Tuesday, January 20, 2009

Secrets of the Highlander // Janet Chapman

หนังสือเล่มนี้โดนดองอย่างไร้สาเหตุค่ะ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่หยิบมาอ่าน เพราะตามปกติเราค่อนข้างชอบงานของเจเน็ต แชปแมนอยู่แล้ว แต่เล่มนี้ซื้อมาเกือบปีทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ (ที่หัวเตียง)

Secrets of the highlander ของเจเน็ต แชปแมน

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่หกในชุดไฮแลนเดอร์ที่เล่าเรื่องหนุ่มสก๊อตสิบคน ที่ถูกดึงข้ามผ่านเวลามายังยุคปัจจุบันโดยพ่อมดดรูอิคที่ต้องการทายาทเพื่อ สืบทอดพลังของเขา เริ่มต้นชุดนี้คิดว่าคนแต่งคงจะเสนอให้เป็นรูปแบบไตรภาค แต่เขียนแล้วดันดังทำให้มีการเขียนเรื่องชุดนี้ต่อมาอีกหลายเล่ม

เล่มนี้ซึ่งดูท่าว่าน่าจะเป็นเล่มสุดท้ายในชุด แต่ถ้าคุณอ่านไปแล้วก็จะรู้่ว่าไม่ใช่หรอกนะคะ เพียงแค่คนแต่งเปลี่ยนชื่อแล้วทำเหมือนเริ่มต้นชุดใหม่ แต่ตัวละครก็ยังเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันจากชุดนี้นี่แหละ

ก่อนหน้าที่หนังสือเล่มนี้จะออก เราบอกตามตรงว่าไม่แคร์สักนิดเดียวที่จะอ่านเรื่องนี้ เพราะอะไรเหรอคะ แม่สาวเจ้าเมแกนนางเอกนี่เป็นตัวละครที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดตอนที่แม็กซ์ อ่านเรื่อง Only with the highlander (เล่มห้าในชุด ซึ่งเราชอบมาก) เจ้าหล่อนถูกแฟนทิ้ง เลยอุ้มท้องร้องไห้ตลอดทั้งเล่มห้า น่ารำคาญ น่ากระทืบ น่าถีบให้กระเด็นออกไปจากหน้าหนังสือ

โดยเฉพาะเมื่ออ่านเล่มนั้น (Only with the highlander) แม็กซ์คิดว่า คุณเธอต้องคู่กับเคนซี่ย์ เกรเกอร์ซึ่งเป็นน้องชายพระเอกเล่มห้าแน่ ๆ เรายิ่งไม่สบอารมณ์ เพราะพล็อตเรื่องชนิดที่แม็กซ์เกลียดที่สุดก็คือ เรื่องราวของนางเอกที่โง่ โง่ และโง่ปล่อยตัวจนโดนผู้ชาย (ชั่ว) ทำท้อง แล้วสุดท้ายต้องมาหาพระเอกให้คอยปลอบใจ และเลี้ยงลูกคนอื่นให้

บางคนอาจว่าซึ้งนะคะ สำหรับแม็กซ์มันเป็นการเสียของ ถ้านางเอกสามีตาย แล้วท้อง ก่อนจะมาเจอกับพระเอก เราอ่านได้ไม่มีปัญหานะคะ ดังนั้นจึงไม่ใช่การที่นางเอกอุ้มท้องเป็นอุปสรรค แต่เป็นความโง่ของนางเอกที่โดนหลอกจนท้องต่างหากที่เรารับไม่ได้

นั่นคือเหตุผลที่เราไม่อยากอ่านเล่มนี้ ก่อนหน้าที่มันจะออกขาย (หรือมีข่าวเกี่ยวกับมัน)

แต่เมื่อหนังสือเล่มนี้ออกมา ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คิด และสิ่งนี้ทำให้เรานับถือเจเน็ตเพิ่มขึ้น แม็กซ์ไม่คิดว่ามันเป็นการสปอยล์นะคะ เพราะเรื่องย่อทางด้านหลังปกก็เล่าแล้ว (แม้ว่าเราจะรู้สึกเองว่าสปอยล์เลยล่ะ)

