ขอบคุณมาก ๆ นะคะสำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับบลอกแห่งนี้ อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก ทำให้มีแรงฮึดดีค่ะ แต่ก็ต้องดูไปก่อนนะคะว่าสุดท้ายแล้วจะมีปัญญาทำได้มากน้อยแค่ไหน
ใครมีไอเดียอะไรเพิ่มเติมก็เสนอกันเข้ามาอีกก็จะดีมากเลยค่ะ เพราะตอนนี้อาจจะเป็นช่วงเดียวที่มีเวลาทำอะไรได้มากกว่าแค่เขียนบลอก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ไม่ได้มีแผนไปไหนเป็นเรื่องเป็นราว
ไม่แน่ใจว่ารีวิวเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายของปีหรือไม่ (อยู่ที่ความฮึดค่ะ) แต่ที่แน่ ๆ เล่มนี้ไม่ใช่เล่มสุดท้ายที่ได้อ่านของปีนี้หรอกค่ะ คิดว่าคงจะมีเล่มอื่นที่คงจะได้อ่านก่อนสิ้นปีอีกแน่ แต่เราไม่คิดว่าจะมีเล่มไหนน่าสนใจขนาดให้เขียนรีวิวเท่านั้นล่ะค่ะ
สำหรับคนที่อ่านบลอกของแม็กซ์มานาน (หรือกลับไปอ่านย้อนหลัง) คงพอเคยเจอรีวิวของแม็กซ์เกี่ยวกับงานของลาร่า เอเดียนมาแล้ว และบอกได้เลยว่า รีวิวงานของเธอไม่ค่อยได้คะแนนดีเท่าไหรนักหรอกค่ะ และถ้าไม่ใช่เพราะเล่มสามของชุด (Midnight Awakening) ที่ไถ่บาปจนทำให้เราเห็นแววสนุกของหนังสือชุดนี้ เราคงเลิกอ่านไปแล้วล่ะ
สำหรับเล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มสี่ในชุด ไม่จะไม่ถึงกับน่าประทับใจอย่างเล่มสาม แต่ก็ดีพอจะทำให้แม็กซ์ตัดสินใจซื้อหนังสือชุดนี้มาอ่านต่ออย่างแน่นอน
Midnight Rising ของลาร่า เอเดียน
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สี่ในชุด Midnight Breed ที่เล่าเรื่องของกลุ่มแวมไพร์ที่เรียกตัวเองว่า "ออเดอร์" ซึ่งมีหน้าที่ในการคุ้มครองเหล่ามนุษย์ และแวมไพร์คนอื่น ๆ (ที่ไม่ใช่นักรบ) จากแวมไพร์นอกรีตที่เสียสติไปกับการดื่มเลือด ความเหมือนของหนังสือชุดนี้กับหนังสือชุด Black Dagger Brotherhood ของเจอาร์ วาร์ดเป็นเครื่องหมายติดลบตัวใหญ่มากสำหรับเรา ความคล้ายคลึงกันในด้านของพล็อตมีค่อนข้างเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของแวมไพร์ที่ปลีกตัวออกมาจากประชากรแวมไพร์ส่วนใหญ่ แวมไพร์กลุ่มนี้ หรือ "ออเดอร์" มีหน้าที่ในการคุ้มครองแวมไพร์เดินถนนธรรมดา ต่อสู้กับศัตรู และถูกมองโดยแวมไพร์อื่นว่าเป็นพวกหัวโบราณ และไม่จำเป็นต้องมีอยู่ต่อไปอีกก็ได้
ความที่เหมือนกันมาโดยเฉพาะกลิ่นอายของบรรยากาศในเรื่องที่ค่อนข้างมืด ทั้งในด้านบุคลิคของพระเอกที่เป็นแวมไพร์ และวิธีการเล่าเรื่อง ทำให้แม็กซ์ไม่ชอบสองเล่มแรกในชุด (Kiss of Midnight และ Kiss of Crimson) อย่างรุนแรง ซึ่งถ้าไม่ได้เล่มสาม (Midngith Awakening) เข้ามากู้สถานการณ์ เราก็เลิกอ่านไปแล้วแหละ
หนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มสี่ในชุดอาจไม่ดีเท่าเล่มสาม แต่ก็พิสูจน์ว่าความสนุกของเล่มสาม ไม่ใช่เรื่องฟรุ๊ค ลาร่า เอเดียนยังมีอนาคตกับการเขียนเรื่องแนวพารานอมอลโรแมนซ์อยู่ค่ะ
แวมไพร์ในเรื่องไม่ใช่แวมไพร์ตามตำนานที่เรารู้จักกันจากหนังสือของแบรม สโตเกอร์หรอกนะคะ แต่แวมไพร์เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ต่างดาวแปดคนที่ลงจอดยานอวกาศ ของพวกเขาบนโลกเมื่อหลายพันปีก่อน มนุษย์ต่างดาวพวกนี้ทั้งโหดและชั่ว ราวกับได้ยีนส์มาจากท่านดยุคจอมโหดซึ่งเป็นหนังสือภาคบังคับของชมรมแห่ง หนึ่ง พวกนี้ออกข่มขืนหญิงสาวไปทั่ว และโดยที่พวกนี้ไม่รู้เลย หญิงสาวชาวโลกบางคนซึ่งมีลักษณะพิเศษ (คือมีพลังพิเศษบางอย่างเหนือธรรมชาติ) มียีนส์บางอย่างที่ทำให้พวกเธอสามารถสืบพันธุ์กับมนุษย์ต่างดาวพวกนี้ได้ พวกเธอให้กำเนิดบุตรซึ่งเป็นชายเสมอ บุตรของมนุษย์ต่างดาวถูกเรียกว่า "เจนวัน" (หรือ Generation One) ได้รวมตัวกัน ต่อสู้กับผู้เป็นพ่อเพื่อปกป้องมนุษย์ จนในที่สุดก็เอาชนะ และฆ่าต่างดาวทั้งแปดได้สำเร็จ
แต่กระนั้นโลกของเราก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะทายาทรุ่นต่อมาก็ยังมีบางคนที่ตกเป็นทาสของความกระหาย อันเป็นลักษณะสืบเนื่องจากความเป็นต่างดาว พวกที่ตกเป็นทาสของความกระหาย จะออกนอกรีตจนไม่สามารถกลับคืนสู่ความปกติได้อีก พวกนี้ต้องถูกกำจัด และนั่นเป็นหน้าที่ของเหลือแวมไพร์ในกลุ่มออเดอร์
ริโอเป็นหนึ่งในสมาชิกของออเดอร์ แต่เขาไม่ใช่สมาชิกที่มีประสิทธิภาพมานานแล้ว นับตั้งแต่เขาถูกทรยศอย่างเจ็บปวด และแม็กซ์ขอบอกเลยนะคะว่า การอ่านต่อก็คือการสปอยล์เล่มแรกอย่างรุนแรง ดังนั้นถ้าไม่ชอบสปอยล์ ก็กรุณาหยุดอ่านได้แล้ว
ในตอนจบของเล่มสาม แวมไพร์เอเลี่ยนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของแวมไพร์ทั้งหมดตัวนึงซึ่งเหลือรอดชีวิต มาได้ถูกค้นพบโดยกลุ่มออเดอร์ แต่พวกเขามาถึงช้าเกินไป ห้องกักเก็บแวมไพร์ตนนั้นถูกเปิดออก และแวมไพร์อันตรายสุดสุดถูกค้นพบ ริโอหนึ่งในสมาชิกกลุ่มออเดอร์ถูกทิ้งไว้พร้อมระเบิดเพื่อทำลายถ้ำที่ใช้ เป็นห้องเก็บ เพื่อทำลายหลักฐานไม่ให้เล็ดรอดเข้าไปถึงสายตาของมนุษย์ ความลับเกี่ยวกับแวมไพร์ต้องถูกเก็บซ่อนไว้
แต่ริโอไม่ได้คิดแค่ระเบิดทำลายถ้ำอย่างเดียว เขาคิดจะทำลายตัวเองไปพร้อมกันด้วย เขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม การทรยศจากภรรยาผู้เป็นที่รักทำให้เขาบาดเจ็ดสาหัส บาดแผลทั่วตัว สภาพทางจิตใจเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย แต่ด้วยบางอย่างริโอไม่อาจลงมืดได้ จนกระทั่งเขาถูกค้นพบโดยดีแลน นักข่าวสาวที่เดินทางมาเที่ยวและค้นพบถ้ำแห่งนั้นเข้า
แล้วความลับดำมืดของเหล่าแวมไพร์ก็ตกไปอยู่ในมือของนักข่าวนิตยสารแท็ป ลอยด์ ริโอซึ่งเป็นผู้ทำพลาดให้ดีแลน ถ่ายรูปถ้ำเอาไว้ได้ เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความผิดพลาดนี้ เขาติดตามและแย่งภาพถ่ายนั้นมาได้ แต่ก็ไม่ก่อนที่ดีแลนจะส่งรูปไปให้กับหัวหน้านักข่าวของเธอ ริโอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกักตัวดีแลนไว้ก่อน เพื่อตามสืบว่า ยังมีใครอีกที่รู้เรื่องนี้บ้าง
สิ่งที่ริโอไม่คาดคิดก็คือ ดีแลนเป็นหนึ่งในมนุษย์ผู้หญิงที่มีลักษณะพิเศษ นั่นคือ เธอคือบรีดเมท หรือมนุษย์ผู้มีสภาวะที่สามารถเป็นคู่ของแวมไพร์ได้ (นั่นคือ เธอสามารถตั้งท้องให้กำเนิดแวมไพร์รุ่นต่อไปได้) ความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติของดีแลนก็คือ การมองเห็นวิญญาณ และก็เป็นวิญญาณที่เธอมองเห็นนี่เองที่นำเธอไปสู่ถ้ำที่ริโอหลบซ่อนอยู่
