หลายคนบ่นกะแม็กซ์ว่า งานที่เราเอามารีวิวมักจะไม่มีฉบับแปล อันที่จริงเราไม่ได้ตั้งใจหรือต่อต้าหนังสือแปลหรอกนะคะ เพียงแต่หลายครั้งแม็กซ์มักอ่านหนังสือทันทีที่ออกขาย (หรือภายในสองเดือนนับจากนั้น) ทำให้ฉบับแปลมักจะออกมาทีหลังรีวิวเสมอ
แต่สำหรับเล่มนี้ เราดองไว้ปีนึงพอดีค่ะ (จนเล่มสองในชุดออกมาแล้วล่ะ) ข่าวดีก็คือ มีสนพ.จับเอาเล่มนี้มาแปลแล้ว ดังนั้นถ้าสนใจก็ไปตามหาซื้ออ่านกันได้นะคะ
สำหรับคนที่ไม่รู้ จูเลีย ฮาร์เปอร์คนแต่งหนังสือเล่มนี้ ก็คือคนคนเดียวกับเจ้าของนามปากกาอลิซาเบ็ธ ฮอยท์ที่เราชอบมาก ๆ ก่อนหน้าที่จะได้อ่านเล่มนี้ หลายครั้งเรานึกเสียดายที่อลิซาเบ็ธซึ่งเป็นนักเขียนโรแมนซ์แนวย้อนยุคที่ดี มาก ๆ เสียเวลาไปเขียนเรื่องแนวปัจจุบันนะคะ เพราะเราคิดว่าเราชอบแนวย้อนยุคของเธอมากกว่า (ทั้งที่ยังไม่เคยอ่านแนวปัจจุบันของเธอเลยด้วยซ้ำ)
แต่เมื่อได้อ่านเรื่องนี้จบลง เราก็เปลี่ยนความคิดค่ะ
Hot ของจูเลีย ฮาร์เปอร์
เรื่องมันเกิดเพราะเหตุการณ์ปล้นธนาคารในวันเสาร์ที่เทิร์นเนอร์ เฮสติ้งค์กำลังทำงานอยู่ โจรสองคนที่ไร้สติ และโง่อย่างไม่น่าเชื่อ เปิดโอกาสที่เทิร์นเนอร์รอคอยมานานถึงสี่ปี
การแก้แค้นให้กับลุงของเธอที่ถูกใส่ความว่ายักยอกเงินจากธนาคารแห่งนี้
สี่ปีที่เทิร์นเนอร์รอคอยโอกาสเพื่อที่จะพิสูจน์ความจริงว่า คุณลุงไม่ใช่คนผิด ประธานบริหารของธนาคารต่างหากที่เป็นคนยักยอกเงินไป และท่ามกลางความชุลมุนหลังจากการปล้น เทิร์นเนอร์อาศัยโอกาสหยิบกุญแจไขตู้นิรภัย ลักลอบเข้าไปเข้าหาเอกสารเพื่อเอาผิดคนร้ายที่แท้จริง
การกระทำของเธอถูกจับเอาไว้ในกล้องรักษาความปลอดภัย และนั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่พิเศษแห่งหน่วยเอฟบีไอ จอห์น แม็คคินน่อนเห็นเธอ
จอห์นถูกเรียกตัวมาทำคดีปล้นธนาคารในเมืองเล็ก ๆ ในวิสคอนซิน เขาไม่คาดฝันจะได้พบกับ "รักแท้" แต่แรกเมื่อเห็นเทิร์นเนอร์เขาก็รู้ดีว่า คดีนี้ไม่ง่าย และไม่มีอะไรตรงไปตรงมา
คุณจะขีดเส้นตรงให้กับความรักได้อย่างไร
นี่เป็นเรื่องราวของความรักแรกพบ หรือถ้าพูดให้ถูก ความรักตั้งแต่ยังไม่ได้พบ ทั้งเทิร์นเนอร์และจอห์นไม่ได้พบหน้ากันจนกระทั่งหน้าที่สองร้อยกว่าไปแล้ว นี่เป็นปัญหาที่เพื่อนหลายคนของแม็กซ์บ่นให้เราฟัง
แต่สำหรับแม็กซ์แล้ว ไม่เลยค่ะ
อาจเพราะเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงหนังสือเล่มนึงที่เราชอบมาก ๆ (และหนังที่สร้างจากหนังสือเล่มนั้นที่เราชอบไม่แพ้กัน) หนังสือที่ไม่ใช่แนวโรแมนซ์หรอกนะ เรื่อง Out of Sight ของเอลเมอร์ เลียวนาร์ด ที่สลับด้านกัน เพราะพระเอกในเรื่องนั้นเป็นโจรปล้นธนาคาร ในขณะที่นางเอกเป็นยูเอสมาร์แชล
เทิร์นเนอร์ซึ่งกลายเป็นผู้ร้ายหนีคดี ถูกตามจับจากเอฟบีไอ ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหาหลักฐานเพื่อปรักปรำคนร้ายที่ใส่ความลุงของเธอ สี่ปีแล้วที่เธอใช้ชีวิตอย่างไม่มีชีวิต รอคอยโอกาส คนที่มุ่งมั่นทำเ่ช่นนั้นได้เป็นเวลานานไม่ใช่คนธรรมดา และไม่ใช่คนที่คุณจะเข้าใจได้ง่าย แต่จอห์นอาจจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจเธอ เข้าถึงเธออย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ เขามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า (รองเท้าสีแดงที่เขาเห็นในตู้เสื้อผ้าตอนที่เข้าไปค้นบ้าน)
อย่างที่บอกนะคะ กว่าพระเอกและนางเอกจะได้เผชิญหน้ากัน ก็ปาไปค่อนเล่มแล้ว แต่บอกตามตรงค่ะว่า มันไม่ได้ทำให้แม็กซ์หงุดหงิดเลย การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่จบลงด้วยเซ็กส์ และนี่ก็ไม่ได้ทำให้แม็กซ์รู้สึกว่า มันเร็วเกินไป
มันจะเร็วได้อย่างไร ในเมื่อทั้งสองติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ และเช่นเดียวกับเรื่อง My Sweet Folly ของลอร่า คินเซล ที่ทำให้แม็กซ์เชื่อว่า คนเราตกหลุมรักกันผ่านการเขียนจดหมายได้ หนังสือเรื่องนี้ก็ทำให้แม็กซ์เชื่อว่า เทิร์นเนอร์และจอห์นตกหลุมรักกันผ่านเสียงทางโทรศัพท์
บทสนทนาของทั้งสองเปิดเผยถึงความเข้าถึงในกันและกันของทั้งคู่ แม้จะยืนกันอยู่คนละฝั่งของกฎหมายก็ตาม ฉากแรกที่ทั้งสองพบกัน เมื่อจอห์นเลือกที่จะทำให้เทิร์นเนอร์ไว้ใจด้วยการใส่กุญแจมือตัวเองกับหัว เตียง เป็นสิ่งที่แม็กซ์ไม่คาดคิด แต่เป็นการแสดงออกที่เราชอบมาก ไม่ใช่เพราะมันเหมาะจะเป็นการเปิดทางสำหรับฉากเซ็กส์หรอกนะคะ แต่มันเป็นการบอกว่าจอห์นเข้าใจเทิร์นเนอร์มากเพียงใด
แม็กซ์คิดว่า คนแต่งตั้งใจจะให้หนังสือเล่มนี้ออกแนวโรแมนติกคอมเมดี้หน่อย ๆ ไม่เครียดมากจนเกินไป ซึ่งเราก็คิดว่าทำได้ดี (ยกเว้นส่วนที่เล่าเรื่องโจรปล้นธนาคารปัญญาอ่อนสองคนนั้น มันไม่สนุก และน่ารำคาญ เราอยากให้เรื่องใช้เวลากับพระนางมากกว่า) รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉพาะการที่จอห์นซึ่งอายุสี่สิบแล้ว เริ่มระวังอาหาร ทำให้ตลอดทั้งเรื่อง เขาจะค่อยสังเกตว่าชาวบ้านกินอาหารแบบใดบ้าง และแม้จะไม่พูดออกมาตรง ๆ เราก็รู้สึกถึงความอิจฉาเล็ก ๆ ของเขาได้
ประเด็นเดียวที่เราผิดหวัง (สปอยล์) ก็ คงเป็นการค้นหาหลักฐานเพื่อเอาผิดผู้ร้ายที่สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นจอห์นที่ ค้นหาจนเจอ เราอยากให้เป็นฝีมือของเทิร์นเนอร์มากกว่าค่ะ เธอทุ่มเทเวลาไปถึงสี่ปีเพื่องานนี้ แต่กลับเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย
เราชอบเรื่องนี้มากกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ คะแนนที่ 75
No comments:
Post a Comment