Tuesday, January 20, 2009

Master of Torment // Karin Tabke

ตอนนี้อารมณ์อ่านเรื่องแนวย้อนยุคกำลังขึ้น (อีกแล้ว) หลังจากที่อ่านเรื่อง The Edge of Desire จบไปแล้วชอบมาก เราก็เลยหยิบเอาเล่มนี้มาอ่านต่อ

เหตุผลง่าย ๆ เพราะเราคิดแล้วล่ะว่า ยังไงก็คงไม่สนุกแน่ เพราะเราอ่านเรื่อง Master of Surrender ซึ่งเป็นเล่มแรกในชุดมาแล้วห่วยแตก เล่มนี้ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรนัก

อ่านไปคงงงว่าแม็กซ์คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงต้องหยิบเล่มที่คิดว่าไม่สนุกแน่ ๆ มาอ่าน หลังจากที่ได้อ่านเรื่องที่สนุกมากจบไป เพราะเรามีความเชื่อเสมอว่า อารมณ์มีขึ้นมีลง เราได้ความสุขมาก ๆ กับการอ่านหนังสือที่สนุก อารมณ์เราก็เหมือนคนที่เสพยาที่มันขึ้นสูง ดังนั้นถ้าอ่านหนังสือที่ (คิดว่า) สนุกไม่แพ้กันต่อเลย จะทำให้เราไม่ชื่นชมความสนุกของเล่มที่อ่านต่อได้เต็มที่ ทางออกที่ดีจึงเป็นการเอาเล่มที่คิดว่าไม่ได้เรื่องมาอ่านดีกว่า

ผลคือ ผิดคาดค่ะ เล่มนี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

Master of Torment ของคาริน แท็บค์

อย่างที่บอก เล่มนี้เป็นเล่มสองในชุด Blood Sword ที่เล่าเรื่องอัศวินแปดคนที่ติดคุกในไอบีเรียระหว่างสงครามด้วยกัน ทั้งแปดเผชิญหน้ากับการทรมานอย่างหนัก และสุดท้ายกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

เมื่อทั้งหมดเลือกเป็นทหารรับจ้างรับใช้วิลเลี่ยม ดยุคแห่งนอร์แมนดี ทำศึกในการยึดเกาะอังกฤษ และสถาปนาวิลเลี่ยมขึ้นเป็นกษัตริย์ ทั้งหมดรู้จักกันในนาม Les morts (ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสหรอกนะคะ แต่ภาษาเดา เดาเอาว่าน่าจะแปลว่า หน่วยรบแห่งความตายประมาณนั้น)

แถมยังมีความพยายามโยงให้ดูเป็นพารานอมอลโดยเริ่มต้นเรื่องด้วยการเล่าตำนาน เกี่ยวกับอัศวิน Blood Sword (ก็พวก Les Morts นั่นแหละ แต่เรียกชื่อนี้เพราะว่าทั้งแปดโดยดาบเผาไฟแนบเข้าที่อก) ว่า จะมีผู้หญิงที่เป็นคู่แท้ของพวกเขาเท่านั้นที่ให้กำเนินลูกชายไว้สืบสกุลเขา ได้ กะสาวคนอื่นจะมีแต่ลูกสาว ซึ่งอ่านไปจนจบเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นประเด็นนะคะ ไม่รู้จะเอามาเล่าทำไม

ถ้าเทียบกับเล่มแรกที่เป็นตอนเปิดเรื่อง เล่มนี้ดีกว่ามากนัก

วูลฟ์สันเป็นอัศวินคู่ใจของกษัตริย์วิลเลี่ยม ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจให้เดินทางมาอังกฤษเพื่อจัดการ ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างขุึนนางของวิลเลี่ยมในอังกฤษ

ปัญหานั้นก็คือ การแย่งชิงอำนาจระหว่างแรนเกอร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกษัตริย์แห่งเวลส์ และทาเลี่ยน นักรบสาวผู้เป็นหลานสะใภ้ของเขา ทั้งคู่มีความขัดแย้งกันในเรื่องสิทธิครอบครองปราสาทอันเป็นมรดกของสามีที่ เพิ่งเสียชีวิตไปของทาเลี่ยน ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพราะเป็นชายแดนระหว่างอังกฤษและเวลส์

วิลเลี่ยมไม่ต้องการให้ทาเลี่ยนซึ่งเป็นทายาทสืบสกุลมาจากกษัตริย์อังกฤษ คนก่อน (ที่ถูกวิลเลี่ยมชิงบัลลังค์มา) กลายเป็นเสี้ยนหนามเขาอีกในอนาคต จึงออกคำสั่งให้วูลฟ์สันฆ่าสาวน้อยคนนี้ทันที

แต่แน่ละพระเอกของเราก็ทำไม่ได้ เพราะหลังจากเดินทางไปถึงปราสาทอันเป็นสถานที่เกิดเรื่อง เขาพบเธอถูกแรนเกอร์ขังในคุกใต้ดิน และถูกทำร้ายทุบตีอย่างหนัก เขาช่วยเธอออกมา พร้อมทั้งส่งสารน์ไปหากษัตริย์อีกครั้ง เพื่อขอให้ทบทวนการตัดสินใจ ในระหว่างนั้น เขาก็ต้องการเป็นกรรมการในการห้ามศึกระหว่างแรนเกอร์และทาเลี่ยน

เหตุผลที่ทาเลี่ยนใช้ในการมีชีวิตอยู่ต่อก็คือ ลูกที่เธอตั้งครรภ์อยู่ เด็กที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง นั่นเพราะเธอและสามี ซึ่งเธอบังคับให้เขาแต่งงานด้วยไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน (สามีเป็นเกย์) แต่ถ้าไม่มีเด็ก ชีวิตของเธอก็จะต้องอยู่ในอันตราย ดังนั้นตามประสานางเอกโรแมนซ์ เธอจึงร่วมมือกับสาวใช้วางยาวูลฟ์สัน แล้วจัดการรวบหัวรวบหางซะ

พระเอกของเราไม่รู้เลยว่า ตัวเองเจาะไข่แดงนางเอกไปแล้ว เขายังปรารถนาเธอมากกว่าหญิงคนใด เพราะทาเลี่ยนมีความพิเศษเหนือหญิงอื่น เธอเป็นนักรบผู้เก่งกล้า ไม่แพ้สมาชิกใน Les morts เลย และทั้งหมดนั่นทำให้ชีวิตของวูลฟ์สันยากยิ่งขึ้น เพราะเขาไม่ต้องการฆ่าหญิงสาวผู้นี้ แต่ในฐานะข้าผู้ภักดีต่อกษัตริย์ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เราชอบเรื่องนี้เพราะนางเอกเก่งจริงค่ะ หลายเล่มที่บรรยายว่านางเอกเป็นนักรบ เก่งกล้าสามารถ แต่พอเอาเข้าจริงก็บ่มีไก๊ ในเล่มนี้เรื่องราวบอกตั้งแต่ต้นว่าทาเลี่ยนเป็นนักรบที่มีกองทัพเป็นของตัว เอง และในเรื่องก็ยืนยันคำกล่าวนั้น ทาเลี่ยนช่วยชีวิตวูลฟ์สันหลายครั้ง และช่วยตัวเองได้เกือบตลอด กระทั่งในตอนสุดท้ายก็เป็นคนจัดการคนร้ายเอง ทำให้เราโอเคมาก ๆ กับความสามารถของนางเอก

ส่วนพระเอกก็ถือว่าสอบผ่าน อาจจะไม่เด่นอะไร แต่ก็ไม่มีนิสัยน่ารังเกียจโผล่มาให้เห็น เขาเปิดใจกว้างกับการเป็นนักรบของทาเลี่ยน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาคะแนนจากเราไปเยอะเลยแหละ โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่อง เมื่อเขายอมรับแล้วว่ารักทาเลี่ยน เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีชีวิตรอด

โดยรวมแล้วเล่มนี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาจากเล่มแรกเยอะมาก โดยเฉพาะในแง่ของตัวละครที่มีความผู้ใหญ่ และเก่งสมกับคำบรรยาย (หนึ่งในปัญหาที่แม็กซ์เจอกับเล่มแรกก็คือ คนแต่งบอกว่าเก่ง บอกว่าฉลาด แต่พฤติกรรมที่ปรากฎในเรื่องไม่สนับสนุนคำบรรยายเหล่านั้นเลย) โดยเฉพาะนางเอกที่ได้ใจเรานะ เพราะแม้เธอจะยอมรับแล้วว่ารักพระเอกมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็ยังเลือกที่จะหนีไปจากเขา เพราะเธอต้องการมีชีวิตอยู่ต่อมากกว่า (เพราะคิดว่ายังไงวูลฟ์สันก็ต้องเป็นทหารที่ดีทำตามคำสั่งให้ฆ่าเธอ) เราชอบนางเอกที่เลือกที่จะมีชีวิต มากกว่ายอมตายเพื่อความรัก แม็กซ์ไม่เคยเข้าใจคนที่ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก สงสารพ่อแม่เขามาก

ปัญหาของเรื่องนี้ก็คือ พล็อตยังไม่รัดกุม โดยเฉพาะประเด็นเรื่องวิลเลี่ยมต้องการเอาชีวิตทาเลี่ยน ซึ่งก็มีเหตุผลดี แต่เราไม่เข้าใจว่า (สปอยล์) แล้ว ไหงสุดท้ายแล้ว วิลเลี่ยมไว้ชีวิตทาเลี่ยน เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ ทั้งที่วูลฟ์สันก็ยังไม่ได้มีโอกาสพูดยืนยันความจงรักภักดีของทาเลี่ยนด้วย ซ้ำ แค่ให้ทาเลี่ยนพูดกับกษัตริย์ แล้วเขาก็เชื่องั้นเหรอ มันง่ายไปหน่อย มันอาจดูเท่ห์นะคะ แต่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

ความไม่สมเหตุสมผลในหลายด้าน ทั้งเรื่องการเมืองระหว่างอังกฤษและเวลส์ เป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้การอ่านเรื่องนี้สะดุดไปบ้าง แต่ถ้าไม่คิดมาก ก็น่าจะอ่านได้จบอย่างสบายใจค่ะ

คะแนนที่ 73

No comments: