ในระยะเวลาที่ไล่เลี่ยกันมีหนังสือชื่อในธีมเดียวกันออกมาถึงสองชุด ทั้งหมดหกเล่ม แถมยังเป็นสนพ.เดียวกันอีกต่างหาก แต่คนที่ตั้งชื่อเรื่องก็เก่งนะคะ เพราะไม่มีเรื่องไหนที่ชื่อซ้ำกันเลย
ธีมที่แม็กซ์พูดถึงก็คือคำว่า Trap ที่ต่อท้ายหนังสือชุดไตรภาคของเทรซี่ แอนน์ วอร์เรน (The Wife Trap, The Husband Trap, The Wedding Trap) และอลิซาเบธ ธอร์นตัน (The Marriage Trap, The Bachelor Trap, The Pleasure Trap) นั่นเอง
เล่มที่พูดถึงในวันนี้คือเล่มที่สองในชุดของอลิซาเบ็ธ ธอร์นตันค่ะ เล่มที่บอกตามตรงว่าไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แต่อ่าน ๆ ไป กลับพบว่าตัวเองชอบเล่มนี้ไม่น้อยเลยล่ะ
The Bachelor Trap ของอลิซาเบ็ธ ธอร์นตัน
แม็กซ์อ่านงานของอลิซาเบ็ธ ธอร์นตันเกือบครบทุกเล่มค่ะ เพราะถึงจะไม่มีเล่มไหนที่สนุกขนาดลืมไม่ลง แต่ส่วนใหญ่ก็อ่านได้สนุกดี งานของเธอในระยะหลังมักเน้นไปที่การสืบสวนมากกว่าความหวานของพระเอกนางเอก แต่ก็ยังเป็นโรแมนซ์นะคะ เพียงแต่มันไม่ใช่ความรักชนิดยิ่งใหญ่เหนือฟ้า เพราะตัวเอกยังมีภาระในการสืบสวนหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดใน เรื่อง
ซึ่งบอกตามตรงค่ะว่าแม็กซ์ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหรหรอกกับพัฒนาการมาในทางนี้ ของคนแต่ง งานในยุคก่อนของเธอก็เหมือนโรแมนซ์ทั่วไป พระเอกที่เอาแต่ใจ นางเอกที่ปากเก่งและกล้าหาญ อ่านได้ใจกับความเน่าหน่อย ๆ ทำให้แม็กซ์ชอบมากกว่างานระยะหลัง
แต่อาจจะยกเว้นเล่มนี้ค่ะ
ไม่ใช่ว่าความหวานมันจะเพิ่มขึ้นหรอกนะคะ คงเป็นเพราะประเด็นภูมิหลังของพระเอกที่คนแต่งใช้ในเล่มนี้มันโดนใจแม็กซ์อย่างจังมากกว่า
แม้จะเป็นเล่มที่สองในชุด แม็กซ์ก็เชื่อว่าทุกคนสามารถหยิบเล่มนี้มาอ่านได้ทันทีโดยไม่ต้องอ่านเล่ม แรก ความเป็นชุดผูกพันกันที่เพื่อนสนิทสามคนที่ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง พระเอกเล่มแรกแทบจะไม่มีบทในเล่มนี้ด้วยซ้ำ
พระเอกของเล่มนี้คือแบรนด์ แฮมิลตัน เขาเป็นลูกชายคนโตของดยุคผู้สูงศักดิ์ แต่เพราะความที่เป็นลูกนอกสมรสทำให้เขาถูกกันออกจากบรรดาศักดิ์อันนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าที่ของเขาต่อครอบครัวจะหมดไป เมื่อพ่อของเขาตาย พินัยกรรมกำหนดให้แบรนด์เป็นผู้ปกครองและดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูล สำหรับคนที่ถูกกันให้อยู่วงนอกของสังคม (เพราะความที่เขาเป็นลูกนอกสมรส) ทำให้แบรนอยู่กึ่งกลางของการยอมรับและต่อต้าน
ในฐานะที่เป็นพระเอกโรแมนซ์ แบรนด์ใช้ฝีมือสร้างตัวเองจนกลายเป็นเจ้าพ่อสื่อหนังสือพิมพ์ในอังกฤษยุครี เจนซี่ และความเป็นลูกนอกสมรสก็ดูเหมือนจะไม่อาจหยุดยั้งเขาจากความก้าวหน้าโดย เฉพาะในวงการการเมืองซึ่งแบรนด์ตั้งใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร
ดังนั้นการที่เขาแสดงความสนใจเลดี้แมเรียน เดนจึงถูกมองว่า เขาหมายปองลูกสาวของท่านเอิร์ลคนนี้เพราะหวังไกลกับอนาคตทางการเมือง
แต่เลดี้แมเรียนเองก็มีความลับดำมืด (ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเนื้อตัวเธอหรอกนะคะ สบายใจกันได้) ที่ทำให้เธอต้องจ่ายเงินให้กับนักแบล็กเมลล์ และแม้จะชอบแบรนด์ขนาดไหน เธอก็ไม่อาจยินยอมตกลงแต่งงานกับเขาได้ แต่แล้วเมื่อจู่ ๆ เธอตกเป็นเป้าหมายการเอาชีวิตจากบุคคลลึกลับ เธอก็หมดทางเลือกเพราะแบรนด์คือคนคนเดียวที่จะคุ้มครองเธอได้
ชนวนของเรื่องลึกลับเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ในขณะที่แมเรียนยังเป็นเด็ก ฮันนาห์อาสาวของเธอหายตัวไปอย่างลึกลับ หลายปีต่อมาป้าของเธอก็เสียชีวิตเพราะพยายามสืบหาความจริง และตอนนี้แมเรี่ยนกลายเป็นเป้าคนต่อไป
สิ่งที่ทำให้แม็กซ์ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบเล่มนี้ไม่ใช่ที่พระเอกหรือนางเอก หรอกนะคะ แม็กซ์ออกจะไม่ค่อยชอบนางเอกเท่าไหรด้วยซ้ำ และก็ไม่ใช่เพราะพล็อตฆาตกรรมที่ทำให้น่าสนหรอก เพราะถึงอลิซาเบ็ทจะเขียนได้ดี แต่ก็มีคนเขียนเรื่องสืบสวนได้ดีกว่าเธออีกเยอะ ประเด็นที่แม็กซ์ชอบก็คือครอบครัวของแบรนด์
พ่อของเขาไม่ได้แต่งงานกับแม่ของแบรนด์ไม่ใช่เพราะไม่รัก หรือหลอกมาฟันแล้วทิ้ง หากแต่เป็นเพราะตาของแบรนด์ไม่ชอบคนมีบรรดาศักดิ์ และพูดจนลูกสาวไม่ยอมแต่งงานก่อนแบรนด์เกิด และเมื่อแม่ของเขาตายหลังจากเขาเกิดได้ไม่นาน แบรนด์ก็ถูกเลี้ยงดูโดยตาผู้เกลียดพ่อ ทำให้เมื่อตาเสียชีวิตและแบรนด์ต้องย้ายมาอยู่กับครอบครัวของพ่อ เขาจึงเป็นเสมือนคนนอก
แม็กซ์ชอบการที่คนในครอบครัวของแบรนด์รักเขา แม้ในตอนต้นมันจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน เพราะแบรนด์เองก็ขีดเส้นขวางพวกเขาไว้เช่นกัน การเข้ามาของแมเรี่ยนทำให้เส้นที่มีนั้นลางเลือนลง จนถึงตอนท้ายเรื่องก็ไม่มีคำถามเกี่ยวกับการที่ครอบครัวของเขายอมรับความ เป็นลูกนอกสมรสของเขาได้หรือไม่ หรือว่าพวกเขารักแบรนด์มากเพียงไร
อีกประเด็นที่เราชอบก็คงเป็นเหยื่อ (ฮันนาห์) และตัวร้าย ที่ไม่ได้เป็นมิติขาวและดำเพียงอย่างเดียว แม็กซ์บอกตามตรงนะคะว่า ถ้าแม็กซ์เจอผู้หญิงอย่างฮันนาห์ เราก็จะนึกอยากให้เธอตายไปด้วยอีกคนค่ะ ดังนั้นจะว่าไปแม็กซ์ก็ปรบมือให้คนร้ายหน่อย ๆ เช่นกัน
เล่มนี้สนุกอย่างไม่คาดหวังจริง ๆ ค่ะ อาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็น่าสนใจอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ คะแนนที่ 63
No comments:
Post a Comment