อย่างที่บอกนะคะ เราคิดว่าการเขียนเรื่องย่อที่ปก เป็นการสปอยล์เรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการเซอร์ไพร์ส ก็ขอว่าอย่าอ่านบลอกนี้ต่อ และที่สำคัญ เมื่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทย (ที่น่าจะออกขายนะคะ) ก็อย่าอ่านเรื่องปกหลังเป็นอันขาด

เพราะพระเอกของเล่มนี้ไม่ใช่เคนซี่ย์ หากแต่เป็นแฟนเก่าที่ทิ้งเมแกนไป และเขาก็มีเหตุผลในการทำเช่นนั้น

เมแกนพัฒนาขึ้นมาก หลังจากรับบทอุ้มท้องร้องไห้มาตลอดก่อนหน้าเล่มนี้ เธอเริ่มต้นฮึดสู้ และจัดการชีวิตให้อยู่ในรูปรอยเสียที เมแกนเป็นนักวิจัยที่มีความสามารถ ความผิดหวังจากความรักทำให้เธอหนีจากทุกสิ่งคืนสู่อ้อมอกครอบครัวพร้อมกับ ลูกในท้อง แต่ตอนนี้เมแกนพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับชีวิต เธอเริ่มต้นหางานทำ และซื้อบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านเกิดเดิม และเริ่มมองหาหนุ่มออกเดท

แจ๊ค สโตนเป็นหัวหน้าตำรวจประจำเมืองคนใหม่ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจับตามคอยดูเมแกนตลอด และเมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ความจริงก็ปรากฎ นั่นเพราะแจ๊คคือเวนย์ แฟร์ริส แฟนหนุ่มที่ปฏิเสธลูกในท้องและไล่ให้เมแกนจากไปอย่างเจ็บปวด เขาทำเช่นนั้นเพราะต้องการปกป้องเธอ แต่ตอนนี้อันตรายนั้นหมดไปแล้ว เขากลับมา พร้อมที่จะคืนดีกับผู้หญิงที่เขารักเสียที

แต่เรื่องคงไม่ง่ายอย่างนั้น เมแกนซึ่งเจ็บปวดอย่างมากกับการปฏิเสธของแจ๊ค เธอไม่ยอมเชื่อใจเขาอีกแล้ว แต่กระนั้นเธอก็ไม่อาจตัดใจจากเขาได้อย่างที่คิด

แม็กซ์ชอบเมแกนในเล่มนี้ค่ะ เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมในเล่มก่อนหน้า เธอกลายเป็นตัวละครที่เรายอมรับได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ถูกอธิบายด้วยเหตุผลที่ยอมรับได้ ช่วงสี่เดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในเล่มห้า เมแกนไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะผิดหวังในความรัก ในขณะที่เริ่มต้นเล่มนี้เธอเริ่มกลับมาเป็นคนเดิม การที่ให้ตัวละครตัวอื่นในเรื่องเอ่ยถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นการ เล่าเรื่องที่ฉลาดของคนแต่งค่ะ เพราะมันอธิบายนิสัยที่เปลี่ยนไปด้วยวิธีการที่โอเค

และแม็กซ์ชอบที่พระเอกเป็นแฟนเก่าของเมแกน (ไม่ใช่เคนซี่ย์) ที่สำคัญเราชอบคาแร็คเตอร์ของแจ๊ค ท่ามกลางญาติของเมแกนที่เป็นหนุ่มไฮแลนด์ร่างบึก แจ๊คซึ่งสูงไม่ถึงหกฟุตเป็นผู้รักความสงบ และเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยไม่ใช่ความรุนแรง และเขาก็พิสูจน์อย่างนั้นในการแก้ปัญหาในฐานะของหัวหน้าตำรวจ เขาเลือกทางที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายโดยที่ไม่ต้องเผชิญหน้า

หนึ่งร้อยหน้าแรกของเรื่องนี้เป็นส่วนที่น่าติดตามมาก แม็กซ์พบว่าตัวเองแทบวางเรื่องนี้ไม่ลงเลย กระทั่งไปดูแข่งกอล์ฟที่ชลบุรีก็ยังพกเล่มนี้ไปนั่งอ่าน แม็กซ์ชอบการเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง ชอบความง่าย ๆ ของแจ๊ค ชอบที่เขามีหลักการและยึดมั่นกับมัน

แต่ในส่วนตอนกลางเรื่อง (เมื่อความจริงปรากฎแล้วว่าแจ๊คคือเวนย์) เรื่องเริ่มช้าลง และน่าเบื่อ อาจเพราะประเด็นในเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ แม็กซ์คิดว่าเล่มนี้ดำเนินเรื่องพึ่งพาคาแร็คเตอร์มากเกินไป ทำให้เมื่อเรารู้สึกว่ารู้จักตัวละครดีแล้ว มันก็ไม่มีอะไรน่าค้นหาอีกต่อไป อย่างแจ๊คที่ตอนแรกเราอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งเมแกนไป ทำให้เรารู้สึกว่าเขาต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังที่น่าสนใจ แต่เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผยแล้ว มันก็หมดความน่าติดตามลงไปเลย

เรื่องกลับมาสนุกอีกครั้งตอนใกล้จบเรื่อง เมื่อแจ๊คต้องโชว์ฝีมือในฐานะของตำรวจผู้ใช้วิถีทางสันติในการแก้ปัญหา ไ่ม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายข้าวของของร้านค้าในเืมือง ชายลึกลับผู้ลอบทำร้ายแจ๊ค ขณะติดตามผู้บุกรุก และเคนซีย์ เกรเกอร์

แม็กซ์ชอบวิธีการที่เจเ็น็ตจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเมแกน และเคนซี่ย์ ในเล่มนี้เราไม่ได้รับรู้ว่าเคนซี่ย์รู้สึกอย่างไรกับเมแกน เพราะไม่มีการเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเขา คงต้องไปติดตามกันเองใน Moonlight Warrior ซึ่งจะเป็นเรื่องของเขา แต่เราชอบที่เมแกนไม่เคยคิดต่อเคนซี่ย์มากไปกว่าที่เขาเป็น นั่นคือผู้ชายที่เธอเพิ่งได้พบ (เพราะเมแกนไม่รู้เลยว่าเคนซี่ย์คือเสือที่นอนเตียงเดียวกับเธอมาตลอดหลาย เดือน) และมันก็เข้ากับเรื่องที่ว่าเธอเสียน้ำตาให้กับเวนย์ไปแค่ไหน (และในเมื่อเวนย์คือแจ๊ค มันจึงน่าเชื่อว่า เธอเลือกเขามาโดยตลอด และไม่เคยมีเคนซี่ย์ในหัวใจเลย)

สำหรับคนที่ไม่มีแบ็คกราวน์ในเรื่องชุดนี้มาก่อนเลย อาจรู้สึกว่าตัวละครที่เพ่นพ่านในเล่มนี้มีมากเกินไป เพราะเหมือนเพลงเมดเลย์ค่ะ มีตัวละครเก่า ๆ จากเล่มก่อนหน้าโผล่มาให้เห็นกันหายคิดถึงเลยล่ะ แม้จะไม่ได้ทำให้การอ่านเรื่องนี้ไม่รู้เรื่องก็อาจจะรำคาญได้เล็กน้อย อีกอย่างถ้าคุณอ่านเล่มนี้โดยที่ไม่ได้อ่านเล่มก่อนหน้า อาการสปอยล์ก็จะเกิดขึ้นกับคุณได้นะ (แค่อ่านคำอธิบายเรื่องชุดนี้ตอนต้นเล่มก็สปอยล์เรื่องในห้าเล่มเกือบหมด แล้วล่ะ) ดังนั้นในฐานะของคนที่อ่านชุดนี้แล้วค่อนข้างชอบ แม็กซ์ก็เลยอยากแนะนำให้คุณเริ่มต้นอ่านตั้งแต่เล่มแรกแล้วกันนะคะ ไล่มาเรื่อยจนเล่มนี้็น่าจะไม่ใช่การเสียเวลาในชีวิตอะไรนัก

สำหรับเล่มนี้ ยังไม่ใช่เล่มที่ดีที่สุดในชุด (แม็กซ์ชอบเล่มสี่ Tempting the highlander) คะแนนที่ 67

No comments: