทำเป็นวัตถุทางเพศในงานอื่น งานนี้ผู้ชายก็ถูกกระทำเช่นกัน สำหรับงานที่มีผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง บรรดาหนุ่ม ๆ หน้าตาดี หุ่นล่ำบึกก็กลายเป็นวัถตุทางเพศ ให้จับ ขย้ำ และทำอะไรหลายอย่าง แม็กซ์เองก็พูดกะเพื่อน (อย่างเบา ๆ) ถึงความไม่เห็นด้วยในพฤติกรรมนี้
จนกระทั่งหนุ่มคนนี้ที่ทำให้อดใจไม่อยู่จริง ๆ แม็กซ์แอบปิ๊งและคิดในใจตั้งแต่แรกเห็นในล็อบบี้แล้วล่ะว่า ผู้ชายคนนี้โคตรจะโดนใจเลย หล่อใจสั่น มือสั่น แล้วโอกาสก็อำนวยในงานเลี้ยงตอนกลางคืนของคืนนึง ที่แม็กซ์สบโอกาสเห็นเขาอยู่ตามลำพัง ก็เกิดอาการควบคุมตัวเองไม่อยู่ (น้ำลายมันหกแล้ว) รีบตรงเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย
อันนี้เป็นรูปจากเว็บไซด์ของเขานะคะ รูปที่แม็กซ์ถ่ายคู่กะเค้านี่มันออกอากาศไม่ค่อยจะได้น่ะค่ะ เขาชื่อ คริส วินเตอร์ เป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดมิสเตอร์โรแมนซ์ ซึ่งเป็นการประกวดชายงามซึ่งผู้ชนะจะได้เป็นนายแบบภาพปกหนังสือโรแมนซ์ของสน พ.ดอร์เชสเตอร์ ในบรรดาเก้าหนุ่มที่เข้าประกวด ก็มีคุณคริสนี่แหละที่เตะตา
ไม่อยากจะบอกว่าเขากอดแม็กซ์ด้วย กรี๊ด ๆๆๆๆ
และแน่นอนว่าสายตาของแม็กซ์ย่อมแหลมคม ก็เพราะคริสนี่แหละคือผู้ชนะในการประกวดมิสเตอร์โรแมนซ์
แต่ก็มีข่าวลือมาอีกว่า หลังจากชนะเขาก็โดนทำร้ายโดนคนเข้าประกวดอีกคนที่ทราบต่อมาภายหลังว่ามีประวัติมีปัญหาทางจิต
อันนี้เป็นภาพถ่ายของหนึ่งในโต๊ะของแจกฟรีที่บรรดานักเขียนเอามาทิ้งไว้ให้ ผู้เข้าร่วมงานหยิบกันตามสบาย ซึ่งแม็กซ์ก็หยิบมาเยอะเสียด้วยค่ะ ถ้าใครอยากได้อะไรของนักเขียนคนไหนเป็นพิเศษก็บอกกันได้นะคะ
โต๊ะไว้ของอย่างนี้มีเป็นสิบโต๊ะ ของแจกก็แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สุดอย่างที่คั่นหนังสือ ภาพปก ไปจนถึงปากกา สติกเกอร์ ช็อคโคแล็ค หมากฝรั่ง ที่ติดตู้เย็น หรือกระทั่งถุงยางอนามัย แต่แม็กซ์ไม่ได้เอาถุงยางกลับมาด้วยหรอกนะ (แม่รู้เข้า ฆ่าตายแน่)
แล้วก็มาถึงงานเลี้ยงตอนกลางคืน แต่ละชุดที่แต่งกัน แม็กซ์อยากให้คุณมาเห็นยิ่งนัก ไม่สามารถถ่ายมาให้ดูกันได้หมดค่ะ คนที่กล้า เธอก็ช่างกล้า แม็กซ์เลือกถ่ายมาเฉพาะคนที่แม็กซ์เห็นว่าแต่งแล้วสวยดีนะคะ พวกแต่งแล้วดูประหลาด ก็ปล่อยเขาไปเถอะ
งานเลี้ยงตอนกลางคืนมีสี่งานใหญ่ ๆ คืนแรกเจ้าภาพคือ สนพ.อีลอร่าส เคฟ ธีมของงานคือ ฮอลีวู้ดในยุค 50 ชุดที่แม็กซ์เห็นแล้วปิ๊งที่สุดก็เป็นสาวเจ้าคนนี้ค่ะ เธอเป็นนักอ่านอีกคนนึงที่มาเข้าร่วมงาน
งานนี้ตามความรู้สึกก็ขอบอกว่าเป็นงานเพื่อการประชาสัมพันธ์ของสนพ.อีลอร่า สเขา ซึ่งก็โอเคนะ เมื่อคิดว่าเขาเลี้ยงเหล้าให้แขก งานออกจะน่าเบื่อเล็กน้อย เมื่อพิธีกรบนเวทีซึ่งเป็นคนของสนพ.เอง จำชื่อนายแบบและนักเขียนของตัวเองที่มาร่วมงานไม่ได้ แล้วยังการแนะนำตัวนักเขียนของสนพ.เกือบร้อยคน หรือร้อยกว่าคนนี่แหละ ลองคิดดูว่ามันยาวนานแค่ไหน
งานดำเนินไปพร้อมกับการเต้นของหนุ่มนายแบบหน้าปกของสนพ. ที่เสียงเล่าอ้างกันว่า ดูถูกความเป็นอเมริกันมาก ด้วยการนำเพลงปลุกใจรักชาติมาเต้นกับท่าจ้ำบะ รวมทั้งเสียงกระซิบ (ที่ไม่เบาเท่าไหร เพราะแม็กซ์ดันแอบได้ยิน) ว่าตอนที่หนุ่มนายแบบพานักเขียนขึ้นเวที มีการแอบล้วงแอบควักนักเขียนไปบ้างไม่มากก็น้อย
งานเลี้ยงในคืนวันที่สองเป็นธีมแฟรี่บอล นั่นคือต้องติดปีก แต่งกันตามจินตนาการ ในงานนี้มีการมอบรางวัลสุดยอดการแต่งงานด้วย ซึ่งแม็กซ์แม้จะชอบชุดของคนชนะ แต่ก็ไม่ถูกใจ คิดว่าไม่เห็นจะเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของงานเท่าไหนนัก รูปข้างล่างต่างหากที่แม็กซ์ชอบมาก (คนขวานะคะ ตอนที่ขอถ่ายรูปนี่ ตั้งใจจะถ่ายคนขวาคนเดียว แต่คนซ้ายแกนึกว่าแม็กซ์ขอถ่ายแกด้วย แม็กซ์ก็เกรงใจ ไม่อยากทำลายน้ำใจ ก็เลยต้องติดแกมาอีกคน)
งานคืนวันที่สามเป็นงานที่ฮีธเธอร์ แกรมห์เป็นคนจัด เป็นงานเลี้ยงประจำปีก็ได้ ธีมเป็นแวมไพร์ แต่ดูเหมือนคนจะแต่งอะไรก็ตามที่พวกเขาอยากแต่งมากัน หนึ่งในนั้นก็คือรูปนี้ค่ะ
สิ่งพิเศษในงานแวมไพร์บอลก็คือ ละครที่ฮีธเธอร์ แกรมห์ และคราวนี้มาพร้อมกับเฮเลน รอสเบิร์คแสดง ละครที่ยาวเกินไป ประหลาดเกินไป และน่าเบื่อเกินไปกว่าที่จะสนุก
มันไม่ได้เลวร้ายหรอกนะคะ มีช่วงเวลาที่มีอารมณ์ขันบ้าง (ไม่มากนัก) แต่ข้อเสียใหญ่ของมันก็คือความยาวที่เกินความจำเป็น แม็กซ์พบว่าตัวเองเดินออกจากงานบ่อยครั้ง แม้ว่าจะด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป
นั่นเพราะในช่วงกลางวันของวันนั้น แม็กซ์ได้รับการติดต่อจากคุณแม่ผู้หวังดีคนนึง ที่บอกกับแม็กซ์ว่า "อย่าลืมมางานในคืนวันนี้นะ เพราะฉันแนะนำลูกชายของฉันให้เธอรู้จัก"
ว้าว
เห็นไหมคะว่าแม็กซ์น่าประทับใจขนาดไหน
ดังนั้นในคืนวันนั้น แม็กซ์จึงชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาที มองหาพ่อหนุ่มคาวบอยกะแม่ของเขา และในที่สุดก็ได้เจอซึ่งหล่อสมราคาคุยค่ะ มารู้ภายหลังว่าพ่อหนุ่มทราวิ สเนี่ยเคยเป็นผู้เข้าประกวดมิสเตอร์โรแมนซ์เมื่อปีก่อน (แล้วได้ที่สอง) เป็นลูกชายที่รักแม่มาก ขับรถมาส่งแม่ที่งาน แล้วก็อยู่เป็นเพื่อน รูปที่เอามาลงเป็นรูปที่ถ่ายในงาน RT เมื่อปีก่อนค่ะ (อีกเช่นกัน รูปที่ถ่ายกะแม็กซ์นี่ มันเอามาลงไม่ได้ค่ะ)
แล้วก็มาถึงงานเลี้ยงงานสุดท้ายที่เจ้าภาพคือสนพ.ดอร์เชสเตอร์ ที่คอนเซ็ปต์ของงานคือรองเท้าบู๊ท และหญิงสาวคนนี้คือคนที่แม็กซ์ยกนิ้วให้ค่ะ รูปอาจดูไม่ชัด แต่ขอให้สังเกตรองเท้าของเจ้าหล่อน เธอยืนได้ด้วยปลายเท้าของจริงค่ะ
และที่ทำเท่ห์มากก็คือ การแจกหนังสือชนิดหน้ามืดตาลาย แม็กซ์ถือว่าทั้งงานนี้ ไม่มีใครสปอร์ตเท่าดอร์เชสเตอร์อีกแล้วนะ
แต่เหตุผลที่แม็กซ์ไปงานของดอร์เชสเตอร์ ไม่ใช่เพราะแค่หนังสือฟรีหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะพ่อหนุ่มคริส เคลเลอร์ต่างหาก คนที่ตกกะใจอย่างรุนแรงที่จู่ ๆ มีคนเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย
เขาเป็นใครน่ะเหรอ
ถ้าคุณอ่านหนังสือเรื่อง Single White Vampire ของลินเซย์ แซนด์ล่ะก้อ น่าจะพอจำเขาได้นะ พ่อหนุ่มซีเคคนที่เป็นหนึ่งในเอดิเตอร์ในเรื่อง หนุ่มซีเคถูกสร้างมาจากคริส เคลเลอร์นี่เองค่ะ ซึ่งตัวจริงก็ขอบอกว่าเขาน่ารักมาก และตอนนี้กลายเป็นขาใหญ่แห่งดอร์เชสเตอร์ไปแล้วด้วยนะ
ไว้พรุ่งนี้มาว้าวเรื่องนักเขียนค่ะ
1 comment:
ว้าว ว้าว ต้องบอกว่า เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งจริง ๆ ค่ะ
ตอนนี้หลังคลั่ง Undone ของ Rachel Caine กำลังเกิดอาการอยากเจอเธอเหมือนกัน :D :D :D
Post a Comment