การที่ดีแลนเป็นบรีดเมททำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ริโอไม่อาจแค่ลบความทรงจำของดีแลนได้อีกต่อไปแล้ว เขาต้องให้เธอมีสิทธิเลือก นั่นคือเขาต้องเล่าความลับเกี่ยวกับแวมไพร์ให้เธอรู้ และขอให้เธอเลือกว่าต้องการจะใช้ชีวิตต่อไปแบบคนธรรมดา เขาก็จะลบความทรงจำทั้งหมดของเธอ หรือจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแวมไพร์ ที่ที่เธอจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป (บรีดเมทไม่ได้เป็นแวมไพร์นะคะ แต่จะมีชีวิตเป็นอมตะตราบเท่าที่ได้ดื่มเลือดของแวมไพร์ที่เป็นคู่ของเธอ เอง)
บอกตามตรงนะคะว่าเล่มนี้ดีเกินกว่าความคาดหวังเยอะมาก แม็กซ์ไม่คิดว่าเรื่องของริโอจะน่าสนใจอะไรเลย แม็กซ์ติดจะรำคาญเขาด้วยซ้ำในเล่มก่อนหน้า โอเคนะคะ เรารู้ว่าเขาถูกทรยศโดยเมียที่รัก เรารู้ว่าเขาเจ็บปวด แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความรู้สึกน่ารำคาญที่แม็กซ์มีต่อเขา
แต่ในเล่มนี้เขาพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น เขายังเต็มไปด้วยบาดแผล และทำอะไรโง่ ๆ หลายอย่าง แต่ริโอไถ่บาปตัวเองได้ด้วยการที่เขารู้ใจตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน เมื่อเขารู้ว่าตัวเองรักดีแลน เขาก็ยอมทุกอย่างเพื่อปล่อยให้เธอมีอิสระ แม้เขาจะต้องเสียเธอไปก็ตาม และสารภาพรักกับเธอโดยที่ไม่ต้องให้มีใครมาตบกบาล
ในส่วนของตัวเอก เราถือว่าโอเคกันทั้งคู่ค่ะ เหมาะสมกันดี ความสามารถพิเศษของดีแลนมีทริกหลอกคนอ่านนิดหน่อย ซึ่งก็เป็นจุดเล็ก ๆ ที่เราชอบ
ปัญหาของเล่มนี้ก็คือ ความรู้สึกว่า พล็อตเรื่องมันไม่ค่อยต่อเนื่องกับตัวเอกน่ะค่ะ นั่นเพราะว่า พล็อตหลักของเรื่องก็คือ การตามหาความเป็นไปของแวมไพร์เอเลี่ยนที่หายตัวไป และการตามฆาตกรรมแวมไพร์รุ่นเจนวันที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งหมดนี้ดูแล้วมันไม่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวของริโอและดีแลนเลย ทำให้เวลาโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันจึงดูขัด ๆ แล้วยังไม่นับอีกว่า (สปอยล์) ในตอนจบที่ริโอเผชิญหน้ากับตัวร้าย เขาก็ไม่อาจจัดการตัวร้ายได้อีก
หนำซ้ำตอนสุดท้ายที่อุตส่าห์โยงเรื่องของดีแลนเข้าไปเกี่ยวกับตัวร้ายจนได้ ก็ดูไร้เหตุผล และไม่น่าเชื่ออีกต่างหากเพราะ (สปอยล์) เรา เข้าใจนะว่า ที่คนร้ายต้องการตัวดีแลนไปเพราะเธอเป็นบรีดเมท และอยากได้เธอไปเป็นแม่พันธุ์เพื่อเพาะเจนวันรุ่นใหม่ แต่ทำไมต้องเป็นดีแลน เพราะเธอไม่ใช่คนเดียวที่อยู่ตามลำพังในโลก เหมือนบรีดเมทคนอื่นที่เคยถูกลักพาตัวไป และเธอไม่ใช่เด็กสาวเหมือนอย่างที่เรื่องแสดงให้เห็นว่าบรีดเมทคนอื่นเป็น อีกต่างหาก เราเลยคิดว่า นี่เป็นความพยายามโยงเอาริโอไปเผชิญหน้ากับคนร้ายในตอนสุดท้ายเท่านั้นเอง
ยังสู้ Midnight Awakening ไม่ได้ค่ะ แต่ถือว่าน่าสนใจมากพอที่จะทำให้แม็กซ์อยากอ่านเล่มถัดไปในชุด
คะแนนที่ 67
No comments:
Post a Comment