แม็กซ์ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้เองหรอกนะคะ เพราะเราจำได้ว่าเพื่อนของเราคนนึงเคยเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้ไว้ได้จับใจ ยิ่งนัก แต่พอกลับไปค้นดู ก็หาไม่เจอเสียแล้ว จะรบกวนให้เธอเขียนใหม่อีกรอบ ก็แสนจะเกรงใจเพราะรู้ว่าช่วงนี้เธองานยุ่งมาก ก็เลยเป็นเราอีกนั่นแหละที่เขียน ดังนั้นต้องขอโทษเริ่มต้นเลยแล้วกัน ถ้าเราไม่อาจบรรยายความงดงามของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างที่มันเป็น
แต่จุดประสงค์จริง ๆ ที่เราเขียนรีวิวเรื่องนี้ในวันนี้ ก็เพราะเรามีหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือ และอยากจะแจกให้กับแฟนของบลอกค่ะ แต่คงต้องบอกก่อนนะคะว่าหนังสือที่จะแจกเป็นมือสอง ไม่ใช่หนังสือ เราไม่แน่ใจว่าถ้าคุณต้องการซื้อหนังสือเล่มนี้ที่ยังใหม่อยู่จะยังพอหาได้ ไหมนะคะ
กติกาไม่มีอะไรมาก ขอแค่คุณคิดว่าคุณอยากอ่านเล่มนี้ และเขียนคอมเม้นต์ไว้ในบลอกนี้เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ (31 ตุลาคม) จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน
Shadowheart ของลอร่า คินเซล
สำหรับเพื่อนของแม็กซ์หลายคนที่เรากล้าเรียกว่าเป็นเซียนโรแมนซ์ตัวจริง เสียงจริง (ไม่ใช่พวกที่แอบแฝงและเรียกกันเองตามศาลเจ้าต่าง ๆ) ทุกคนต่างพูดว่าลอร่า คินเซลเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ประทานมาให้วงการหนังสือโรแมนซ์ เพราะเธอคนนี้แหละที่ทำให้แฟนโรแมนซ์มีหนังสือที่สามารถเอาหนังสือโรแมนซ์ไป ประชันกับหนังสือชนิดอื่น ๆ ได้ และไม่ใช่เพราะเธอเขียนเรื่องเครียดอ่านยากนะคะ (แม้ว่ามันจะเครียดและอ่านยากก็ตาม) แต่เป็นเพราะเธอเป็นนักเขียนที่ทำการบ้าน และรักความสมบูรณ์แบบอย่างรุนแรง งานเกือบทุกเล่มของเธอผ่านการรังสรรค์และสร้างสรรอย่างเต็มที่กว่าจะออกมา เป็นรูปเล่ม เรื่องราวความรักของเธอสะกดใจคนอ่าน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีคำว่าสูตรสำเร็จ
สำหรับแม็กซ์ เราคิดว่าเธอเป็นนักเขียนที่ดีมาก แต่ก็ขออนุญาตนะคะเปิดอก (ที่ไม่ต้องถอดเสื้อ) จนกระทั่งแม็กซ์ได้อ่าน Shadowheart เราไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นอัจฉริยะของลอร่าเต็มที่ เราชอบงานของเธอ เสียน้ำตาไปกับหนังสือหลายเล่ม แต่ก็แค่นั้น ยังไม่มีหนังสือเล่มไหนของเธอที่อยู่ในสมองของเรายาวนาน และจดจำได้ตลอดเวลา
จนกระทั่ง Shadowheart
หนังสือเล่มที่เธอใช้เวลาถึงห้าปีในการเขียน และสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ Shadowheart ยังเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายที่เธอเขียนอีกด้วย แม็กซ์ไม่ได้บอกว่าลอร่า คินเซลเลิกเขียนหนังสือแล้วนะคะ เพียงแต่เธอไม่มีงานเล่มใหม่ออกมาอีกเลยนับจากนั้น
และนี่ก็ตอกย้ำความเชื่อของแม็กซ์ว่า ไม่มีอะไรตามมาต่อจากความสมบูรณ์แบบได้
อเลเกรโต้ เดอ นาวานาปรากฏกายครั้งแรกในนิยายของลอร่า คินเซลเรื่อง For my lady's heart (หนังสือที่อ่านยากที่สุดในชีวิตที่แม็กซ์เคยอ่านมา เพราะเขียนด้วยภาษาอังกฤษในยุคกลาง) เขาเป็นมือสังหารที่ถูกพ่อส่งตัวมาให้เป็นผู้คุม และผู้คุ้มครองเลดี้เมเลนเธ ซึ่งเป็นภรรยาหม้ายของเจ้าผู้ครองแคว้นมอนเตเวอร์เด้ ซึ่งความสำคัญของแคว้นนี้อยู่ตรงที่ตั้งของมัน ซึ่งเป็นดินแดนที่เป็นฉนวนระหว่างตระกูลนาวานา และริเอตต้า
ในฐานะของลูกนอกสมรส อเลเกรโต้ไม่มีความสำคัญอื่นใดนอกจากถูกเลี้ยงเพื่อให้เป็นนักฆ่าตามคำสั่ง ของบิดา แต่ในตอนท้ายของ FMLH เขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ใช่การกลับตัวอย่างทันทีทันใด เขาเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงจุดมุ่งหมายของการมีชีวิตของเขา และในที่สุดก็แตกหักกับบิดาผู้โหดร้าย
