Thursday, January 22, 2009

วัฒนธรรมแฟนเกิร์ล

เมื่อวานถ้าใครติดตามอ่านบอร์ดโรแมนซ์ชื่อดังแห่งหนึ่งในโลกไซเบอร์ ก็คงจะได้เห็นว่า แม็กซ์เกิดอาการสติแตกด่าชาวบ้านเข้าให้อีกแล้ว ทั้งที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของแม็กซ์เลย ดันเสือกเข้าไปยุ่งเอง แต่บอกตามตรงนะคะว่า พอเห็นแล้วก็เกิดอาการ "ของขึ้น" อย่างชนิดที่ห้ามตัวเองไม่อยู่ รู้สึกตัวอีกทีก็ด่าไปแล้ว เลวอย่างนี้แหละค่ะ

ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนบอกใบ้ให้ไปตามอ่านหรอกนะคะ แต่เชื่อไหม บางครั้งความเห็นที่เราได้อ่านในเน็ต ก็เป็นชนวนให้เราตั้งคำถามที่น่าสนใจขึ้นมา

ถ้าสรุปจากเรื่องที่เกิด ก็เริ่มมาจากมีนักอ่านคนนึง (ซึ่งแม็กซ์ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว) ไปแสดงความเห็นในเชิงลบเกี่ยวกับหนังสือเล่มหนึ่ง ในกระทู้ที่จ่าหัวชัดเจนว่า "สปอลย์นะคะ" เธอไม่ได้เล่าเรื่องอะไรนอกจากบอกในทำนองที่ว่า "ครึ่งแรกของเรื่องน่าเบื่อ บางส่วนเหมือนหนังช่องเจ็ด"

จากนั้นก็มีแฟนเกิร์ลผู้ทุ่มเทแสดงความเห็น "เมื่อคุณมาคอมเมนท์ นิยายเรื่องนี้ ไม่สนุก ตามแนวความคิดของคุณนั้น ดิฉันถือว่าไม่เป็นการให้โอกาสกับคนอ่านท่านอื่น ๆ ที่อยากจะลองอ่านเรื่องนี้เลยนะคะ"

แม็กซ์อ่านเข้าก็หน้ามืด ตาลายเลยครับท่าน ตามไปอ่านสิ่งที่แม็กซ์เขียนกันได้ถ้าอยากรู้ แต่คงไม่โค้ดเอาคำพูดมาซ้ำนะคะ บอกได้ว่า ตอกกลับไปแรง แรงมากกว่าที่เขาเริ่มต้น แต่ที่แม็กซ์มีปฏิกริยารุนแรงขนาดนั้น เพราะแม็กซ์รู้สึกเหมือนว่าวัฒนธรรมแฟนเกิร์ลมันกำลังแพร่เชื้อโรคในวงการโร แมนซ์ของเราเสียแล้ว

อะไรคือแฟนเกิร์ล

แฟนเกิร์ลในโลกนิยายโรแมนซ์ก็คือ แฟนหนังสือที่ไม่ยอมรับคำวิจารณ์ในด้านลบ พวกเธอจะบูชานักเขียนถึงขั้นบ้าคลั่ง ถ้าได้เจอแฟนหนังสือคนอื่นที่ไม่ชอบหนังสือที่พวกเธอชอบ พวกเธอก็จะเริ่มโครงการโจมตีผู้ให้ความเห็นคนนั้นอย่างรุนแรง พวกคุณหาแฟนเกิร์ลได้ตามบอร์ดของนักเขียนในเว็บไซด์ของพวกเขา

ส่วนตัวแม็กซ์เองก็เป็นแฟนเกิร์ลของนักเขียนบางคน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว พวกแฟนเกิร์ลจะไปสิงสถิตอยู่ในเฉพาะบอร์ดส่วนตัวของพวกเขา ในถิ่นของเขา ดังนั้นถ้ามีใครหน้าไหนเสนอหน้าเข้าไปด่านักเขียนในรังของแฟนเกิร์ล แล้วโดยบอมบ์กลับมามันก็สมควรแล้ว

แต่ในเคสที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แม็กซ์ไม่เห็นว่าคนอ่านที่แสดงความรู้สึกไม่ชอบนั้นทำผิดอะไร บอร์ดที่เธอเข้าไปแสดงความเห็นก็ไม่ได้ประกาศว่า เป็นที่สิงสถิตเฉพาะคนที่แสดงความเห็นว่า ชอบโรแมนซ์เท่านั้น ห้ามวิจารณ์ในทางลบเด็ดขาด

ดังนั้นพอแม็กซ์เห็นข้อความตอกกลับจึงทนไม่ได้ เพราะรู้สึกว่ามันล้ำเส้น อย่างน้อยคนเราควรมีสิทธิในการแสดงความเห็นว่าชอบหรือไม่ชอบ แล้วทำไมการไม่ชอบของเราจะต้องไปมีผลอะไรกับพฤติกรรมของคนอ่านคนอื่นนั้น เหรอ เราแค่บอกว่าไม่ชอบไม่ได้เหรอไง

แม็กซ์เองก็ไม่ชอบโรแมนซ์หลายเรื่อง เวลาด่าก็จะด่าชนิดไม่ไว้หน้า คนที่อ่านบลอกของเราก็คงพอรู้ คำถามว่า ถ้าคุณอ่านบลอกของแม็กซ์ที่บอกว่าไม่ชอบเล่มนั้นเล่มนี้ แล้วคุณคิดยังไง แม็กซ์ไม่คิดหรอกนะว่า คนที่มีสมองที่ทำงานได้ ไม่ใช่เต็มไปด้วยขี้เลื่อย จะทำทุกอย่างตามแม็กซ์โดยไม่มีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง

เวลาแม็กซ์อ่านรีวิว แม็กซ์จะชั่งใจว่าเขาพูดประเด็นอะไร และมันให้ความรู้สึกยังไง และสุดท้ายเราก็คิดด้วยตัวเองว่าจะเชื่อไหม หลายครั้งเราซื้อหนังสือทั้งที่คนรีวิวบอกว่าไม่ชอบ เพราะพล็อตเรื่องที่เขาเขียนมันดูน่าสนใจมากพอ และบางครั้งแม็กซ์ก็ไม่ซื้อหนังสือเพราะประเด็นที่เขาชื่นชมเป็นจุดที่ แม็กซ์รับไม่ได้อย่างรุนแรง

ปกติเราไม่เชื่อรีวิว เราเชื่อคำแนะนำของเพื่อนบางคนที่เราคิดว่ามีรสนิยมตรงกันเท่านั้น และถ้าเพื่อนของแม็กซ์ไม่ชอบ แล้วแม็กซ์เชื่อไม่ซื้ออ่าน หากเล่มนั้นสนุก มันก็ยังเป็นความผิดของแม็กซ์อยู่ดี เพราะท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจคือแม็กซ์ เราเริ่มต้นด้วยการโทษตัวเองค่ะ ไม่ใช่โทษชาวบ้าน

ถ้าคุณเชื่อเขาจนไม่ซื้อหนังสือเล่มนั้น คุณควรเริ่มต้นด้วยการโทษตัวเองก่อน ย้อนคิดกลับไปว่า ทำไมไปเชื่อเขาตั้งแต่ต้น เขามีอะไรน่าเชื่อถือจนทำให้คุณเชื่อ

แม็กซ์ว่า วัฒนธรรมเสียงสะท้อนที่ทุกคนต้องบอกว่าชอบ ชอบ ชอบ ชอบ และชอบเท่านั้นควรจะหมดไปในสังคมไทยได้แล้ว

ความจริงเรื่องบ่นครั้งนี้แบ่งเป็นสองภาคค่ะ เพราะมันมีสองประเด็นที่แม็กซ์เห็นในโพสต์จุดชนวนความคิดครั้งนี้

ติดตามตอนต่อไปแล้วกัน

No comments: