Convicted by Aleatha Romig
My rating: 3 of 5 stars
แล้วก็มาถึงเล่มสามและเล่มสุดท้ายในชุด เราเข้าใจว่า คนแต่งจะเขียนเรื่องในชุดนี้ออกมาอีกสามเล่ม แต่นั่นจะเป็นเรื่องราวเดียวกับสามเล่มแรก แต่เล่าในมุมมองของโทนี่ และเราขอบอกว่า อยากอ่านมาก เพราะเราอยากรู้ว่า มันจะเปลี่ยนความคิดที่เรามีต่อเขาได้ไหม เพราะสำหรับเราโทนี่ถือเป็นตัวละครทีซับซ้อนมากที่สุดตัวนึงที่เราอ่านเจอในหน้าหนังสือ
เช่นเดียวกับเล่มสองค่ะ โปรดหยุดอ่านรีวิวตรงนี้ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านสองเล่มแรก เพราะเป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะเขียนรีวิวโดยไม่สปอยล์สองเล่มแรก
หลังจากถูกปั่นหัวจนหลงเชื่อ แคลร์ก็ทำตามแผนการที่ตัวร้ายวางเอาไว้ เธอหนีไปจากโทนี่เพื่อปกป้องลูกในท้อง หลังจากได้รู้ถึงคำสาบานที่เขาให้ไว้กับปู่ของเขา (ที่จะแก้แค้นกับทุกคนที่ทำให้ปู่ของเขาเข้าคุก รวมไปถึงชั้นลูกและหลาน) แต่โทนี่ไม่ใช่คนที่แคลร์ต้องหวาดกลัว เขาไม่ใช่คนเดียวที่ให้คำสาบานเอาไว้ ที่มากไปกว่านั้น โทนี่เองก็เป็นลูกของคนที่ทำให้ปู่ของเขาเข้าคุก (เพราะพ่อของเขาก็ให้การในชั้นศาลเพื่อปรักปรัมพ่อของตัวเองเช่นกัน)
ศัตรูของเธอคือคนที่เธอไม่เคยคาดคิด
แต่กว่าจะรู้ความจริง มันก็สายเกินไปแล้ว แคลร์หนีจากไป ทิ้งความยุ่งยากทั้งหลายไว้เบื้องหลัง หลักประกันที่เธอสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการต่อรองกับโทนีถูกนำมาใช้ เพราะการหายตัวไปเฉย ๆ ของเธอ ทำให้ทุกคนคิดว่า นี่คือการกระทำของเขา
เรายอมรับนะคะว่า อ่านด้วยความสะใจมาก ๆ ถือว่า นี่เป็นฉากที่เรารอคอย แต่เนื่องจากเรื่องนี้ถูกเล่าผ่านแคลร์เป็นหลัก (เรื่องไม่ได้ใช้คำว่า ฉันนะคะ แต่ฉากส่วนใหญ่เล่าผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ) ทำให้เราก็ยังรู้สึกว่า ความทุกข์ที่โทนี่ได้รับมันยังน้อยเกินไป (และนั่นทำให้เรารอคอยหนังสือ Companion ของเล่มนี้ที่จะเล่าเรื่องผ่านสายตาของเขา)
การหายตัวไปของแคลร์ทำให้โทนี่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ และหลังจากเหตุการณ์อันซับซ้อน โทนี่ก็หายไปอีกคน เป้าหมายของเขาก็คือ การเดินทางไปเจนีวา เพื่อเบิกเงินที่เขาซ่อนเอาไว้ที่นั่น
ในจำนวนสามเล่มในชุดนี้ เรายอมรับว่า เล่มนี้น่าติดตามน้อยที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน เล่มนี้มีความเป็นโรแมนซ์มากที่สุดเช่นกัน หลังจากผ่านอะไรต่ออะไรมาด้วยกันมากมาย โทนี่และแคลร์ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง และการยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต อย่างที่เราบอกไปนะคะ เราไม่คิดว่า จะมีอะไรทำให้เรารู้สึกว่า สามารถไถ่บาปให้กับการกระทำของโทนี่ได้ เราก็ยังคงรู้สึกเช่นนั้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็เข้าใจแนวคิดที่คนแต่งนำเสนอ และการยอมรับของแคลร์
คนเราเปลี่ยนแปลงได้ และนี่คือเหตุผลเดียวที่ทำให้เราเชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเล่มนี้
เราชอบที่คนแต่งไม่ได้ทำให้การกระทำของโทนี่กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม หรือพยายามย้อมสีทำให้ดูมีดีมากกว่าทีมันเป็น เขาเป็นคนเลว และทำหลายอย่างที่ผิดพลาดมากมาย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ในสองเล่มแรก) ทำให้เขาเปลี่ยนแปลง และความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นด้วยเพราะคนเพียงคนเดียว