สำหรับคนที่ไม่ได้อ่าน FMLH อาจจะมีปัญหาบ้างกับการเข้าใจอเลเกรโต้ แต่แม็กซ์ไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องอ่านเล่มนั้นก่อนหรอกนะคะ แต่คุณอาจจะไม่ชื่นชมอเลเกรโต้ได้เต็มที่นักถ้าคุณไม่ได้อ่านถึงเขาในสมัย วัยรุ่น
กลับมาที่ Shadowheart หนังสือเปิดเรื่องที่เลดี้เอเลน่า ทายาทสาวเพียงคนเดียวแห่งแคว้นมอนเตเวอร์เด้ ปู่ของเธอเป็นสามีคนแรกของเลดี้เมเลนเธ (สามีคนที่สองของเธอคือพระเอกในเรื่อง FMLH) ในฐานะเจ้าหญิง แม้จะเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ในอิตาลี เอเลน่าก็ยังเป็นเบี้ยที่สำคัญในเกมการเมือง และเธอก็ถูกขายให้กับฟรังโก้ ปีเอโต ริเอตต้า
เอเลน่าต้องเดินทางออกจากอังกฤษซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเธอมาหลายปี กลับไปที่อิตาลีอีกครั้งเพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับฟรังโก้ สิ่งที่เธอไม่คาดหวังก็คือ เธอจะได้เจอกับเรือโจรสลัดที่ผู้นำเป็นชายอันแสนลึกลับ
หนังสือเล่มนี้ใช้พล็อตที่เห็นอย่างดาษดื่นในโรแมนซ์ยุคโบราณ (หมายถึงโรแมนซ์ที่เขียนช่วงปี 70 ที่พระเอกเป็นโจรสลัดจอมโหดแล้วก็จับนางเอกไป บังคับให้มีเซ็กส์ด้วย จากนั้นก็เปิดเผยตัวว่าตัวเองเป็นคู่หมั้นของนางเอก) แต่เมื่อเรื่องนี้เขียนโดยลอร่า คินเซล แม็กซ์ก็กล้าบอกว่า มันแตกต่าง อาจจะไม่ใช่ในส่วนของพล็อต เพราะผู้นำโจรสลัดคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คืออเลเกรโต้นั่นเอง เขาจับตัวเอเลน่าเพราะต้องการใช้เธอเป็นเบี้ยในการแย่งชิงดินแดนของนาวา นากลับคืนมา
สิ่งที่ทำให้เล่มนี้แตกต่างและโดดเด่นเหนือหนังสือเรื่องอื่นก็คือ การดำเนินเรื่องที่ถูกและตรงกับยุคสมัย การแย่งชิงอำนาจของแคว้นต่าง ๆ ในอิตาลีมีความสมจริง การบรรยายฉากที่ปกติเราไม่ชอบอ่าน ก็เห็นภาพชัดเจน และที่สำคัญที่สุดก็คือ การเขียนตัวละครที่ลึกซึ้งและกล้าหาญชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าลอร่า คินเซลจะทำ
พฤติกรรมหลายอย่างของตัวละครในเรื่องอาจดูงี่เง่า เช่น ความพยายามในการซื้อใบไถ่บาป แต่ก็จริงอย่างยิ่งในยุคสมัยที่พวกเขามีชีวิตอยู่ (ศตวรรษที่ 14) ความหมกหมุ่นในเรื่องศาสนาที่ค่านิยมของคนยุคปัจจุบันอย่างเราไม่มีวันเข้า ใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าศาสนาคือส่วนสำคัญของชีวิตของคนยุคนั้น
อเลเกรโต้เป็นตัวละครที่มาถึงทางแยกของชีวิต อดีตอันเลวร้ายกำลังไล่ตามเขาทัน การเป็นนักฆ่าไม่ใช่สิ่งที่คนจะยอมรับได้ง่ายนัก และความรู้สึกทุกอย่างกำลังตามมา และนี่อาจเป็นเหตุผลที่แม็กซ์ยอมรับความต้องการความเจ็บปวดของเขาได้ ยอมรับได้ว่า ทำไมเอเลน่าผู้อ่อนโยนจึงเป็นสิ่งที่อเลเกรโต้ยอมรับเข้ามาในชีวิต นั่นก็เพราะว่าเธอคือคนคนเดียวที่เข้าใจเขามากที่สุด เธอนำความเจ็บปวดมาสู่เขาในยามที่เขาต้องการ
นี่อาจเป็นหนังสือเล่มเดียวของลอร่า คินเซลที่ฉากเซ็กส์เป็นตัวนำเรื่อง แต่เมื่อพิจารณาจากอายุของตัวละคร เอเลน่าก็เพิ่งจะสิบเจ็ดปี ในขณะที่อเลเกรโต้อยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ มันก็ดูเหมาะสม
ความจริงก็คือ เล่มนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ทางออกของหนังสือเล่มนี้ง่ายค่ะ การแก้ไขความขัดแย้งของสามแคว้นในอิตาลีดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่หลังจากอ่านมาเกือบห้าร้อยหน้าของงานที่เราเรียกว่าเป็นมาสเตอร์พีช แม็กซ์ให้อภัยและยอมรับ และที่สำคัญ นี่เป็นหนังสือไม่กี่เล่มที่แม็กซ์อ่านเพียงครั้งเดียว และสามารถเล่าเรื่องทั้งหมดทุกฉากทุกตอนให้เพื่อนฟังได้ แม้จะเป็นเวลาเกือบสี่ปีมาแล้วที่ได้อ่านไป
หนังสือเล่มนี้อ่านยาก และมีหลายประเด็นที่อาจไม่ต้องรสนิยมหลายคน แต่เป็นเรื่องที่เขียนแล้วซื่อสัตย์ต่อยุคสมัยมากที่สุดเล่มนึง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้สูญเสียความน่าอ่านแบบโรแมนซ์ไปเลย
คะแนนที่ 97
No comments:
Post a Comment