และนั่นคือ แคลร์
เราเป็นนักอ่านที่ชอบเรื่องแนวโรแมนซ์ และนั่นทำให้เรายอมรับหลักการนี้ได้ เราเชื่อว่า ความรักเปลี่ยนแปลงคนได้ และมันเปลี่ยนแปลงโทนี่
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้อยากให้เขาต้องชดใช้กรรมในการกระทำของเขา (เราเชื่อในหลักการของศาสนาพุทธเช่นกัน ความดีที่เกิดขึ้นภายหลังลบล้างความเลวที่ก่อขึ้นไม่ได้)
ดังนั้นเรายอมรับบทสรุปของเรื่องในชุดนี้ได้ แม้จะต้องบอกตามตรงว่า เหตุการณ์ในเล่มนี้ไม่ได้น่าติดตามมากเท่ากับที่เรารู้สึกตอนอ่านสองเล่มแก เนื่องจากทั้งโทนีและแคลร์ ซึ่งเป็นคาแร็คเตอร์หลักถูกจำกัดขอบเขตอยู่บนเกาะร้าง และคนที่สืบสวนและตามเรื่องกลายเป็นตัวละครรองตัวอื่นไป ที่สำคัญเล่มนี้เปิดเผยความจริงทุกอย่างที่ถูกซ่อนออกมา จึงทำให้มีลักษณะเป็นเล่มที่ "เฉลย" ทุกอย่าง ปริศนาไม่ได้มีอีกต่อไป
กระนั้นเนื่องจากเราอ่านหนังสือทั้งสามเล่มติดต่อกัน เราจึงมองเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องราวเดียวกัน เล่มแรกคือบทนำเปิดเรื่องที่แนะนำตัวละคร เล่มสองเข้าพล็อตหลัก และเล่มสามคือบทสรุป เมื่อคิดเช่นนี้เล่มนี้ก็ตอบโจทย์ของมันได้อย่างครบถ้วน
เราไม่ชอบวิธีการเล่าเรื่องของคนแต่งที่ตัดเหตุการณ์ระหว่างปี 2016 (บทสรุปของเรื่องนี้เล่าเกินไปในอนาคต) และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2013 (ซึ่งคือเหตุการณ์ต่อเนื่องจากตอนจบของเรื่อง Truth) เราคิดว่ามันสร้างความเมโลดรามาที่เกินความจำเป็น อันที่จริงเราคิดว่า
เราคิดว่า ส่วนนึงที่เราชอบเล่มนี้น้อยกว่าเล่มอื่นในชุด ก็เพราะว่า บทสรุปของเรื่องเกี่ยวกับโทนี่
เราคิดว่า เราคงจะยอมรับชะตากรรมของโทนี่ได้ดีกว่านี้ หากเรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องประสบหลังจากฉากไคลแม็กซ์ของเรื่อง การที่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย ต้องโดนแยกจากแคลร์และลูก ต้องเข้าไปติดคุกรับโทษ เพราะถ้าเราได้อ่านฉากเหล่านี้ จากการที่เรารู้จักโทนี่ แม้โทษจะแค่สามปี แต่ก็เป็นสามปีที่เขาสูญเสียทุกอย่างที่สำคัญกับเขา แคลร์ ลูกสาว และฉากหน้าอันเป็นภาพลักษณ์ที่เขาต้องรักษาไว้ด้วยทุกอย่าง นี่จึงเป็นการทำร้ายโทนี่ที่ดีที่สุด เราคงสะใจกว่านี้ถ้าได้อ่านฉากนั้น และคงคิดว่า เขาได้รับใช้กรรมเพียงพอแล้ว แต่เพราะเรื่องตัดจบไปหลังจากเหตุการณ์ไคลแม็กซ์ แล้วเล่าย้อนเป็นคำพูดเพียงอย่างเดียว เราจึงรู้สึกว่า หลายอย่างขาดหายไป
แต่ถึงเราจะวิจารณ์ทางออกที่คนแต่งใช้เกี่ยวกับคาแร็คเตอร์ เราก็ต้องบอกว่า เราชอบบทสรุปของเรื่อง หัวใจสีชมพูที่ชอบเรื่องแนวโรแมนซ์ก็ยังเอาชนะได้ทุกอย่าง เราเลือกตอนจบแบบในเล่มนี้ มากกว่าตอนจบที่สมจริงและควรจะเป็น
คะแนนที่ 73
โดยภาพรวมของชุดแล้ว เราอยากให้ลองอ่านกันดูนะคะ นี่เป็นหนังสือที่สนุกและน่าติดตามมาก ๆ อย่างที่เคยบอกไว้ ไม่ใช่โรแมนซ์ แต่เราคิดว่า น่าสนใจสำหรับแฟนหนังสือโรแมนซ์ เราอยากรู้ว่า จะคิดกันอย่างไรกับความสัมพันธ์ระหว่างแคลร์ และโทนี่
View all my reviews
No comments:
Post a Comment